สำหรับ "ถนนพระอาทิตย์"นั้นก็เป็นการ์ตูนไทยอีก1เรื่อง ที่เคยตีพิมพ์ในNeoz ซึ่งเป็นหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ เนื่องจากในช่วงนั้นผมยังติดตามซื้อ Neozทุกสัปดาห์ พอเปิดเจอการ์ตูนเรื่องนี้ ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที ก็เพราะว่ามันคือการ์ตูนไทย ที่ดูแล้วมีกลิ่นอายของความเป็นไทยมากอยู่เรื่องหนึ่ง(ซึ่งกลิ่นอายของความเป็นไทยที่ว่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบแต่งชุดไทย เป็นตัวการ์ตูนหนูแกละ อะไรแบบนั้น) แล้วแถมเน้นที่ตัวละครวัยรุ่นเสียด้วยสิ ก็เลยลองอ่านดู
วันหนึ่ง พิม นักร้องนำวงParasiteที่โด่งดังในหมู่วัยรุ่น กำลังไปซื้อเทปเก่าแถวย่านถนนพระอาทิตย์มาฟัง แต่ระหว่างทางเธอก็ได้หกล้มตกบันไดสะพานลอย และทำให้สมองของเธอสูญเสียความทรงจำไป ต่อมาก็ได้รับความช่วยเหลือจาก2พี่น้องคู่หนึ่ง นามว่า เต้ย และ เตย แล้วทั้ง2ก็พาไปที่ร้านขายกาแฟซึ่งมี ส้ม เป็นเจ้าของ โดยพิมต้องใช้ชื่อว่าเอ๋อเป็นการชั่วคราวและต้องเป็นลูกจ้างอีกคนหนึ่งของที่นี่ และในขณะเดียวกัน ก็ต้องตามหาตัวจริงของเธอด้วยว่าเป็นใครกันแน่ ในขณะเดียวกัน เต้ยก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ เตย น้องสาว หายจากอาการตาบอดให้ได้
พออ่านจบเล่ม1 ก็รู้สึกได้บรรยากาศราวกับว่า กำลังอยู่แถวๆถนนพระอาทิตย์นั้นจริงๆ ขอชมว่าผู้เขียนได้ศึกษาสถานที่จริงๆมาอย่างดี
ทำให้มีหลายๆฉากได้บรรยากาศแบบสถานที่จริงๆและสมกับเป็นเมืองไทย แต่เนื้อเรื่องนั้นยังขาดความชัดเจนไปนิด เพราะ ทีแรกนั้น ผู้แต่งกะเขียนเป็นเรื่องสั้น แต่ไปๆมาๆกลายเป็นการ์ตูนเรื่องยาวจนได้ ก็เลยทำให้การเดินเรื่องในเล่มหลังๆนั้นเริ่มมีความชัดเจน และ มีทิศทางมากขึ้น จนกระทั่งจบเรื่อง ส่วนลายเส้นก็อ่านแล้วสบายตา ดูเรียบง่ายดี
ในแง่ลักษณะตัวละครนั้น โดยเฉพาะตัวละครหลักๆนั้นต่างก็มีความหลังที่ขมขื่น ซึ่งในการ์ตูนไทยนั้นพบไม่บ่อยนัก แต่คาแร็กเตอร์ตัวละครบางตัวอย่าง รุ่นพี่ธวัชชัย พ่อของส้ม วงคู่แข่ง หรือคนอื่นๆนั้น น่าจะมีบทให้มากกว่านี้ให้สมกับที่แนะนำมาท้ายเล่ม
ส่วนเนื้อเรื่องนั้นก็ถือว่าสะท้อนสังคมของเด็กวัยรุ่นไทยได้อย่างดีเยี่ยมได้สะท้อนถึงปัญหาสังคมของวัยรุ่นในประเทศเราได้เป็นอย่างดี ว่าวัยรุ่นส่วนหนึ่งประพฤติตัวเหลวแหลก ใช้ชีวิตไปวันๆหนึ่งโดยไร้ค่า ถูกเพื่อนชักจูงไปในทางที่ผิด และสิ่งนั้นที่ยังเป็นปัญหาสังคมมานานและยังไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ซึ่งก็คือ ยาเสพย์ติด ซึ่งเป็นตัวสร้างความเสียหายให้กับสังคมหลายๆด้าน และการที่จะหลีกหนีปัญหานี้ได้ก็ต้องได้รับการอบรมมาจากครอบครัวเป็นอย่างดี รวมไปถึงการคบเพื่อนที่ดีด้วย และมีอีกส่วนหนึ่งที่เรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็น นั่นก็คือ วัยรุ่นของเราส่วนหนึ่งยังหาความเป็นตัวเองไม่เจอ ซึ่งถ้าหาตัวตนของตัวเองเจอ ก็จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีความสุขตามที่ต้องการ
ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องอาจรู้สึกหดหู่ไปบ้าง แต่ก็เพราะมีตัวอักษรให้อ่านน้อยและก็พอมีมุขตลกมาแกล้มบ้าง ก็เลยทำให้พออ่านไปได้เรื่อยๆ
โดยที่ไม่ต้องลุ้นให้พิมความจำกลับมาโดยเร็วยิ่งขึ้น
|