Maoyuu Maou Yusha : เรียนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ผ่านจอมมารสาวและผู้กล้า

สงครามความขัดแย้งต่างๆ บนโลกนี้ยังคงเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการทำสงครามกันนั้น นอกจากเหตุผลที่มนุษย์มีแนวคิดความเชื่อที่แตกต่างกันแล้วนั้น ก็คือเรื่องของผลประโยชน์ ความต้องการมักมากของมนุษย์ หรือใครต่อใคร อย่างไม่สิ้นสุดนี่แหละ ที่ทำให้เกิดการสู้รบแย่งชิงกัน จนท้ายที่สุดแล้ว ก็เกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงขึ้น ทั้งผู้ชนะและผู้พ่ายแพ้ ซึ่งเรื่องราวของสงครามนั้น นอกจากจะได้มีการบันทึกในประวัติศาสตร์จริงแล้ว ก็ยังได้มีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ เช่น หนัง ละครทีวี หนังสือนิยาย หนังสือการ์ตูน อนิเมชั่น ฯลฯ และเรื่องราวของสงครามต่างๆที่นำเสนอผ่านทางสื่อต่างๆนั้น ยังได้มีการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับความพยายามในการแก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ให้สงครามนั้นปะทุขึ้นอีก เพื่อให้ผู้คนบนโลกใบนี้ได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข ซึ่งเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ก็เป็นความพยายามในการขจัดความขัดแย้ง สร้างความสันติสุขของโลก ที่เกิดขึ้นออกไปในทางแฟนตาซีหน่อยๆ........แฟนตาซีที่ว่ามานี้นะ หมายถึง โลกที่เกิดขึ้นในการ์ตูนเรื่องนี้ ที่เหล่ามนุษย์กับเหล่ามาร ดันอาศัยอยู่ร่วมกัน!!! แต่การแก้ไขปัญหานั้นก็เบสิกเอามากๆ เพราะเป็นการนำเรื่องราวของเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย!!! เกริ่นมาขนาดนี้ เรากำลังจะพูดถึงเรื่อง Maoyuu Maou Yusha นั่นเอง

Maoyuu Maou Yusha นั้นมาจากนิยายดังของญี่ปุ่นของ มามาเระ โทโนะ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีเคยเป็นหัวข้อสนทนาทางอินเตอร์เน็ตจนมีการเขียนต่อเป็นนิยาย และด้วยความดังของนิยายเรื่องนี้ ทำให้ถูกนำไปต่อยอดเป็นเวอร์ชั่นอนิเมซีรี่ย์ ออกฉายไปต้นปี 2013 และ เวอร์ชั่นมังงะ ที่ทำออกมาหลายหลายเวอร์ชั่นอีก ซึ่งคอการ์ตูนบ้านเรา ต่างได้สัมผัสกับฉบับมังงะของเรื่องนี้ 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน คือ จอมมารนักเศรษฐศาสตร์กับผู้กล้าบ้าพลัง ของสนพ.สยามอินเตอร์ฯ กับ จอมมารผู้กล้าจับคู่กู้โลก ฉบับ เศรษฐ์ศาสตร์ปรองดอง ของสนพ.วิบูลย์กิจ ....และไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยถือโอกาสเขียนรีวิวรวบยอดทั้งสองเวอร์ชั่นเลย (และเพื่อความสะดวก ในบทความนี้ ขอเรียกทั้ง 2 เรื่องนี้ว่า ผู้กล้าจอมมาร ฉบับ SIC กับ VBK ตามลำดับ) โดยเรื่องนี้มีความพิเศษตรงที่ มีการนำเสนอเรื่องราวในบรรยากาศคล้ายๆกับเกมแนว RPG ที่ใครหลายคนเคยเล่นกัน และที่สำคัญ ตัวละครในเรื่องนี้ จะไม่มีการเรียกชื่อเฉพาะเลย เรียกชื่อกันอย่างง่ายๆ ว่า "ผู้กล้า" , "จอมมาร" , "หัวหน้าเมด" , "อัศวินหญิง" ฯลฯ กันทั้งเรื่อง เป็นต้น
,
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ โลก ที่เหล่ามนุษย์กับเหล่ามาร อาศัยอยู่ด้วยกัน ตามที่เราบอกกล่าวไปแล้วข้างต้น แต่จากการที่มนุษย์กับพวกมารมีปัญหาระหองระแหงกันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สงครามครั้งใหญ่บนโลกใบนี้ได้ระอุขึ้น และกินเวลายาวนานหลายสิบปี จนไม่มีทีท่าว่าสมครามครั้งนี้จะถึงคราสิ้นสุดเลย อย่างไรก็ตาม ในระหว่างสงครามนั้น "ผู้กล้า" หนุ่ม ได้บุกตะลุยดุ่ยๆเดี่ยวๆ จนกระทั่งไปเผชิญหน้ากับ "จอมมาร" ยังปราสาท แต่......"จอมมาร"ที่เขาได้พบเห็นอยู่ตรงหน้านั้น แทนที่จะเป็นปีศาจร้ายแสนน่ากลัว กลับกลายเป็นสาวสวย หุ่นสะบึม ซะงั้น!! จากนั้นบรรยากาศได้เปลี่ยนแปลงไปจากการการสู้รบ ไปเป็นการเปิดฉากเจรจากันระหว่างหนุ่มสาว ตัวแทนมนุษย์และมาร จากการเจรจานั้น ทำให้ผู้กล้าได้รับรู้ความจริงบางอย่าง(อันคาดไม่ถึง)เกี่ยวกับสาเหตุหลักที่ทำให้สงครามอันแสนยืดเยื้ออุบัติขึ้นบนโลกใบนี้จากปากของจอมมารสาว ซึ่งจอมมารสาวได้เสนอแนะในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างสันติวิธี นั่นก็คือ การแก้ไขปัญหาปากท้องของผู้คนหมู่มากทั้งระบบ โดยได้นำเอาวิชาเศรษฐศาสตร์ที่เธอได้ช่ำชองมาใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้ง เธอยังได้ขอร้องให้ผู้กล้าช่วยมาเป็น "ของๆชั้น" หรือ ช่วยมาเป็นกำลังให้กับเธอในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ .......แล้วเขาหรือเธอจะสามารถดำเนินการหยุดสงครามนำพาโลกใบนี้กลับคืนสู่ความสันติสุขได้หรือไม่?

จากการที่ได้สัมผัสทั้งสองเวอร์ชั่น ขอบอกตรงๆว่า ตัดสินได้ยากมากว่าเวอร์ชั่นไหนดีกว่ากัน เพราะมีเนื้อหาหลักที่เหมือนๆกัน แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ตรงที่ลายเส้น กับ การนำเสนอ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าใครจะชอบลายเส้นแบบไหนและการนำเสนอแบบไหนมากกว่า โดย ผู้กล้าจอมมาร ฉบับ SIC นั้น ลายเส้น ดีเทลต่างๆ ดูจะละเอียด งามกว่า ขณะที่ ผู้กล้าจอมมาร ฉบับ VBK จะมีลายเส้นที่ดูเบาๆสบายตากว่า ส่วนการนำเสนอนั้น ของ VBK นั้น จะเน้นมุขตลกมากกว่า แถมคาแร็คเตอร์จอมมารเอง ดันเอ๋อน่ารักพูดจาไพเราะกว่าอีกฝั่ง ส่วนเรื่องเนื้อหารายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับด้านวิชาการนั้น ทำได้ดีทั้งสองเวอร์ชั่น เพียงแต่ของ SIC ดูจะแน่นกว่าหน่อยนึง (เลยต้องใช้เวลาตีความเยอะด้วยเช่นกัน)

โดยเนื้อหาหลักๆของเรื่องนี้ พออ่านๆไปแล้ว จะเรียกว่า เป็นหนังสือบทเรียนเศรษฐศาสตร์ที่หยิบเอาตัวละครเกม RPG อย่างผู้กล้า จอมมาร ฯลฯ มานำเสนอ ก็ไม่ผิดนัก ทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพง่ายยิ่งกว่าตำราเรียนที่เคยเรียนตอนมัธยม กับ มหาวิทยาลัยเสียอีก อย่างไรก็ตาม หากใครที่เรียนมาทางด้านเศรษฐศาสตร์โดยตรง ก็จะเก็ตง่ายหน่อย แต่หากใครที่ไม่ได้เรียนด้านนี้ อ่านแล้วก็ต้องคิดกันอีกหลายตลบกันเลย เกี่ยวกับเหตุผลต่างๆที่สัมพันธ์กันตามหลักของเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะกับเรื่องราวของสงครามระหว่างมนุษย์และมาร ที่เชื่อว่าตอนแรกๆหลายคนคงจะคิดตามแบบผู้กล้าว่า ในสงครามมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ประชากรควรจะลดลงมากกว่านี้ แต่พอได้ฟังสิ่งที่จอมมารสาวได้อธิบายไปนั้น กลับกลายเป็นความจริงอีกด้านหนึ่งอันคาดไม่ถึงคือ ประชากรกลับเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่สงครามยังดำเนินต่อไป ซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากการที่อัตราการตายของมนุษย์ได้ลดลง จากการที่มนุษย์ได้พัฒนาวิทยาการด้านใหม่ๆ ที่ช่วยลดความอดอยาก และหยุดยั้งอาการบาดเจ็บ กับโรคระบาดต่างๆไปด้วย จากการที่มนุษย์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ก็ส่งผลถึงปัญหาใหญ่ นั่นคือ การขาดแคลนทรัพยากร โดยเฉพาะส่วนกลางที่ทุ่มงบไปกับสงครามครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ซะจนขาดการดูแลเอาใจใส่ปากท้องของประชากร เช่นเดียวกับ ประเทศ หรือ อาณาจักรทางภาคใต้ที่เป็นรัฐกันชนติดกับโลกมาร ที่ได้รับการสนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์จากภาคกลางนั้น ก็ดันไม่จริงจังกับสงครามเท่าที่ควร จากการที่คนบางกลุ่มมาคอร์รัปชั่นกันเอง จนเกิดปัญหาสังคมตามมาอีกนับไม่ถ้วน และก็ส่งผลถึงส่วนกลางที่จะต้องเผชิญกับอันตรายจากกองทัพมารมากขึ้น ....ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำไมจอมมารสาวถึงอยากจะหยุดสงครามนี้โดยไม่มีฝ่ายไหนแพ้หรือชนะ ได้รับประโยชน์ของกันและกัน ซึ่งเธอจะมาให้ความรู้ต่างๆ ในมาดของนักปราชญ์สาว พร้อมกับให้ผู้กล้าคอยช่วยสนับสนุนอีกแรง ซึ่งในเรื่องเราจะได้เห็นการแก้ปัญหาปากท้องต่างๆ อย่างเช่น การปลูกพืชหมุนเวียน , การแนะนำให้มนุษย์ปลูกมันฝรั่ง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในช่วงฤดูหนาว และคาดว่า องค์ความรู้ต่างๆของจอมมารสาวที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาปากท้องของผู้คนนั้น ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้แน่นอน!!

ที่พิเศษไปกว่านั้น เรื่องนี้ได้แฝงแนวคิดต่างๆอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการแสวงหาความสงบสุขที่แท้จริง.......เรามาสู้รบกันเพื่ออะไร....แล้วผลแพ้ชนะของสงครามนั้น มันช่วยให้สงครามความขัดแย้งจบแล้วหรือ!?................ ซึ่งหากจะว่ากันตามตรงแล้ว สงครามนั้นอาจยังไม่จบสิ้น หากผู้กล้าสามารถปราบจอมมารลงก็เป็นได้ นั่นก็เพราะว่า บางทีฝั่งมารอาจแต่งตั้งจอมมารคนใหม่คอยบัญชาการทัพบุกโลกมนุษย์ ส่วนผู้กล้าที่เป็นผู้ชิตมารนั้น ก็อาจได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็นอาชีพอื่น หรืออยู่ฐานะอื่นๆ และเป็นผู้กล้าคนต่อไปที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับจอมมารคนใหม่แทน และหากเกิดผลแพ้ชนะขึ้นมาเนี่ย มันก็จะเกิดวังวนแบบนี้ซ้ำซากอย่างไม่สิ้นสุด และ ความสงบสุขนั้นก็ยากที่จะกลับมา....เท่านั้นไม่พอ ต่อให้ทั้งสองฝ่ายไม่รบราฆ่าฟันกัน ยังไงซะ มนุษย์ หรือ มาร ก็ต้องมากัดกันเองอยู่ดี และมันเป็นอยู่แบบนี้ซะจนทำให้ไม่ได้ฉุกคิดถึง เรื่องปากท้อง เรื่องขาดแคลนอาหาร เรื่องของทรัพยากรต่างๆ อาจรวมไปถึงความต้องการในสิ่งจำเป็นด้านต่างๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัด สวนทางกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้น จนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนได้อย่างเพียงพอ .............ซึ่งแนวคิดตรงนี้ ก็พอที่จะนึกถึงความขัดแย้งทางการเมืองอันเรื้อรังของบางประเทศแถวๆนี้ ไปได้บ้าง....ที่ต่างฝ่ายต่างคำนึงถึงผลประโยชน์ตนเองเป็นหลัก ซะจนลืมนึกถึงความต้องการขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างจริงๆจังๆ เลย เป็นต้น .......... นั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังต้องการคำตอบที่ถูกต้อง รวมไปถึงการแก้ปัญหาที่ถูกจุดจริงๆจังๆ ที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งกันต่อไป......................

อนึ่ง "จอมมารนักเศรษฐศาสตร์กับผู้กล้าบ้าพลัง" นั้น ตันสังกัดเป็นของสนพ.Kadokawa ของญี่ปุ่น ขณะที่ "จอมมารผู้กล้าจับคู่กู้โลก ฉบับ เศรษฐ์ศาสตร์ปรองดอง" ตันสังกัดเป็นของสนพ.Akita Shoten ของญี่ปุ่น