Bloody Monday : หยุดไวรัสมฤตยู กอบกู้โลก ด้วยการแฮ็คกิ้ง!!

  นับวัน มนุษย์ได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ และพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ในทุกๆวัน ทำให้มนุษย์ได้ซึมซับเทคโนโลยีอันไฮเทค ล้ำยุค ทันสมัย จนน่าจะเรียกได้ว่า เรากำลังเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มตัวภายในระยะเวลาไม่กี่ปี แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีสมัยใหม่ย่อมมีอยู่ 2 ด้าน ทั้งด้านดี และ ไม่ดี ซึ่งก็ขึ้นกับการนำเอาไปใช้ของมนุษย์เป็นหลัก และที่โลกของเรายังคงไม่สงบลงนั้น ส่วนหนึ่งคงปฏิเสธไปไม่ได้ว่า เป็นเพราะความประสงค์ร้ายของมนุษย์นั่นเอง และด้วยความประสงค์ร้ายของมนุษย์นี้เอง จึงนำไปสู่จุดเริ่มต้นของความวุ่นวายพร้อมกับความตื่นเต้นผจญภัยไปกับเรื่องราวของการ์ตูนเรื่องที่เรากำลังจะรีวิวต่อไปนี้ ซึ่งก็คือ Bloody Monday นั่นเอง

  Bloody Monday หรือชื่อภาษาไทยคือ รหัสมรณะ เป็นผลงานเขียนร่วมกันของ อ.เรียว ริวมง (แต่งเรื่อง) กับ อ.โคจิ เมงุมิ (วาดภาพ) ลงตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารโชเน็นแมกกาซีน ปี 2007 ปัจจุบันกำลังดำเนินเรื่องในภาค 3 (Last Season ) และเรื่องนี้ก็ได้ รับความนิยมอย่างมาก จนถูกดัดแปลงทำเป็นละครซีรี่ย์คนแสดงถึง 2 ภาค อีกทั้งเรื่องนี้ยังได้รับความสนใจจากคนอ่านบ้านเราในช่วงที่เรื่องนี้ยังไม่มี LC ก่อนที่สนพ.วิบูลย์กิจจะคว้าลิขสิทธิ์ไปเมื่อต้นปี 2010 และในปีเดียวกัน VBK ได้นำเนื้อเรื่องภาค 2 ตีพิมพ์ใน KC Weekly และ วางขายฉบับรวมเล่มของภาค 1 และ ภาค 2 ตามมา (ทั้งๆที่ภาค 1 ไม่ทันจะออกจบเลย รีบเข็นภาค 2 ออกมาซะแล้ว)

  Bloody Monday เป็นการ์ตูนแนวแอ็คชั่น สืบสวน หักเหลี่ยมเฉือนคม เรื่องราวของ ทาคางิ ฟูจิมารุ เด็กหนุ่มเจ้าของสมญา "Falcon" แฮ็คเกอร์อัจฉริยะที่คอยแฮ็คระบบคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่กำลังเดือดร้อน ซึ่งต่อมาเขาได้รับ คลิปวีดีโอสังหารโหดคืนวันคริสมาสต์ พร้อมโค้ดลับ "Bloody Monday" จาก ริวโนะสึเกะ พ่อของฟูจิมารุ เข้า ทำให้เขาต้องไปพัวพันกับกลุ่มโจรก่อการร้ายอย่างเต็มตัว เช่นเดียวกับคุณพ่อที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในฐานะอาชญากรอีกด้วย ในขณะเดียวกัน โอริฮาระ มายะ สาวทรงโตลึกลับคนหนึ่ง ก็ได้แฝงตัวเข้าไปในโรงเรียนของฟูจิมารุ ในมาดของคุณครูคนใหม่ พร้อมกับคอยจับตาเฝ้าดูฟูจิมารุอยู่ ซึ่งแท้จริงแล้ว มายะ เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อการร้าย ที่หมายจะเอา Bloody-X ไวรัสมรณะ ไปแพร่กระจายทั่วกรุงโตเกียว งานนี้ ฟูจิมารุ จะต้องใช้ความสามารถในการแฮ็คกิ้งเพื่อช่วยเหลือญี่ปุ่นให้พ้นภัยจากผู้ก่อการร้าย โดยได้รับความช่วยเหลือจาก THIRD-i องค์กรที่คอยป้องกันความมั่นคงของประเทศ รวมถึงเพื่อนสนิทของเขา อย่าง คุโจ โอโตยะ กับ อาซาดะ อาโออิ

  ส่วนในภาคซีซั่น 2 หรือที่มีชื่อเก๋ๆว่า กล่องแพนโดร่า นั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากภาคแรก 2 ปี ฟูจิมารุ จะต้องเข้าไปพัวพันกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มใหม่ นาม "กระสุนปีศาจ" ที่กำลังวางแผนร้ายกะให้กรุงโตเกียวพินาศด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งงานนี้ ริวโนะสึเกะ ที่เป็นสมาชิกคนนึงของ THIRD-i ก็ได้แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว รวมถึง ฟูจิมารุ ก็ต้องพบกับศัตรูแสนน่ากลัว อย่าง ปีเตอร์แพน ที่มีความสามารถในการแฮ็คกิ้งไม่แพ้ฟูจิมารุเลย แล้วฟูจิมารุ จะสามารถหยุดผู้ก่อการร้ายได้อีกครั้งหรือไม่นั้น คนอ่านอย่างเราๆก็ต้องลุ้นกันต่อไป

  ส่วนในภาคซีซั่น 3 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากภาคสองแค่ปีเดียว โดยรวมก็ยังคงมีเนื้อหาคล้ายๆกับสองภาคแรก เพียงแต่ภาคนี้ ฟูจิมารุ กลับถอนตัวจาก THIRD-i อย่างลับๆ ไปร่วมมือกับพรรคพวกของ J ซะเอง ในการแฮ็คระบบป่วนบรรดานายกและผู้นำของแต่ละประเทศที่มาร่วมสังสรรค์ชุมนุมกัน เพื่อค้นหาและกระชากหน้ากากของ Story Teller บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบของญี่ปุ่นและมนุษยชาติ อย่างแท้จริง

  ก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ที่เราจะวิจารณ์นี้ เราจะเน้นภาคหนึ่งเป็นหลัก เพื่อไม่เป็นการสปอยสองภาคหลัง ....เสน่ห์หลักๆของเรื่องนี้ ก็อยู่ตรงที่ การชิงไหวชิงพริบกันระหว่างฝ่ายพระเอกและตัวร้าย ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างก็ไม่มีใครยอมใคร คือ มีการพลิกแผน ซ้อนแผนกันไปมา จากที่เสียเปรียบกลับกลายไปเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งฝ่ายตัวร้ายของเรื่องนี้ก็ฉลาดเป็นกรด รู้เท่าทันฝ่ายพระเอกทุกที (โดยเฉพาะ นาย J) จนเป็นฝ่ายไล่ต้องพวกเขาให้หนีไปตั้งหลักใหม่ แต่ฝ่ายพระเอกก็มีดีตรงที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และพร้อมที่จะแก้ไขสถานการณ์พลิกเกมที่ฝ่ายตรงข้ามวางแผนเอาไว้ตลอด ทำให้อ่านแล้วได้สนุก ลุ้นไปทุกตอน ไม่ต่างจากการได้ชมหนังแอ็คชั่นมันส์ๆในโรงภาพยนตร์ ที่สำคัญเรื่องนี้ก็มีความน่าสนใจตรงที่เป็นการต่อสู้ของคนหัว IT โดยเฉพาะกับการแฮ็คกิ้ง ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น การแฮ็คระบบคอมพิวเตอร์ของชาวบ้านนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องซักเท่าไหร่ แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อหยุดยั้งการก่อการร้าย และช่วยเหลือเหล่าผู้บริสุทธ์ ซึ่งฝ่ายผู้ร้ายนั้นก็ได้วางปริศนาเอาไว้ซับซ้อน ทำให้ต้องลุ้นกันสุดตัวว่า Falcon จะทำได้สำเร็จหรือไม่!? แล้วตัวจริงของ K หัวหน้าใหญ่ของผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้นั้น เป็นใครกันแน่!!!!? (ใบ้ว่าเป็นคนที่เราคาดไม่ถึง ...เสียแต่ว่า ดันเฉลยเร็วไปซะนี่) ...แม้ว่าจะชิงไหวชิงพริบของเรื่องนี้จะเป็นจุดเด่น แต่ก็มีจุดอ่อนของเรื่องที่หลายคนอาจมองข้ามไป ก็ตรงที่ ไม่ได้มีการอธิบายเกี่ยวกับเหตุผล หรือ แรงจูงใจของฝั่งผู้ก่อการร้าย อย่างชัดเจน ว่าเหตุฉะไหนพวกเขาถึงต้องวางแผนก่อวินาศกรรมด้วยการปล่อยไวรัสมรณะทำลายกรุงโตเกียวให้สิ้นซากด้วย ขณะเดียวกัน แม้ว่าโทนเรื่องค่อนข้างจะซีเรียสไปหน่อย แต่ยังดีที่มีหยอดมุขแทรกลงไปบ้างเล็กน้อย (แต่อัดการ์ตูน 4 ช่องท้ายเล่ม)

  ในส่วนของลายเส้น ก็ถือว่าสวยงาม เหมาะกับการ์ตูนแนววัยรุ่น ทว่า ในเรื่องก็มีฉากรุนแรง ฉากหลั่งเลือดสยดสยองมากอยู่พอสมควร จึงไม่เหมาะสำหรับคนอ่านวัยเด็กเท่าใดนัก อีกทั้งเรื่องนี้มีคำศัพท์เฉพาะทางเกี่ยวกับด้าน IT หรือ วิทยาศาสตร์ อยู่เยอะ ซึ่งคนที่ชื่นชอบ สนใจ หรือเรียนมาทางด้านนี้อยู่แล้ว ก็คงจะติดใจและอินกับเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยาก ส่วนคนที่ไม่สันทัดเรื่อง IT อาจอ่านลำบากหน่อย แต่ยังดีที่ในหนังสือฉบับรวมเล่ม ก็ได้มีการอธิบายศัพท์บางคำไว้อยู่แล้ว ซึ่งอาจช่วยพอให้อ่านเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น.....