บทความเอาใจสาวๆ ที่ชอบดูการ์ตูนแนวนี้ กับ หนุ่มๆที่ชอบสาวน้อยน่ารักกัน ในสมัยเด็กๆของใครหลายต่อหลายคนต่างก็เคยสัมผัสได้ชมการ์ตูนแนวนี้หลายเรื่องทางฟรีทีวี ปัจจุบันการ์ตูนแนวนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมของคนทุกยุคทุกสมัย โดยสาวน้อยจอมเวทย์ของแต่ละเรื่องนั้นต่างก็มีความน่ารัก งดงาม ทั้งลักษณะรูปร่างและนิสัย แตกต่างกันไป แถมยิ่งดูก็รู้สึกสนุก ผ่อนคลายไปด้วย เราจะมาย้อนรอยความเป็นมาของการ์ตูนแนวนี้ที่มีเสน่ห์อันยาวนานถึง 41 ปีเลย
ความเป็นมาของสาวน้อยเวทมนตร์
การ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ หรือ Mahou Shojo (บางทีก็เขียนอีกแบบหนึ่งว่า Mahou Shoujo) ก็ถือกำเนิดขึ้นในยุค 1960 ซึ่งในขณะนั้น ซี่รี่ย์อเมริกันเรื่อง Bewitched ได้รับความนิยมมากที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิง จนเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าอนิเมเตอร์ในยุคนั้น สร้างการ์ตูนอนิเมโดยเน้นเป้าหมายผู้ชมที่เป็นเด็กผู้หญิงเป็นหลัก ด้วยความนิยมของ Bewitched ทำให้ผู้สร้างตัดสินใจสร้างอนิเมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแม่มด ซึ่งตัวเอกนั้นก็เป็นแม่มดที่ภายนอกดูเป็นคนปกติธรรมดา แต่สามารถใช้พลังเวทมนตร์แก้ปัญญาจากเรื่องร้ายเป็นเรื่องดีได้ทุกๆวัน จุดนี้นี่เองทำให้การ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์จึงอุบัติขึ้น เมื่อ มิตซึเทรุ โยโกยาม่า นักเขียนการ์ตูนเจ้าของผลงานเรื่อง หุ่นเหล็กหมายเลข 28 ได้ใช้แรงบันดาลใจจากละครซีรี่ย์เรื่องนี้ ไปสร้างสรรค์เป็นผลงานการ์ตูนตัวเอง ชื่อเรื่องว่า "แม่มดน้อยแซลลี่" (Mahoutsukai Sally) ในปี 1966 ลงในนิตยสาร Ribon ก่อนที่จะถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมในปีเดียวกัน นับเป็นการ์ตูนอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องแรกของโลก
แต่สำหรับการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ในฉบับหนังสือการ์ตูนนั้น "แม่มดน้อยแซลลี่" กลับไม่ใช่เรื่องแรกที่ตีพิมพ์ แต่เป็น Himitsu no Akko-chan หรือ หนูน้อยอั๊กโกะจัง ซึ่งลงเคยลงในนิตยสารฉบับเดียวกัน เมื่อปี1962
แม่มดน้อยแซลลี่ ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จนทำให้มีการ์ตูนแนวนี้ผุดขึ้นอีกหลายๆเรื่องและสร้างตำนานมานักต่อนัก เช่น Himitsu no Akko-chan (หนูน้อยอั๊กโกะจัง),แม่มดน้อยลาล่าเบล,มิ้งกี้ โมโมะ,ครีมมี่ มามี่ จนกระทั่ง การมาของเซเลอร์มูน ที่ทำให้นิยามของการ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์นั้นเปลี่ยนไป จากเดิมที่พวกเธอใช้เวทย์เพื่อเปลี่ยนร่าง,เสกสิ่งของ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขนั้น เป็นการใช้เวทมนตร์เพื่อผดุงความยุติธรรม ปราบปีศาจร้ายที่หวังจะยึดครองโลกมนุษย์ รวมไปถึงตัวเอกเริ่มมีพรรคพวกมาช่วยเธอด้วย โดยมารวมตัวเป็นทีมเดียวกัน ทำให้พวกเธอนั้นเป็นทั้งจอมเวทย์สาวน้อยและฮีโร่สาวผู้ผดุงความยุติธรรมไปในตัว ปัจจุบันนี้ก็มีการ์ตูนหลายเรื่องที่ได้อิทธิพลมาจากเซเลอร์มูนพอสมควร เช่น Wedding Peach,Tokyo Mew Mew,พริตตี้เคียว,นาโนฮะ เป็นต้น
ลักษณะเด่นๆของการ์ตูนแนวนี้
- ตัวเอกของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวธรรมดา หรือ มีพลังเวทย์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด พวกเธอเหล่านั้นก็มี คฑา,กำไล,ตลับแป้ง,ฯลฯ เป็นตัวเรียกพลังเวทย์ ในการจะใช้เวทย์ก็ต้องมีคำพูดในการร่ายเวทย์โดยใช้อุปกรณ์ดังกล่าวข้างต้นมาประกอบกัน
- เวทมนตร์ที่ใช้ ก็เป็นเวทย์ที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็น มนุษย์,สัตว์,สิ่งของ เวทย์ที่สามารถเสกสิ่งของ จนถึงเวทย์ที่ใช้ในการเผด็จศึกกับเหล่าร้าย
- ช่วงแรกๆ พวกเธอต้องคอยฝึกฝนเวทมนตร์,อุปกรณ์ที่ได้รับให้คล่อง เพื่อรับรู้ถึงอันตราย โดยเริ่มจากเวทมนตร์ง่ายๆจนถึงเวทมนตร์ขั้นสูง
- ในบางเรื่องพวกเธอเหล่านั้นก็ต้องมีสัตว์เลี้ยง,หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่สามารถพูดได้ คอยแนะนำพวกเธอในการใช้เวทย์ในรูปแบบต่างๆ
- จากการที่พวกเธอมีเวทมนตร์ ก็ทำให้พวกเธอเหล่านั้นต้องใช้ชีวิตแบบคนปกติโดยที่ต้องปิดบังความลับเรื่องเวทมนตร์เหล่านั้นไม่ให้ใครรู้ หากมีคนล่วงรู้ความลับเรื่องเวทย์มนตร์ของพวกเธอ พวกเธอจะต้องประสบกับเคราะห์กรรมบางอย่างตามเงื่อนไขที่กำหนด ตามแต่กำหนดไว้ในแต่ละเรื่อง
- ลักษณะนิสัยของพวกเธอนั้น จะเรียนเก่งหรือห่วยแตกก็ช่าง แต่ส่วนใหญ่นั้นเป็นคนที่ร่าเริงสดใส มองโลกในแง่ดี
- พวกเธอเหล่านั้นจะใช้เวทมนตร์ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ ความรัก,มิตรภาพ และ ความหวัง รวมไปถึงพวกเธอไม่เคยใช้เวทย์ต่อสู้เพื่อล้างแค้นส่วนตัว และ สำหรับเรื่องที่มีสาวน้อยเวทมนตร์รวมกันเป็นทีมนั้น พวกเธอก็ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอยู่ด้วยกันเป็นทีม การทำงานร่วมกัน รวมถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อนซึ่งมีมากขึ้นในทุกๆตอน
ตามรอยการ์ตูนMahou Shojoเรื่องเด่นดัง
(หมายเหตุ สำหรับการ์ตูนบางเรื่อง ชื่อของตัวละครจะเรียกแบบ นามสกุล-ชื่อ ตามความเคยชิน)
Mahoutsukai Sally (1966, 1989)
ตำนานบทแรกของ Mahou Shojo ฉายครั้งแรกเมื่อปี 1966 และ นำกลับมาทำฉายใหม่ ปี 1989 ซึ่งในบ้านเราก็เคยนำมาฉายในตอนเย็นวันธรรมดาทางช่อง3 โดย มิตซึเทรุ โยโกยาม่า ผู้แต่งเรื่องนี้ก็นำคอนเซปต์จากซีรี่ย์อเมริกันเรื่อง Bewitch มาเนรมิตรเป็น"แม่มดน้อยแซลลี่"ผู้นี้ พล็อตเรื่องหลักๆก็คือ แซลลี่ เจ้าหญิงจากAstoria ดินแดนแห่งแม่มด ได้ออกเดินทางไปยังโลกมนุษย์เพื่อต้องการหาเพื่อนใหม่ วันหนึ่งเธอก็ใช้เวทมนตร์ช่วยเหลือเด็กสาวสองคนให้รอดพ้นจากโจร เด็กสาวทั้งสองที่เธอช่วยเอาไว้นั้นก็คือ โยชิโกะ ฮานามูระ และ สุมิเระ คาสึงาโนะ ซึ่งต่อมาเธอทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนรักของแซลลี่โดยปริยาย แต่ในช่วงที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์นั้น เธอต้องปกปิดความลับเรื่องที่เธอเป็นแม่มดด้วย
สำหรับ"แม่มดน้อยแซลลี่"นั้น ก็เป็นต้นแบบลักษณะเฉพาะตัว ของตัวละครคาแร็คเตอร์สาวน้อยเวทมนตร์ ซึ่งได้แก่
-เธอต้องปกปิดความลับเรื่องแม่มด,เวทมนตร์วิเศษไม่ให้ใครรู้ หากเธอเผยความลับเรื่องนี้ออกไป ก็จะถูกทำโทษ
-หากเธอใช้เวทมนตร์ จะต้องมีประโยคไว้ใช้สำหรับท่องคาถา พร้อมกับอุปกรณ์วิเศษ เช่น คฑา ไม้เท้า เป็นต้น โดยในเรื่องแซลลี่ เธอมีประโยคตอนท่องมนต์ร่ายเวทย์ว่า Mahariku Maharita Yanparayan
-สาวน้อยเวทมนตร์,แม่มดน้อยอย่างเธอนั้น จะต้องมีผู้ช่วยคอยติดสอยห้อยตามเธอในโลกมนุษย์ โดยในเรื่องนี้ แซลลี่ก็มี น้องสาวกับน้องชายของเธอคอยเป็นผู้ติดตาม (โดยในเวอร์ชั่นดั้งเดิม ปี 1967 นั้น ผู้ติดตามของแซลลี่ มีเพียงน้องชายเท่านั้น)
ซ้าย:เวอร์ชั่นปี 1966-67 ,ขวา:เวอร์ชั่นปี 1989
Himitsu no Akko-chan (1969, 1988, 1998)
อนิเมแนว Mahou Shojo เรื่องที่สองในประวัติศาสตร์ หลังจากที่แม่มดน้อยแซลลี่ ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ชมที่เป็นเด็กผู้หญิงเป็นอย่างดี ทำให้โตเอะ อนิเมชั่นไม่รอช้า จึงนำผลงานของ อ.ฟูจิโอะ อาคัตซึกะ อย่าง Himitsu no Akko-chan หรือ หนูน้อยอั๊กโกะจัง ที่เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Ribon ช่วงปี 1962-1965 มาดัดแปลงเป็นการ์ตูนอนิเม ออกฉายปี 1969 -1970 มีความยาวทั้งหมด 97 ตอน ต่อจากนั้นก็มีการนำกลับมาทำใหม่ ฉายใหม่อีกครั้งในปี 1988 (61 ตอน) และ ปี1998 (44 ตอน) โดยเวอร์ชั่นของปี 1988 นั้น ทางช่อง 9 Modern Nine ก็เคยนำมาฉายเมื่อนานมาแล้ว
สำหรับ หนูน้อยอั๊กโกะจัง เป็นเรื่องราวของสาวน้อยนาม อัทสึโกะ คางามิ หรือ อั๊กโกะจัง ที่ทำกระจกของรักของหวงแตก ทันใดนั้นวิญญาณซึ่งเป็นราชินีแห่งโลกกระจกก็ปรากฏตัวขึ้น และมอบตลับกระจกวิเศษ(แต่ในฉบับหนังสือการ์ตูนเป็นกระจกขนาดใหญ่)แก่เธอ เพื่อตอบแทนที่เธอดูแลรักษากระจกเป็นอย่างดี ซึ่งตลับกระจกวิเศษนี้สามารถทำให้เธอแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ ด้วยคาถา เทคุมาคุมายาคอน
ลักษณะต่างๆโดยรวมนั้น อั๊กโกะจังจะคล้ายๆกับแซลลี่ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เวทมนตร์ ,คู่หู,เพื่อน แต่ต่างกันตรงที่ อั๊กโกะจังจะใช้เวทมนตร์เพื่อเปลี่ยนร่างตนเองให้เป็นอะไรก็ได้ ส่วนแซลลี่นั้นจะเสกบุคคลที่3แปลงร่าง รวมไปถึง เนื้อเรื่องที่ใกล้เคียงกับโลกแห่งความจริงมากกว่า
ซ้าย-ขวา :เวอร์ชั่นปี 1969 ,1988 และ 1998
Fushigi na Merumo (1971)
อาจเป็นผลงานที่บ้านเราไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ หากใครได้เห็นลายเส้น แล้วคุ้นกับชื่อผู้แต่งท่านนี้ ก็จะร้องอ๋อทันที เพราะเรื่องนี้เป็นผลงานของ อ.เท็ตซึกะ โอซามุ ปรมาจารย์การ์ตูนญี่ปุ่นนั่นเอง แต่เดิมในฉบับหนังสือการ์ตูนใช้ชื่อเรื่องว่า มาม่าจัง(Mamaa-chan) แต่พอเป็นเวอร์ชั่นอนิเมในปี 1971 ชื่อของตัวละครหลักในเรื่องเปลี่ยนเป็น เมลโม่ (เมรุโม่) จนกลายเป็นชื่อเรียกของการ์ตูนเรื่องนี้ไปโดยปริยาย โดยผลงานเรื่องนี้ อ.โอซามุก็ได้เน้นธีมหลักคือเนื้อเรื่องการผจญภัย และ เน้นสอนให้เด็กๆเรียนรู้"เพศศึกษา" จึงทำให้ผู้ใหญ่ในสมัยนั้น ไม่ปลื้มเท่าใดนัก โดยเวอร์ชั่นอนิเมนั้นมีทั้งหมด 26 ตอน
เนื้อเรื่องคร่าวๆของเรื่องนี้ก็เป็น เรื่องราวของ เมลโม่ สาวน้อย 9 ขวบที่สูญเสียคุณแม่จากอุบัติเหตุ คุณแม่ของเธอที่อยู่บนโลกสวรรค์ก็ได้ขอพรมาหนึ่งข้อ ซึ่งเธอขอให้เมลโม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเร็วและใช้ชีวิตดูแลน้องชายทั้งสองได้โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาดูแล โดยคุณแม่ก็ลงมาหาเมลโม่ในสภาพของภูติผี และให้ขวดบรรจุลูกกวาดแก่เธอ โดยลูกกวาดน้ำเงินจะทำให้เธอกลายเป็นสาววัย 19 ปี ส่วนลูกกวาดสีแดงนั้นจะทำให้เธอกลายเป็นเด็กอีกครั้ง
Majokko Megu-chan (1974)
สำหรับ Majokko Megu-chan นั้นเป็นผลงานการ์ตูนของ โทโมะ อิโนะอุเอะ กับ อาคิโอะ นาริตะ ก็ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมความยาว 72 ตอน โดยโตเอะ อนิเมชั่น ในช่วงปี1974-1975 การมาของเรื่องนี้ ก็เริ่มก้าวไปสู่ยุคสมัยใหม่ของการ์ตูนแนวนี้ ในแง่ของความทันสมัยของเนื้อเรื่อง,พัฒนาการทางด้านอารมณ์ของตัวละคร อีกเช่นกัน จนการ์ตูนแนว Mahou Shojo ยุคหลังๆนำพล็อต ลักษณะเด่นๆของเรื่องนี้ไปดัดแปลง
พล็อตเรื่องคร่าวๆนั้น เมงุ แม่มดน้อยที่อยากจะรู้จักโลกภายนอกมากขึ้น ด้วยการมาเยือนโลกมนุษย์ ที่นั่นเธอได้รับการดูแลและเรียนรู้การใช้เวทมนตร์ จาก แมมมี่ คันซากิ อดีตแม่มด โดยเธอนั้นจะต้องใช้เวทมนตร์เพื่อต่อสู้กับปีศาจ และ จอมเวทย์คู่แข่ง อีกทั้งเธอยังต้องต่อสู้กับศัตรูที่แท้จริง นั่นก็คือ จิตใจด้านมืดของมนุษย์นั่นเอง
Hana no Ko Lunlun (1979)
สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้ก็เคยเข้าฉายในบ้านเรามานานแล้วเหมือนกัน ซึ่งคนที่ได้ชมตอนนั้น ต่างก็จำได้กับชุดของ"ลุนลุน" หรือ ลูลู่ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามพลังของดอกไม้
นานมาแล้ว ที่นางฟ้า ภูติพืช อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ แต่ทว่ามนุษย์กลับมีจำนวนมากขึ้น และ มีความโลภ จิตใจโหดร้ายมากขึ้น จนทำให้เหล่านางฟ้าและภูติพืช ต้องย้ายไปสร้างโลกใหม่ที่ชื่อว่า ดาวบุปผา (Flower Star) ซึ่งมนุษย์ที่จะเข้ายังดาวนี้ได้นั้นต้องเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความรักและความเมตตากรุณา ว่าแล้ว นูโวและคาโต้ คู่หูสุนัขแมวจึงถูกส่งมายังโลกเพื่อเสาะหาเด็กสาว ผู้สืบทอดเป็นธิดาบุปผา เพื่อช่วยพวกเขาตามหาดอกไม้เจ็ดสี สัญลักษณ์ประมุขแห่งดาวบุปผา และในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับ ลูลู่ เด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูโดยคุณปู่คุณย่าเจ้าของร้านดอกไม้ แท้จริงแล้วเธอคือเด็กผู้หญิงคนสุดท้ายที่สืบสายเลือดจากเทพธิดาบุปผา ทั้งสามจึงออกเดินทางไปเสาะหาดอกไม้เจ็ดสีทั่วยุโรป ในระหว่างการผจญภัย นอกจากพวกเขาจะต้องคอยช่วยเหลือผู้คนด้วยการโปรยเมล็ดแห่งคุณงามความดีแล้ว พวกเธอยังต้องต่อสู้กับ พรรคพวกของโทเกนิเชีย นางฟ้าผู้ชั่วร้าย ที่หวังจะเอาดอกไม้เจ็ดสีด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ลูลู่ก็มีอุปกรณ์พิเศษซึ่งได้มาจากกษัตริย์แห่งดาวบุปผา นั่นคือ กระจกดอกไม้ของเธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่พบดอกไม้ ก็จะอาศัยพลังของดอกไม้และร่ายคาถา "Fu Flay Lu Fey Lora" ทำให้ชุดที่เธอสวมใส่ก็จะเปลี่ยนไปด้วย และ ใช้ประโยชน์ได้ตามแต่สถานการณ์นั้นๆ
Mahou Shojo Lalabel (1980)
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เคยสร้างความประทับใจแก่สาวน้อยเมื่อ 20 ปีมาแล้ว เรื่องราวของ ลาล่าเบล แม่มดน้อยที่หลุดมิติมายังโลกมนุษย์พร้อมกับแมวเหมียวคู่ใจ บิร่า ขณะที่กำลังหยุดยั้งความชั่วของพ่อมด วิสกัส ลาล่าเบลได้รับการดูแลเลี้ยงดูอย่างดีจากคุณตาคุณยายรวมไปถึงได้สนุกสนานร่วมกับเพื่อนๆที่โรงเรียน เธอก็จะคอยใช้ไม้กายสิทธิ์คอยร่ายเวทย์ Belalulu Belalulu Belalalula! ต่อสู้กับวิสกัสเพื่อแย่งกระเป๋าเวทมนตร์กลับคืนมา
Mahou no Princess Minky Momo (1982)
หนึ่งในMahou Shojo ที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน บ้านเราเคยฉายทั้งสองภาค แต่ใช้ชื่อไม่เหมือนกันคือ จีจี้สาวน้อยกายสิทธิ์ และ มิงกี้ โมโม่
ในภาคแรก โมโม่ หรือ จีจี้ นั้นเป็นเจ้าหญิงแห่งFenarinarsa อาณาจักรแห่งความฝันบนท้องฟ้า แต่ทว่าด้วยความที่มนุษย์โลกนั้นกำลังลืมเลือนความฝันและความหวัง จนมีผลทำให้อาณาจักรนี้อาจสูญหายในอนาคต โมโม่จึงถูกส่งไปยังโลกมนุษย์ โดยเป็นลูกเลี้ยงของคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่ยังไม่มีบุตร เพื่อปฏิบัติหน้าที่ทำความฝันของมนุษย์กลับคืนมา และดลบันดาลให้ความฝันนั้นเป็นจริง ร่วมกับเหล่าสรรพสัตว์ผู้ติดตาม ลิง,สุนัข และ นก ซึ่งเธอนั้นก็มีไม้เท้ากายสิทธิ์สามารถแปลงกายได้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่โมโม่ทำความดี เพชรบนยอดมงกุฎก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อครบ 12เม็ด อาณาจักรแห่งความฝันก็จะเข้าสู่โลกมนุษย์
ในภาคสอง เนื้อเรื่องคล้ายกับภาคแรก แต่ต่างกันตรงที่ โมโม่ในภาคสองนั้นมาจาก Marinasa อาณาจักรแห่งความฝันใต้ท้องทะเล
Mahou no Tenshi Creamy Mami (1983)
สำหรับเรื่องนี้ จัดเป็นอนิเมแนวmahou shojo เรื่องแรกของStudio Pierrot ใครที่เป็นแฟน "ออเร้นจ์ โรด" ก็น่าจะคุ้นเคยกับลายเส้นเรื่องนี้ดี เพราะ ทาคาดะ อาเคมิ เป็นคนออกแบบตัวละคร และเรื่องนี้ก็ต่างจากmahou shojo เรื่องอื่นๆนิดหน่อย ก็ตรงที่นางเอกของเรื่องนั้นใช้เวทมนตร์แปลงจากเด็กสาวธรรมดากลายเป็นนักร้องไอด้อลชื่อดังตลอดทั้งเรื่อง และเรื่องนี้ก็เป็นก้าวแรกอันสำคัญสำหรับการบุกเบิกด้านการตลาดในแง่ของ มีเดีย มิกซ์ ซึ่งก็คือ การโปรโมทอนิเมมานำเสนอในรูปแบบของสื่ออื่นๆหลายทิศทาง นอกจากจะเป็นการโปรโมทอนิเมเรื่องนี้แล้ว ก็ยังเป็นการโปรโมทนักร้องไอด้อลไปในตัวด้วย โดยเฉพาะกับ ซิงเกิ้ลเพลงเปิดของเรื่องอย่าง Delicate ni Suki Shite ผลงานการขับร้องของทาคาโกะ โอตะ นักร้องไอด้อลผู้พากย์เสียงครีมมี่ มามิ นั่นเอง โดยซิงเกิ้ลดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จ และเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับเธอคนนี้อีกด้วย
เรื่องราวของ ยู โมริซาว่า สาวน้อยธรรมดาวัย 10 ขวบ ได้พบกับยานอวกาศกำลังลอยอยู่บนฟากฟ้า และได้ช่วยเหลือสัตว์ต่างดาว ปิโนะ ปิโนะ หาดาว Feather Star ดาวบ้านเกิดของเขาเจอ เขาซึ่งในบุญคุณมาก จึงมอบคฑาวิเศษที่สามารถแปลงร่างเป็นเด็กสาววัย 16 ปีได้ 1 ปีถัดมา เธอก็ได้รับแมวจากFeather Star 2 ตัว ซึ่งก็คือ โปจิ กับ เนกะ มาดูแลแนะนำเธอตอนที่เธอใช้เวทมนตร์
วันหนึ่งยูในร่างของสาววัย 16 กำลังเดินรอบเมืองอยู่นั้น ก็ถูกรายการทีวีทาบทามให้ไปร้องเพลง โดยเธอ(ในร่างสาว 16 )จึงใช้ชื่อในวงการมายาว่า "ครีมมี่ มามิ" จนเป็นก้าวแรกในเส้นทางสายบันเทิงในฐานะนักร้องไอด้อลผู้โด่งดัง
Magical Fairy Persia (1984)
Mahou Shojo เรื่องที่สองของ Studio Pierrot เปอร์เซีย สาวน้อยชาวญี่ปุ่นที่เติบโตที่แอฟริกา ขณะกลับญี่ปุ่น เปอร์เซียได้ท่องไปยัง Lovely Dream โลกนางฟ้าโดยบังเอิญ เธอก็ได้รับรู้จากนางฟ้าถึงสันติภาพความสงบสุขของโลกกำลังเสื่อมถอย และ มีผลทำให้โลกนางฟ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายด้วย เธอจึงยอมตกลงช่วยเหลือ โดยใช้คฑาที่ได้รับจากนางฟ้า ใช้ในการทำภารกิจต่างๆเพื่อให้ผู้คนมีความสุข อีกทั้งเธอยังสามารถแปลงกายเป็นเด็กสาวอายุ 17 ได้(โดยพูดว่า Love, Love, Lovely Twinkle) พร้อมมีเจ้าตัวกัปปะน้อย 3 ตัว เป็นคู่หูคอยสังเกตการณ์
Magical Star Magical Emi (TV)(1985)
Mahou Shojo เรื่องที่ 3 ของ Studio Pierrot และเป็นอีกเรื่องที่ ทาคาดะ อาเคมิเป็นคนออกแบบตัวละครเช่นเดียวกับ Creamy Mami แต่คราวนี้เป็นเรื่องราวของสาวน้อยธรรมดากลายเป็นนักมายากล โดย โคซึกิ ไม นักเรียนชั้นประถมผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักมายากล แต่เธอยังเด็กเกินไปที่จะฝึกมัน เธอได้รับความช่วยเหลือจากโทโปะ นางฟ้าจากโลกกระจก โทโปะได้มอบไม้เล่นกลแก่ไม ซึ่งทำให้เธอสามารถแปลงกายเป็นนักมายากลสาวสวยนาม เอมิ แห่งคณะมายากล Magicarat ซึ่งเป็นคณะมายากลของคุณตาคุณยายของเธอ
Magi Idol Pastel Yumi (1986)
เป็นการ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องที่4 ของ Studio Pierrot เรื่องราวของ สาวน้อยยูมิที่ชื่นชอบดอกไม้และรักการอ่านการ์ตูน วันหนึ่ง นางฟ้า 2 ตนนาม คาคิมารุ กับ เคชิมารุ เห็น ยูมิกำลังมีปัญหาหนักใจ จึงเข้าไปช่วยเหลือโดยมอบคฑาเวทมนตร์แก่เธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่ยูมิใช้คฑาวาดรูปในอากาศ สิ่งที่เธอวาดออกมานั้นจะเป็นจริง
อนึ่ง หลังจาก MAGIC IDOL PASTEL YUMI จบลง ก็มี OVA ที่สาวน้อยเวทมนตร์จากทั้ง 4 เรื่องของStudio Pierrot ได้แก่ มามิ,เปอร์เซีย,เอมิ และ ยูมิ มาร่วมมือกันปราบสัตว์ประหลาดนอกโลก ในชุด Majokko Club Yoningumi A-kukan kara no Alien X โดยวางขายในปี 1987
Devil Hunter Yohko 1990
ส่วนเรื่องนี้ก็ไม่เชิงเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เท่าไหร่ แต่เขาดันจัดให้อยู่ในประเภทนี้ เนื้อเรื่องดูจะเน้นปราบมารมากกว่าอีกทั้งยังเน้นฉากเซอร์วิส ฉากวาบหวิว อยู่หลายฉาก จึงไม่ได้เข้าฉายทางฟรีทีวีบ้านเรา แต่ก็เคยมีบริษัทวีดีโอเจ้าหนึ่งนำไปทำด้วยล่ะ อีกทั้งน่าจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่นางเอกนั้น มีคู่หูซึ่งมีความสามารถด้านเวทมนตร์เหมือนกัน มาช่วยนางเอกต่อสู้ร่วมกันด้วย
โยโกะ มาโนะ สาวน้อยวัย 16 ถึงปกติเธอเป็นคนที่บ้าผู้ชายสุดๆ แท้จริงแล้วเธอนั้นเป็นผู้สืบทอดนักปราบปีศาจรุ่นที่ 108 ของตระกูลมาโนะ (จริงๆแล้วต้องเป็นแม่ของโยโกะ แต่ว่า แม่โยโกะขาดคุณสมบัติของนักปราบปีศาจ ซึ่งก็คือ ต้องเป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์) ซึ่งโยโกะนั้นก็ต้องคอยเรียนรู้วิธีการต่างๆจาก มาโดกะ คุณยายของเธอซึ่งเป็นนักปราบปีศาจรุ่นที่ 107
Hime-chan no Ribbon (1990)
ฮิเมะจัง โบว์แดงแรงฤทธิ์ เป็นMahou Shojo ที่มีพล็อตเรื่องเป็นไปตามสูตรสำเร็จของการ์ตูนแนวนี้เป๊ะๆเลย เรื่องราวของ ฮิเมโกะ โนโนฮาร่า สาววัย 13 ปี ที่กำลังกลุ้มกับนิสัยทอมบอยของเธอ วันหนึ่งเธอถูกพาไปยังโลกเวทมนตร์ โดยเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับเธอซึ่งก็คือ เอริก้า เจ้าหญิงแห่งดินแดงแห่งนี้ เอริก้าอธิบายว่า ดินแดนนี้คือโลกเสมือนของโลกมนุษย์ และเธอก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เธอจึงมอบริบบิ้นสีแดงให้ฮิเมโกะ เอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งริบบิ้นวิเศษนี้สามารถทำให้เธอแปลงกายเป็นใครก็ได้ในโลกมนุษย์ภายในเวลา 1 ชั่วโมง หากไม่สามารถท่องมนต์กลับคืนร่างเดิมภายใน 1 ชม. เธอก็จะไม่สามารถกลับคืนร่างเดิมได้อีกตลอดไป และ หากเผยความลับเรื่องริบบิ้นวิเศษและโลกเวทมนตร์ให้คนอื่นรู้ เธอก็จะถูกลบความทรงจำออกทั้งหมด
Mahou no Angel Sweet Mint 1990
"มินต์ สาวน้อยกายสิทธ์ " เรื่องราวของสาวน้อย มินต์ที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าหญิงแห่งดินแดนความฝัน และเวทมนตร์ เธอพบว่าสิ่งแวดล้อมธรรมชาติในดินแดนของเธอนั้นมีผลต่อความฝันของผู้คนบนโลกมนุษย์ด้วย ซึ่งขณะนี้ผู้คนบนโลกต่างก็สูญเสียความฝันและมีความมืดครอบงำในจิตใจ มีผลทำให้โลกแห่งความฝันถึงคราวล่มสลายไปด้วย เธอจึงตัดสินใจลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อสร้างความฝันและความหวังของผู้คนบนโลกมนุษย์ให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และดลบันดาลให้ความฝันนั้นเป็นจริง
Hana no Mahoutsukai Mary Bell (1992)
"แม่มดน้อยแมรี่เบล" ก็จัดเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ออกฉายหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง ,เกาหลีใต้,อิตาลี,จีน,ไต้หวัน,โปแลนด์,ประเทศแถบอาหรับ แล้วก็ประเทศไทย โดยออกฉายทางช่อง 9 ซึ่งเนื้อเรื่องก็ออกแนวใสๆ ที่ยังคงมีพล็อตคลาสสิคของการ์ตูนแนวนี้ ต่างกันตรงที่ แมรี่เบลนั้น ถึงภายนอกจะดูเหมือนเด็กอายุ 5 ขวบ แต่จริงๆแล้วเธอมีอายุถึง 500,000 ปีทีเดียว เธอมาจากโลกดอกไม้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ แรกเริ่มเธอช่วยเหลือเด็กสองคนที่กำลังหลงป่าพาไปส่งถึงที่บ้านซึ่งเป็นร้านขายดอกไม้ที่มีกิจการไม่ดีนัก พอพ่อแม่ของสองคนนั้นรู้เรื่องนี้เข้า ก็เลยช่วยกันขอพรให้แมรี่เบลมาช่วยเหลือ เธอปรากฏตัวมาทันทีและช่วยให้ร้านขายดอกไม้ของเขาให้เจริญรุดหน้าไป โดยเธอนั้นก็มีทัมโบรลีนเป็นอุปกรณ์วิเศษพร้อมกับร่ายคาถา Mari rin, beru run, rin rin rin!
Sailor Moon (1992)
ในที่สุดก็มาถึง Mahou Shojo ที่เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ สำหรับผลงานดังของ อ.นาโอโกะ ทาเคอุจิ (ปัจจุบันเป็นภรรยาของ อ.โยชิฮิโร่ โทงาชิ ผู้แต่ง HunterXHunter) ถือเป็นการสร้างกระแสความนิยมให้กับเด็กผู้หญิง และ หนุ่มๆในยุคนั้นเลย สำหรับเวอร์ชั่นอนิเมนั้นเป็นผลงานการสร้างของโตเอะ อนิเมชั่น ซึ่งในตอนนั้น อนิเมของเซเลอร์มูนก็ได้รับความนิยมมาก จนต้องทำภาคอื่นๆตามมา ได้แก่ Sailor Moon ,Sailor Moon R,Sailor Moon S,Sailor Moon SS และ Sailor Moon Star เป็นการปิดท้ายบทสรุปทั้งหมดของเรื่อง ด้วยความนิยมคลั่งไคล้ในตัวอัศวินสาวเซเลอร์มูน ทำให้สินค้าต่างๆที่เกี่ยวกับเซเลอร์มูนต่างก็ขายดิบขายดี ไม่ว่าจะเป็น ซีดีซิงเกิ้ลเพลงประกอบอนิเม ของเล่น ฟิกเกอร์โมเดล เกม รวมถึงสินค้าและสื่อประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ยังเคยได้รับรางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยม สาขาการ์ตูนผู้หญิง ของสำนักพิมพ์โคดันฉะ และ ได้รับการโหวตให้เป็นอนิเมยอดนิยมอันดับ 1 จากรางวัลอนิเมกรังปรีซ์ ครั้งที่ 15 ในปี 1993 ในปี 2004 เซเลอร์มูนก็ถูกนำกลับมาทำใหม่อีกครั้งในรูปแบบ ละครซีรี่ย์คนแสดง
เซเลอร์มูนนั้นก็เป็นเรื่องที่สร้างกระแสการ์ตูนแนวBishoujo(มีสาวงามมากกว่า 1 คนในเรื่องมารวมกัน)ให้กับหนุ่มๆเป็นอย่างมาก ซึ่งในเรื่องก็เป็นการนำสาวๆผู้ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ มากกว่า 1 คน มารวมทีมกัน โดยมีจุดประสงค์หลักในการปกป้องพิทักษ์โลก จนกลายเป็นต้นแบบของการ์ตูนแนวเดียวกันในเรื่องหลังๆ
เซเลอร์มูน ก็มีแนวคิดคอนเซปต์ง่ายๆ นั่นก็คือ ชื่อสมาชิกแต่ละคนจะเป็นตัวแทนผู้พิทักษ์อาณาจักรจากดวงดาวต่างๆในระบบสุริยะจักรวาล แถมยังนำชุดนักเรียนคอปกกะลาสีมาดัดแปลงเป็นยูนิฟอร์มในยามออกศึกจนเป็นเอกลักษณ์ที่หลายคนต่างจดจำกัน และนางเอกของเรานั้นจะต้องมีอุปกรณ์พิเศษนอกจากอุปกรณ์หลักที่มี โดยใช้ในการเผด็จศึกปิดบัญชีศัตรู
เรื่องราวของ ทสึกิโนะ อุซางิ เด็กสาวธรรมดาๆที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกกำลังถูกรุกรานโดยอาณาจักรแห่งความมืด"Dark Kingdom" จากปากของ ลูน่า แมวดำที่สามารถพูดได้ แถมยังรู้ความจริงอีกว่า ในอดีต อุซางิ เคยเป็นเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ แต่อาณาจักรของเธอก็ล่มสลายเพราะDark Kingdomอีกด้วย ทำให้เธอตัดสินใจออกไปต่อสู้ในนามของ "อัศวินแห่งจันทรา เซเลอร์มูน" พร้อมกับพรรคพวกของเธอประกอบไปด้วย เซเลอร์เมอร์คิวรี่(มิซึโนะ อามิ),เซเลอร์มาร์ส(ฮิโนะ เรย์),เซเลอร์จูปีเตอร์(คิโนะ มาโคโตะ),เซเลอร์วีนัส(ไอโนะ มินาโกะ) ฯลฯ มาช่วยกันปกป้องโลกใบนี้ให้ได้ หลังจากปราบDark Kingdomได้แล้ว พวกเธอยังต้องคอยปราบเหล่าร้ายกลุ่มอื่นๆที่หวังจะยึดครองโลกนี้อีก จนกระทั่งภาคสุดท้าย
Super Pig (1994)
หรือ Babibure Burin หรือ บูริน หมูน้อยอวกาศในฉบับภาษาไทย สำหรับเรื่องนี้ก็ต่างจากการ์ตูนสาวน้อยแปลงร่างเรื่องอื่นๆตรงที่ หากเป็นเรื่องอื่นๆตัวเอกจะต้องแปลงร่างกลายเป็นสาวงาม แต่เรื่องนี้นางเอกกลับแปลงร่างเป็นหมูอ้วน(แต่ก็คงความน่ารักเอาไว้) โดย คาริน โคคุบุ ที่พบกับเจ้าหมูสีเหลืองที่กำลังหิวโหย เธอก็ช่วยเหลือโดยการให้แอ๊ปเปิ้ลแก่หมูตัวนั้น(แต่ต้องแลกกับการไปโรงเรียนสาย) แต่เจ้าหมูตัวนั้นยังแอบซ่อนอยู่ที่เป้ของเธอ และเธอก็พบว่าเจ้าหมูตัวนั้นบินได้และพูดได้ และเผยว่าตนคือเจ้าชาย Tonrariano ที่ 3 แห่งดาว Buuringo แล้วก็ได้มอบอุปกรณ์วิเศษและวิธีใช้ให้กับเธอ เมื่อเธอเปิดมันเมื่อไหร่ จมูกหมูจะติดที่หน้าของเธอ พร้อมกับพูดว่า BA BI BU BE BOorin! เธอจึงสามารถแปลงร่างเป็น บูริน ผู้พิทักษ์คุณธรรมในร่างของหมูสีชมพู และเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอได้ทำความดีช่วยเหลือคน เธอก็จะได้ไข่มุกแห่งความดีมาเก็บสะสม และหากสะสมได้ครบ 108 เม็ด ก็จะสามารถขออะไรก็ได้ตามที่ตนต้องการ และหากตัวอักษรสีแดงที่ติดบนหน้าท้องของบูรินนั้นหายไป คารินก็จะต้องอยู่ในร่างหมูตลอดชีวิต!!
Saint Tail (1995)
เซนต์เทลจัดเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในรูปแบบของโจรสาวที่กระทำเพื่อความถูกต้อง ซึ่ง เมย์มิ ฮาเนโอกะ จะต้องแปลงร่างเป็น เซนต์เทล คอยนำสิ่งของที่ถูกขโมยนั้นกลับคืนแก่เจ้าของหรือคนบริสุทธิ์ โดยภารกิจของเธอนั้นก็จัดว่ายุ่งยากสุด เพราะจะต้องคอยรับมือกับพวกตำรวจอีกด้วย โดยเฉพาะกับ อาสึกะ จูเนียร์ ลูกชายของนักสืบดัง แถมเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอด้วยนี่สิ!!
Akazukin Chacha (1995)
แม่มดน้อยชาช่า ก็เป็นเรื่องที่นำ "หนูน้อยหมวกแดง" มาเป็นคอนเซปต์ของสาวน้อยชาช่า โดยชาช่ากับเพื่อนๆของเธอนั้นเรียนวิชาเวทมนตร์ที่ภูเขาโมจิโมจิกับเซราวี่ จอมเวทย์ที่เก่งกาจที่สุด ปกติชาช่ามักท่องมนต์พลาดเป็นประจำ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอและเพื่อนๆตกอยู่ในอันตราย เธอกลับร่ายคาถาได้ถูกต้อง
สำหรับเรื่องนี้ในฉบับหนังสือการ์ตูนนั้น เป็นผลงานการแต่งของ มิน อายาฮานะ ลงในนิตยสารRibon ช่วงปี 1991-2000 ส่วนฉบับอนิเมชั่นนั้นมีทั้งหมด 74 ตอน และ การ์ตูน เน็ตเวิร์ค เคยนำเรื่องนี้ไปฉายในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ประเทศที่พูดภาษาจีนกลาง
Magic Knight Rayearth (1995)
หนึ่งในผลงานสร้างชื่ออีกงานหนึ่งของ Clamp ลงตีพิมพ์ในนิตยสารนากาโยชิ ตั้งแต่ปี 1993-1996 ฉบับรวมเล่มแบ่งเป็น 2 ภาค ภาคละ 3 เล่ม และ เรื่องนี้ก็ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมในปี 1994 และ ปี 1997 ก็ถูกนำไปสร้างในรูปแบบ OVA
ซึ่งสมาชิกของเรย์เอิร์ธก็ประกอบไปด้วย ฮิคารุ ชิโด,อุมิ ริวซากิ,ฟู โฮโอจิ และ โมโคน่า ซึ่งคอนเซปต์ของแต่ละคนก็เอามาจากสมาชิกทั้ง 4 ของClamp ส่วนคนอื่นๆและสถานที่ในเรื่องนั้นต่างเป็นชื่อรุ่นของรถยนต์ทั้งสิ้น
ฮิคารุ ชิโด,อุมิ ริวซากิ,ฟู โฮโอจิ เป็นเด็กสาวจากต่างโรงเรียนที่หลุดมิติมายังดินแดนCephiro แล้วก็พบกับจอมเวทย์Clef ที่ได้ให้พลังเวทย์แก่พวกเธอไปใช้ในการต่อสู้ และเล่าเรื่องเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ว่ากำลังจะตกอยู่ในอันตราย ซึ่งภารกิจหลักของเธอก็คือการนำเจ้าหญิงเอเมอรัลด์ที่ถูกจับตัวไปนั้นกลับคืนมา อีกทั้งClefยังมอบ โมโคน่า เป็นตัวนำทางให้กับพวกเธออีกด้วย
นอกจากนี้ เจ้าโมโคน่า ยังปรากฏตัวในเรื่อง XXX Holic และ Tsubasa Reservoir Chronicle ด้วยเช่นกัน
Magical Girl Pretty Sammy (1995)
สำหรับ Magical Girl Pretty Sammy ก็เป็นการหยิบเอาตัวละครหลักจากเรื่อง Tenchi Muyo อย่าง ซาซามิ คาวาอิ มาเป็นตัวละครเอกของเรื่อง ซึ่งจากเรื่องต้นฉบับเธอมีชื่อจริงว่า ซาซามิ มาซากิ จูราอิ นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครตัวอื่นๆจาก Tenchi Muyo โผล่มาอีกเช่นกันในภาคOVA ซึ่งพล็อตเรื่องนั้น แทบจะลอกมาจากเซเลอร์มูนเลย ในแง่ของ บิโชโจ และ คอนเซปต์ "ผู้พิทักษ์ความยุติธรรม"
จุดเริ่มต้นของPretty Sammy ก็มาจาก voice drama ชุด Tenchi Muyo! Ryo-ohki CD Special 1 ต่อมาก็ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมในตอนที่11-13ของTenchi Muyo จากนั้น voice drama ชุดสองที่ชื่อว่า Tenchi Muyo! Ryo-ohki's Christmas ซึ่งชุดนี้ก็ได้อธิบายเกี่ยวกับพลังเวทย์ของPretty Sammy จนกระทั่งมิวสิควีดีโอของPretty Sammyซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของTenchi Muyo! Soundfile ก็กลายเป็นสัญญาณว่า Pretty Sammy เป็นอนิเมแล้ว
ซาซามิ คาวาอิ ได้พบกับ สึนามิ ว่าที่ราชินีแห่งJuraihelm สึนามิขอร้องให้ซาซามินั้นทำหน้าที่เป็น "ผู้พิทักษ์ความยุติธรรม" พริตตี้ แซมมี่ เพื่อคอยกำจัดเหล่าคนชั่ว เธอมักถูก Pixy Misa จอมเวทย์สาวผู้ชั่วร้ายซึ่งถูก ราเมีย คู่แข่งผู้สืบทอดราชินีแห่งJuraihelm ส่งตัวมา ตามมารังควาญ ซึ่งจริงๆแล้ว Pixy Misa นั้นก็คือ มิซาโอะ อามาโนะ เพื่อนรักของเธอนั่นเอง และแซมมี่นั้นก็มีเรียวโอกิ คอยให้คำแนะนำเธอ โดยเธอนั้นก็มีทั้งเวทย์ที่ใช้ในการแปลงกาย และ ใช้ในการต่อสู้
Wedding Peach (1995)
ส่วนเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เรียกว่า ถอดแบบมาจากเซเลอร์มูนเหมือนๆกันเลย เคยลงในนิตยสาร Ciao ปี1994 – 1996 เรื่องราวของโมโมโกะ ฮานาซากิ นักเรียนสาวม.ปลายที่รู้ความจริงจาก อโฟรดิเต้ว่า เธอคือ นางฟ้าแห่งความรัก เวดดิ้ง พีช ซึ่งเธอนั้นจะต้องทำหน้าที่นี้ต่อจากคุณแม่ของเธอ เธอนั้นจะต้องคอยปกป้อง"ความรักอันศักดิ์สิทธิ์"ไม่ให้ Rain Devila และลูกสมุนนั้นมาทำลาย ร่วมกับสหายของเธอ คือ ยูริ ทานิมะ (Angel Lily), ฮินางิคุ ทามาโนะ (Angel Daisy)และ Scarlet O'Hara (Angel Salvia) โดยพวกเธอก็มี Jama-P อดีตสมุนของRain Devila คอยเป็นผู้แนะนำช่วยเหลือ
Cardcaptor Sakura (1996)
มาถึงหนึ่งในMahou Shojo ที่โด่งดังที่สุดในช่วงปลายยุค 90 เป็นผลงานของClampอีกเช่นกัน เคยลงในนิตยสาร นากาโยชิ ตั้งแต่ปี 1996-2000 ถูกนำไปทำเป็นอนิเมในปี 1998-2000 โดยสตูดิโอMadhouse รวมไปถึงฉบับภาพยนตร์อีก2 ภาค การมาของสาวน้อยซากุระ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของสายพลัง L (Loli - เด็กผู้หญิงน่ารัก) รวมไปถึงแฝงสายพลังอื่นๆ โดยเฉพาะ Y
คิโนโมโตะ ซากุระ สาวน้อยวัย 10 ขวบ ได้เปิดหนังสือรวบรวมการ์ดเวทมนตร์ "โคลว์ การ์ด" ออก ทำให้การ์ดทั้งหมดในหนังสือกระจายไปตามที่ต่างๆ เธอจึงต้องรับผิดชอบโดยการตามหาการ์ดที่หายไปทั้งหมด ด้วยพลังเวทมนตร์ เข้าต่อสู้กับการ์ดก่อนที่จะทำการเปลี่ยนให้การ์ดกลับคืนสู่สภาพเดิม โดยมีผู้ช่วยคือเคลเบรอส (เคโระจัง) ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับการ์ด และ วิธีการใช้การ์ดต่าง ๆ โดยเขาก็มอบกุญแจผนึกกับเธอเพื่อใช้ในการต่อสู้และจับการ์ด
Fancy Lala (1998)
หลังจากหายไปนานถึง 12 ปี ในที่สุด Studio Pierrot ก็กลับมาทำอนิเมแนวสาวน้อยเวทมนตร์อีกครั้ง โดยดัดแปลงจากผลงานการ์ตูนของ รูริกะ คาซึกะ ที่เคยลงในนิตยสาร Ribon อย่าง Fancy Lala ซึ่งเรื่องนี้นั้น นอกจากจะได้ อาเคมิ ทาคาดะ จาก Creamy Mami มาช่วยออกแบบตัวละครแล้ว พล็อตเรื่องหรือรายละเอียดต่างๆนั้น ก็คล้ายกับ Creamy Mami มาก จนทำเอาสับสน
มิโฮะ ชิโนฮาระ สาวน้อยวัย 9 ขวบได้รับไดโนเสาร์จิ๋วสองตัวจากคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง ปรากฏว่ามันเป็นไดโนเสาร์ที่พูดได้ พร้อมกับเอาปากกาและหนังสือสเก็ตช์ภาพวิเศษมาให้กับเธอ เธอจึงใช้มันวาดความฝันของเธอ ซึ่งทำให้เธอนั้นกลายเป็นสาววัยรุ่นคนงาม นาม "แฟนซี ลาล่า" จนถูก ยูมิ ฮาเนอิชิ เจ้าของบริษัทเอเจนซี่หาคนเข้าวงการบันเทิง สนใจเธอ และ เธอก็ก้าวเข้าสู่วงการมายาในที่สุด
Ojamajo Doremi (1999)
"แม่มดน้อยจอมยุ่ง โดเรมี" ในที่สุดก็มาถึงเหล่าแม่มดน้อยขวัญใจเด็กๆ ทั่วญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทยกันแล้ว เป็นผลงานการสร้างของโตเอะ อนิเมชั่น และเรื่องนี้ก็สร้างประวัติศาสตร์เป็นอนิเมแนวสาวน้อยเวทมนตร์ที่มีจำนวนความยาวมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มีจำนวน 201 ตอนด้วยกัน (ทำลายสถิติเดิมที่เซเลอร์มูนเคยทำไว้รวมกันทุกภาคคือ 200 ตอน......อย่างไรก็ตามสถิติดังกล่าว ก็ถูกซีรี่ย์พรีเคียวทุกภาคลบสถิติในภายหลัง) โดยแบ่งออกเป็น 4 ภาค (Ojamajo Doremi,Ojamajo Doremi #,Motto! Ojamajo Doremi , Ojamajo Doremi DOKKA~N)และ OVA อีก 13 ตอน ในชุด Ojamajo Doremi Na-i-sho และเนื้อหาของอนิเมเรื่องนี้นอกจากจะเน้นความเฮฮา น่ารัก สดใสร่าเริงแล้ว ก็ยังเน้นคติสอนใจในแง่ของมิตรภาพ ความรักของเพื่อนฝูง และ คนในครอบครัวอีกด้วย เรื่องนี้จึงเป็นอนิเมที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย จนคว้ารางวัลยอดเยี่ยมมาแล้วที่ญี่ปุ่น
เรื่องราวของแม่มดน้อยโดเรมีนั้นก็จะมีคอนเซปต์แตกต่างกันไปในแต่ละภาค เนื้อเรื่องในแต่ละตอนก็เป็นในลักษณะ การฝึกฝนเวทมนตร์ของสมาชิกแม่มดน้อยอย่าง ฮารุคาเสะ โดเรมี,ฟูจิวาระ ฮาซึกิ,เซโนะ ไอโกะ, เซงาว่า ออมปุ ,อาซึกะ โมโมโกะ,ฮานะจัง และ ฮารุคาเสะ ป็อป รวมถึงการนำพลังเวทมนตร์ไปใช้ในการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆให้ลงเอยไปได้ด้วยดี จุดเริ่มต้นของแม่มดน้อยโดเรมีคือ การที่พวกเธอได้เห็นตัว มาจอริก้า แม่มดตัวจริง จนทำให้มาจอริก้านั้นกลายเป็นลูกอ๊อด พวกเธอจึงต้องฝึกฝนเป็นแม่มดเพื่อแก้คำสาปให้กับมาจอริก้าให้ได้
Corrector Yui (1999)
เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่อิงความทันสมัยในเรื่องราวของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เรื่องราวของสาวน้อย ยูอิ คาซึกะ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นเลย ทั้งๆที่พ่อของเธอเป็นนักพัฒนาซอฟท์แวร์ วันหนึ่งยูอิโมโหที่ทำงานไม่เสร็จสักที เธอจึงทุบเครื่อง แต่แล้วเธอก็พบกับ I.R. 1 ในซอฟต์แวร์ทั้ง 8 ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ปิดผนึก กร๊อสเซอร์ ซอฟต์แวร์ตัวร้ายในโลกคอมเน็ต ที่ คิดจะครอบครองโลกมนุษย์ ยูอิจึงเข้าไปยังโลกคอมพิวเตอร์ เพื่อแปลงเป็น คอร์เรคเตอร์ยูอิ ออกตามหาซอฟต์แวร์ 7ตัวที่เหลือ เพื่อความสงบสุขของโลก
Pretear (2000)
เรื่องราวของเด็กสาว ฮิเมโนะ อาวายูกิ ที่หวังจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหลังจากคุณแม่ของเธอนั้นจากไป วันหนึ่งเธอพบกับฮายาเตะ อัศวินแห่งลม เขาบอกว่า เจ้าหญิงทาคาโกะ ถูกลักพาตัวโดยปีศาจมาที่เมืองที่ฮิเมโนะอยู่ โดยให้พลังเวทย์แก่เธอเพื่อช่วยให้เธอกลายเป็น พรีเทียร์ ร่วมต่อสู้กับปีศาจร่วมกับเหล่าอัศวินทั้ง7แห่ง Leafe
Tokyo Mew Mew (2002)
เป็น Mahou Shojo อีกเรื่องที่ดูแล้วคล้ายๆกับเซเลอร์มูน แถมเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่อุดมไปด้วยสายพลังการ์ตูนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น L,M(Megane-สาวแว่น) และสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในเรื่องนี้ นั่นคือ สายพลัง N (Neko - แมว)
เรื่องราวต่างๆเริ่มต้นขึ้นจาก โมโมมิยะ อิจิโกะ ที่กำลังจะออกเดทกับ มาซายะ อาโอยาม่า แฟนหนุ่ม ก็ได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เพราะ เธอได้รับDNAของแมวป่ามาโดยบังเอิญ จึงทำให้เธอมีพลังราวกับแมวป่า รวมถึงติดพฤติกรรมนิสัยแมว เลยทีเดียว และกลายมาเป็นสมาชิกของ"Mew Project" และต้องรักษาความลับด้วยการทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟ โดยพวกเธอทั้ง5 (อิจิโกะ, มินโตะ, เรเท็ตสึ, ปุริริน, ซาคุโระ)ก็ต้องพิทักษ์โลกให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ ไคนีม่า แอนิม่อล
Sugar Sugar Rune(2003)
"แม่มดสาวหัวใจกุ๊กกิ๊ก" เรื่องนี้ก็เป็นผลงานสร้างชื่อของ อ.อันโนะ โมโยโกะ ศรีภรรยาของ อันโนะ ฮิเดอากิ ผู้กำกับเอวานเกเลี่ยน เคยลงในนิตยสารนากาโยชิช่วงปี 2003-2007 ดัดแปลงป็นอนิเมปี 2005-2006 จุดเด่นของอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องนี้ก็ได้กลิ่นอายการใส่สีแบบอนิเมชั่นตะวันตก แถมชื่อตัวละครก็ดัดแปลงมาจากชื่อและส่วนผสมของขนมหวาน โดยมีสองสาวจากโลกเวทมนตร์นาม ช็อคโกล่า และ วานิลา เป็นตัวเดินเรื่อง
ช็อคโกล่า และ วานิลา สาวน้อยทั้งสอง เป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นราชินีคนต่อไปของโลกเวทมนตร์ ถึงจะเป็นคู่แข่งกันแต่พวกเธอก็ยังเป็นเพื่อนรักกันเสมอ โดยการแข่งขันครั้งก่อนแม่ของวานิลาได้เป็นราชินี ช็อคโกล่าเลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาชนะให้ได้ ซึ่งโจทย์ของพวกเธอก็คือ จะต้องปลอมตัวเป็นมนุษย์และรวบรวมดวงใจของมนุษย์โลก ใครเก็บได้มากกว่าก็จะได้เป็นราชินีแห่งโลกเวทมนตร์ ซึ่งวิธีการนั้น จะต้องทำให้เขารักเรา แล้วค่อยร่ายคาถาเรียกดวงใจมา แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือ ห้ามแม่มดตกหลุมรักมนุษย์ซะเอง มิฉะนั้นอาจถึงตายได้
Mermaid Melody Pichi Pichi Pitch (2003)
"เจ้าหญิงนางเงือก"เป็นอนิเมที่ดัดแปลงมาจากนิทานเรื่อง "Little Mermaid" ผลงานการประพันธ์ของ Hans Christian Andersen ซึ่งว่าด้วยนางเงือกสาวผู้ตกหลุมรักชายหนุ่มรูปงาม ถึงขั้นแปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อเอาชนะใจเขาให้ได้นั้น มารวมกับพล็อตของหนังคลาสสิคปี1954 เรื่องThree Coins in the Fountain ซึ่งว่าด้วยหญิงสาวสามคนมาตามหารักที่กรุงโรม สำหรับเรื่องนี้ก็เช่นกัน เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงนางเงือกทั้งสามตนตัดสินใจขึ้นบกมาเรียนรู้ชีวิตบนโลกมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์ที่แหวกแนวก็ตรงที่ พวกเธอนั้นใช้เสียงเพลงที่พวกเธอขับร้องนั้นไปกำราบเหล่ามาร
เรื่องราวเริ่มต้นที่ ลูเซีย หนึ่งในเจ้าหญิงนางเงือกตัดสินใจขึ้นบกเพื่อตามหา ไคโตะ โดโมโตะ ชายหนุ่มผู้ที่เธอเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เธอในร่างมนุษย์ที่ชื่อว่า ลูเซีย นานามิ ก็ได้พบกับไคโตะอีกครั้ง แต่เธอกลับไม่ยอมบอกความจริงเรื่องที่เธอเป็นนางเงือกให้ไคโตะได้รู้ นอกจากจะต้องคอยสู้เพื่อเอาชนะใจในด้านความรักแล้ว เธอและสหายเงือกของเธอยังต้องคอยต่อสู้กับเหล่าปีศาจที่บุกเข้ามายังโลกท้องทะเลอีกด้วย โดยการใช้ไข่มุกแปลงร่างจากเงือกน้อยเป็นนักร้องสาวไอด้อล และใช้เสียงร้องของพวกเธอนั้นเป็นอาวุธ
Futari wa Pretty Cure (2004)
"มหัศจรรย์สาวน้อยพริตตี้เคียว" เป็ผลงานอีกเรื่องหนึ่งของ โตเอะ อนิเมชั่น ที่ปัจจุบันยังคงทำกำไรจากการขายของเล่นอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนตอนรวมมากที่สุด หากนับรวมกันทุกภาค ปัจจุบันทำออกมาทั้งหมด 6 ภาคคือ Pretty Cure,Pretty Cure Max Heart,Pretty Cure Splash Star , Yes! Precure 5, Yes! Precure 5 GoGo และ Fresh Precure ส่วนคอนเซปต์นั้นก็ยังคงเป็นการ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์ปราบปีศาจนอกโลกเช่นเคย
สำหรับสองภาคแรกนั้น ก็ให้ สองสาวที่นิสัยต่างกันสุดขั้วและไม่รู้จักกันมาก่อนอย่าง มิสุมิ นางิสะ กับ ยูกิชิโร่ โฮโนกะ เป็นตัวเอกของเรื่อง ทั้งสองก็ได้รับรู้เรื่องที่ปีศาจร้าย Dusk Zone จะมาทำลายโลกมนุษย์จากมนุษย์ต่างดาวน่ารักๆ นาม มิปเปิ้ล และ เมปเปิ้ล ทั้งสองจะใช้โทรศัพท์มือถือ ในการแปลงร่างเป็น เคียวแบล็ก และ เคียวไวท์ และต่อสู้ในนามของ พริตตี้เคียว เพื่อปกป้องโลกใช้รอดจากเงื้อมมือของเหล่าร้าย โดยทั้งสองก็จะใช้ท่าคอมโบคู่ อย่างเช่น Black Thunder! White Thunder! Pretty Cure Marble Screw (ภาคสอง จะมีคำว่า Max ต่อท้าย) ปล่อยพลังสายฟ้าปราบศัตรูลงได้ทุกตอน และในภาคสองนั้นก็มี คุโจ ฮิคาริ หรือ ชายนิ่ง ลูมินัส มาต่อสู้ร่วมกับเคียวแบล็ก และ เคียวไวท์ ด้วย
สำหรับภาค Splash Star นั้น จะมีการเปลี่ยนตัวเอกไปเป็น ซาคิ ฮิวงะ(เคียวบลูม) กับ ไม มิโช(เคียว อิเกรท) แทน
ในภาค Yes! Precure 5 กับ Yes! Precure 5 GoGo ก็เพิ่มสมาชิกเป็น 5 คน จนกลายสภาพคล้ายๆกับขบวนการเซ็นไท เช่นเดียวกับเซเลอร์มูน ประกอบด้วย ยูเมฮาระ โนโซมิ(เคียวดรีม),นัตซึกิ ริน(เคียวรูจ),คาสึงาโนะ อุราร่า(เคียวเลมอนเนด),อากิโมโต้ โคมาจิ(เคียวมินท์) และ มินาซึกิ คาเรน(เคียวอควา) พร้อมกับผู้ช่วยคอยให้คำแนะนำซึ่งเป็นตัวประหลาดจากPalmier Kingdom นาม โกโก้ และ นัทส์
ในขณะที่ Fresh Precure เปลี่ยนตัวละครหลักเป็นตัวเอก 3 คน ประกอบด้วย เลิฟ,มิกิ และ อิโนริ ซึ่งเธอทั้ง 3 จะต้องแปลงร่างเป็น เคียวพีช,เคียวเบอรี่ และ เคียวไพน์ เพื่อต่อกรกับเหล่าปีศาจ Labyrinth เพื่อปกป้องโลกให้ปลอดภัย ต่อมาพวกพรีเคียว ก็มีสมาชิกคนที่ 4 เพิ่มเติม นั่นคือ เซ็ตซึนะ หรือ เคียวแพชชั่น
Magical Girl Lyrical Nanoha (2004)
Magical Girl Lyrical Nanoha จัดว่าเป็นอนิเมแนวสาวน้อยเวทมนตร์ที่ฮิตที่สุดในขณะนี้ อีกทั้งยังฉีกไปจากการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ของสาวน้อยจอมเวทย์มีความไฮเท็ค รุนแรงมากขึ้น ตัวละครได้โชว์ฝีมือในการต่อสู้มากกว่าเรื่องก่อนๆ เน้นเนื้อหาให้มีความเข้มข้น ดราม่ามากขึ้น เพื่อกลุ่มคนดูในช่วงวัยรุ่นถึงผู้ใหญ่ หรือจะสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างกันระหว่างแนวคิดของแต่ละคน จนเป็นสาเหตุที่ต้องต่อสู้กัน
สำหรับ Magical Girl Lyrical Nanoha นั้น ก็เป็นอนิเมที่มีเนื้อหาแยกออกมาจากเกม และ OVA เรื่องดัง Triangle Heart โดยมีการดัดแปลงคาแรคเตอร์กับเนื้อหาบางส่วน ออกฉายภาคแรกในปี 2004 จำนวน 13 ตอน และก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จนต้องสร้างภาคอื่นตามมา คือ Magical Girl Lyrical Nanoha A's (2005)และ Magical Girl Lyrical Nanoha Strikers (2007) ซึ่งแต่ละภาคนั้นก็มีเนื้อหาที่ต่อเนื่อง จากสองภาคแรก ตัวละครหลักยังเป็นเด็ก พอมาถึงภาคStrikers บรรดาตัวละครก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว
ทาคามาจิ นาโนฮะ สาวน้อยป.3 ได้พบกับ ยูโน่ จอมเวทย์จากโลกต่างมิติที่กำลังบาดเจ็บหนักขณะที่เขากำลังตามหา Jewel Seed อัญมณีหายากในโลกต่างมิติ มีอำนาจพิเศษในการประทานพรต่างๆให้เป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากหากมีคนให้มันในทางที่ผิด และเขานั้นก็ได้ค้นพบพลังเวทย์ในตัวนาโนฮะ และ นาโนฮะก็ยอมช่วยเหลือยูโน่ในการเก็บ Jewel Seed และใช้พลังเวทย์ที่เธอมีนั้นปกป้องผู้คน และเธอนั้นก็มี Raising Heart เป็นอาวุธเวทย์ประจำตัว นอกจากนี้ในช่วงแรกๆของเรื่อง นาโนฮะยังต้องต่อสู้กับ เฟท เทสทารอสซ่า ที่หวังจะเก็บ Jewel Seed ด้วยเช่นกัน แต่พอเฟทรู้เรื่องราวความจริงทั้งหมด เธอจึงเป็นมิตรกับนาโนฮะนับแต่นั้น......
Demashita! Powerpuff Girls Z (2006)
ดูจากชื่อเรื่องก็น่าจะเดากันออกว่า เรื่องนี้นั้นก็เป็นการนำตัวละครจาก Powerpuff Girls มาดัดแปลงใหม่ในสไตล์ของการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของสามสาว Blossom,Buttercup,Bubbles เช่นเดิม เป็นอนิเมที่ร่วมกันผลิตโดย Cartoon Network, Toei Animation และ Aniplex โดยขั้นตอนการผลิตนั้นอยู่ที่ญี่ปุ่น โดยที่ Craig McCracken ผู้ให้กำเนิด Powerpuff Girls นั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
เรื่องราวก็เริ่มต้นจากการที่อุณหภูมิของโลกแปรปรวนอย่างหนัก เพื่อหยุดปรากฏการณ์นี้ เคน คิตาซาว่า จึงใช้ Chemical Z ทำลายธารน้ำแข็งยักษ์ แต่กลับมีผลทำให้เกิดแสงดำขาวทั่วท้องฟ้ากรุงโตเกียว ซึ่งเด็กสาวทั้งสามคน ประกอบไปด้วย โมโมโกะ,มิยาโกะ และ คาโอรุ นั้น ก็โดนแสงสีขาวเข้าไป จนกลายเป็นฮีโร่สาวผู้ผดุงความยุติธรรมแห่งกรุงโตเกียว "Powerpuff Girls Z" ทั้ง Hyper Blossom (โมโมโกะ), Rolling Bubbles (มิยาโกะ), และ Powered Buttercup (คาโอรุ)จะต้องคอยปราบเหล่าปีศาจซึ่งเกิดมาจากมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตที่ถูกลำแสงสีดำเข้าไป
Shugo Chara (2006)
"Shugo Chara! คาแรคเตอร์ผู้พิทักษ์" ผลงานเรื่องปัจจุบันของ Peach-Pit (Rozen Maiden) ที่เปลี่ยนจากแนวตุ๊กตากลสู้รบ ไปเป็น แนวสาวน้อยเวทมนตร์มั่ง เรื่องราวของ ฮินาโมริ อามุ สาวน้อยแสนขี้อาย แต่มีภาพลักษณ์เป็นสาวเท่ห์ประจำรร.ประถมเซย์โยะ ที่วันหนึ่งเธอได้พบกับไข่สีแดง น้ำเงิน เขียว บนเตียงนอน ซึ่งแท้จริงแล้วคือการ์เดี้ยนตัวจิ๋วนาม รัน มิกิ และ ซู โดยการ์เดี้ยนทั้ง 3 อาสาจะช่วยเปลี่ยนแปลงคาแร็คเตอร์ของอามุตามต้องการ ตามความสามารถของการ์เดี้ยนแต่ละตน อย่างไรก็ตาม อามุก็ถูกการ์เดี้ยนประจำโรงเรียนขอร้องให้ร่วมทีม ช่วยค้นหาและกำจัด X Eggs กับ X Characters ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดขวางความฝันของมนุษย์ โดย X Eggs กับ X Characters เกิดขึ้นจาก Embryo หากใครได้ครอบครอง Embryo แล้ว จะสามารถขอพรอะไรก็ได้ ให้เป็นความจริง
kartoon-discovery.com
Sep 2007
อ้างอิงจาก |
http://en.wikipedia.org/wiki/ คีย์เวิร์ด mahou shojo |
|
animenewsnetwork.com |
|
http://henshin.anime-myth.com |
|
http://pierrot.jp/english/title.html |