บอกเล่าสรุปข่าวการ์ตูนประจำสัปดาห์ กลับมาอีกครั้ง ......ในเดือนที่ 8 ของปี ซึ่งบ้านเรายังคงอยู่ในสถานการณ์ปลอดเชื้อ COVID-19 ภายในประเทศมาเป็นเวลากว่า 2 เดือน (ยกเว้น State Quarantine) จนได้รับคำชมจากต่างประเทศ ในฐานะประเทศที่ฟื้นฟูจากสภาวะโรคระบาดได้รวดเร็วที่สุด แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องเฝ้าระวัง และ ดูแลตัวเองกันต่อไป...ซึ่งในช่วงเวลาที่สถานการณ์โรคระบาดผ่อนคลายลงนั้น ก็ยังคงมีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นไม่เว้นวัน โดยเฉพาะ ประเด็นการเมือง ที่มีแนวโน้มราวกับ เด็ก กับ ผู้ใหญ่ กำลังทะเลาะกัน นอกจากจะมีแต่ม็อบนศ.แล้ว ก็ยังมีม็อบอาชีวะ ผู้่มีจุดยืนต่างกัน มาร่วมด้วย ถึงกระนั้น สิ่งที่สังคมให้ความสนใจมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องม็อบ แต่เป็นเรื่องของคดีชนคนแล้วหนีของทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ที่กำลังเป็นประเด็นซับซ้อนซ่อนเงื่อน ราวกับกำลังติดตามนิยายสืบสวนอยู่ ทั้งจากพยานหลักฐานคำให้การ ที่ฟังแล้ว ได้แต่ลั่น WTF , อิหยังวะ ไปตามๆกัน กับ จนท.บ้านเมือง ที่เหมือนจะแก้ตัวช่วยคนให้พ้นผิดยังไงยังงั้น ประกอบการเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับ หนึ่งในพยานคนสำคัญ ซึ่งฟังแล้วก็ต้องลุ้นกันต่อไป แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ทางที่ดี คุณทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ควรจะแสดงสปิริตความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้ก่อขึ้น!! เพราะหากคุณเอาแต่หนีลอยตัวแบบนี้ มันก็จะส่งผลเสียแก่คนในครอบครัว ญาติพี่น้องของคุณ รวมถึง คนที่ทำงานในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ดังกล่าว (ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องโดยตรง หรือ ทางอ้อม) ที่จะถูกสังคมตราหน้าเหมารวมไปในทางที่ไม่ดีอย่างแน่นอน!!!!!!
สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook
หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ
New Release Comics of the Week : ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ในหมู่พี่น้อง กับ ผ่าพิภพไททัน 31
การ์ตูนออกใหม่ ท่ามกลางวิกฤติ COVID-19 ที่กำลังผ่อนคลายลง เริ่มจาก
ผ่าพิภพไททัน Attack on Titan เล่ม 31 จี๊คฝากฝังแผนการทำให้ชาวเอลเดียตายอย่างสงบไว้กับเอเลน ทั้ง 2 คนฝ่าวงล้อมจนมาสัมผัสกัน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของแผนการได้สำเร็จ แต่ว่าแผนการที่แท้จริงของเอเลนนั้นคือการหักหลังจี๊คนั่นแหละ "ทำลายโลกด้วยแผ่นดินสะเทือน" การแย่งชิงพลังของยูมีร์บรรพบุรุษแรกเริ่มนั้นจบลงโดยที่เอเลนเป็นฝ่ายชนะ ในที่สุดการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าไททันร่างยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน ก็เริ่มต้นขึ้น.....
ยากแท้จริงหนอ รักของโอตาคุ เล่ม 1 หรือ Wotaku ni Koi wa Muzukashii ซีรี่ย์มังงะรักวุ่นของหนุ่มสาวโอตาคุวัยทำงาน อันโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น จนได้รับการทำเป็นอนิเม และ คนแสดง ในที่สุด ก็ได้วางขายในฉบับแปลไทยซะที ( LP แอบซุ่มเงียบนะเนี่ย )
รักอลวน คนสลับบ้าน เล่ม 1 ผลงานมังงะเรื่องล่าสุดของผู้แต่ง นายโจ๋ตัวร้าย กับ ยัยแว่นแอ๊บใส และ ยามาดะคุงกับแม่มดทั้ง 7 ที่ยังคงมาแนวเลิฟคอเมดี้ของหนุ่มสาววัยสะรุ่นเหมือนเคย (ต่างกันตรงที่ เรื่องนี้เปลี่ยนบรรยากาศ ย้ายจากค่าย V ไปค่าย L ในบ้านเรา) .......อามาโนะ เอริกะ สาวน้อยม.ปลายสุดไฮโซ กับ อุมิโนะ นางิ เด็กหนุ่มลูกชาย เจ้าของร้านอาหาร แท้จริงแล้วทั้งคู่เป็นเด็กที่ถูกสลับตัวกันสมัยเป็นทารก มิหนำซ้ำด้วยแรงรัก x2 จากพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายที่รักทั้งลูกเลี้ยงลูกจริงของตนเองพอกัน ทั้งคู่เลยตกที่นั่งต้องมาเป็นคู่หมั้น & ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันโดยปริยาย! ชีวิตในแต่ละวันของทั้งสองผู้ถูกโชคชะตาเล่นตลกจนหัวปั่น สุดท้ายปลายทางของทั้งคู่จะเป็นเช่นไร!?
นิยายน่าอ่าน ออกรับวันหยุดติดต่อกัน : ขอต้อนรับสู่ห้องเรียนนิยม (เฉพาะ) ยอดคน เล่ม 9,ไฮสคูล DxD DX เล่ม 3,เทพสุนัขตกสวรรค์ -SLASHDOG- ไฮสคููล DxD UNIVERSE เล่ม 3, อสูรรับใช้ ของยาย 0 สนิท เล่ม 17
การ์ตูนน่าสนใจเรื่องอื่นๆ : โคตรเซียนโรงเรียนพนัน เล่ม 12 ,แด่เธอผู้เป็นนิรันดร์ เล่ม 7 ,กู้บัลลังก์มังกรแดง เล่ม 29 ,สามพลัง(ป่วน)พิทักษ์โลก เล่ม 51 ,โตเกียว卍รีเวนเจอร์ เล่ม 13,ARMS หัตถ์เทพมืออสูร เล่ม 2 ,Rookies มือใหม่ไฟแรง เล่ม 7,ตะวันรักที่ปลายฟ้า เล่ม 16
รูปภาพหน้าปก : amazon.co.jp
ม็อบนศ.ไทย ร่ำร้องเพลงประกอบ "Hamtaro" ระหว่างชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
ควันหลงจากการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง โดยหมู่น้องๆนักศึกษาบ้านเรา ผู้หวังอยากจะเห็นการบ้านการเมืองแดนสยาม ให้เป็นไปในแนวทางประชาธิปไตย จนนำไปสู่แฮชแทก สารพัดแฮชแทกบนโลกโซเชียล ทั้ง #ปลดแอก เอย #ให้จบที่รุ่นเรา เอย ฯลฯ ไม่เพียงเท่านั้น ม๊อบนศ.กลุ่มนี้ ยังได้สร้างสีสันในการชุมนุม ด้วยการหยิบเอา pop culture หรือ อะไรต่อมิอะไร ที่กำลังเป็นกระแส นำไปใช้ในการแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาล โดยหนึ่งในสิ่งที่ม็อบนศ. ได้นำไปใช้ และสามารถเรียกเสียงหัวเราะ-รอยยิ้ม กันพอสมควร คงจะเป็นการหยิบเอาเพลงประกอบอนิเม Hamtaro มาดัดแปลง และขับร้องในระหว่างการชุมนุม เมื่อ 26 ก.ค. 2020
โดยเพลงประกอบอนิเมเจ้าหนูแฮมสเตอร์เรื่องดังของญี่ปุ่น ที่ถูกทางม็อบนศ.นำไปใช้ดัดแปลงในการประท้วง ก็เป็นเพลงเวอร์ชั่นแปลภาษาไทย ซึ่งสำหรับใครที่โตมากับเรื่องนี้ คงจะคุ้นเคยกัน กับท่อนฮุค "เอ้า ออกมาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ ตื่นออกจากรัง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ " โดยไฮไลต์สำคัญ ก็อยู่ตรงที่ท่อน "หอมอร่อยที่สุดก็คือ เมล็ดทานตะวัน" ได้ถูกนำไปดัดแปลงในเวอร์ชั่นม็อบเป็น "ของอร่อยที่สุดก็คือ ภาษีประชาชน" จากนั้นผู้ประท้วงต่างพร้อมใจกันโห่ร้อง "ยุบสภาๆๆ" เป็นอันจบพิธี
ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาผู้ประท้วง ต่างพากันเดินขบวนวนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อันเป็นการแสดงในเชิงสัญลักษณ์ ราวกับฝูงหนูแฮมสเตอร์กำลังวิ่งวนอยู่ในวงล้อ ซึ่งก็เป็นการเสียดสีรัฐบาลชุดปัจจุบันของไทย ที่กำลังพายเรือวนอยู่รอบอ่าง เช่นกัน
ผู้สื่อข่าว AFP ได้สัมภาษณ์ Jessie นักศึกษาวัย 19 ปี ถึงการตัดสินใจเลือกธีม Hamtaro ไปใช้ในการประท้วง ก็เพราะว่า เจ้าหนูแฮมสเตอร์ดังตัวนี้ มีความเหมาะสมที่จะสร้างกระแสไวรัลทางออนไลน์ ให้เป็นที่รับรู้ของต่างประเทศ และตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนท่อน "เมล็ดทานตะวัน" ให้กลายเป็น "ภาษีประชาชน" เพื่อเสียดสีรัฐบาลโดยเฉพาะ ถึงแม้ นศ.สาว ผู้นี้ จะออกมายอมรับว่า รู้สึกหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเริ่มที่จะแสดงจุดยืนถึงเรื่องนี้ "เราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวนี้"
ขณะเดียวกัน Fah วัย 20 ปี หนึ่งในผู้ประท้วง ได้กล่าวกับ Reuters ว่า “ผู้ใหญ่อาจคิดว่า พวกเราน่ะ ไม่จริงจัง เพราะพวกเราทำแบบนี้ แต่นี่คือวิธีการแสดงออกในแบบของคนรุ่นใหม่ เราจะทำในสิ่งที่แตกต่างจากเดิม เพื่อหวังที่จะให้บางสิ่ง เกิดความเปลี่ยนแปลง”
อนิเม Hamtaro ดัดแปลงมาจากมังงะ กับ หนังสือนิทาน ของ อ.Ritsuko Kawai ถูกสร้างเป็นอนิเมหลายต่อหลายเวอร์ชั่น โดยอนิเมทีวีชุดแรกของเจ้าหนูแฮมสเตอร์น่ารักน่าชังผู้นี้ ออกอากาศครั้งแรก เมื่อปี 2000
แหล่งข่าว : Reuter , The Strait Times , Anime News Network
ผู้ว่าโตเกียว เรียกร้องให้ภาคธุรกิจ จำกัดเวลาทำงาน หลังสร้างสถิติยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวัน สูงที่สุด
Yuriko Koike ผู้ว่ากรุงโตเกียว ที่ยังคงรักษาเก้าอี้ผู้ว่าเอาไว้อย่างเหนียวแน่น จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ได้ออกแถลงการณ์เมื่อ 30 ก.ค. 2020 ที่ผ่านมาว่า จากการที่ยอดผู้ป่วย COVID-19 ได้มีการทุบสถิติยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุด ทั้งในกรุงโเกียว และทั่วประเทศญี่ปุ่น เธอจึงออกมาเรียกร้องให้ภาคธุรกิจต่างๆ กลับมาจำกัดเวลาการทำงานอีกครั้ง รวมถึง จะมีการปรับปรุงกฎบัญญัติให้สอดคล้องกับภาคธุรกิจเพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แล้วก็ จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก ที่กำลังดำเนินกิจการอยู่
กรุงโตเกียว ได้พิจารณาถึงสถานที่ที่มีการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม เป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการระบาดมากที่สุด จึงออกมาเรียกร้องให้บรรดาภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ ให้บริการจนถึง 22.00 น. ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใด ปฏิบัติตามคำขอร้องจากกรุงโตเกียว จะได้รับเงินชดเชย 200,000 เยน โดยมีผลบังคับใช้ระยะสั้น ช่วงวันที่ 3-30 ส.ค. 2020 แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นด้วย
อีกทั้ง ทางกรุงโตเกียว จะออกกฎบัญญัติใหม่ สำหรับภาคธุรกิจ เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดไวรัส ช่วงกลางเดือน ส.ค. 2020 หากผู้ประกอบการรายใด ได้ให้ความร่วมมือ จะได้รับสติ๊กเกอร์เป็นการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ
ซึ่งผู้ว่า Koike ได้กล่าวปิดท้ายว่า หากสถานการณ์เลวร้ายลง ก็ต้องมาคิดพิจารณาถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ใช้เฉพาะกรุงโตเกียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ ต้องรวมเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ก่อนที่ประเทศจะประสบวิกฤติไปมากกว่านี้ อีกทั้ง ท่านผู้ว่าก็อยากจะให้ทุกฝ่ายฟันฝ่าเอาชนะสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน จึงเป็นเหตุผลที่เธอต้องออกเรียกร้องให้ประชาชนในโตเกียว ได้ทำความเข้าใจและให้ความร่วมมือร่วมกัน
เมื่อ 30 ก.ค. 2020 กรุงโตเกียว ได้สร้างสถิติพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันสูงที่สุด ถึง 367 คน เมื่อ 30 ก.ค. 2020 ทำให้ทางกรุงโตเกียวมียอดผู้ติดเชื้อสะสม (นับถึงวันดังกล่าว) ที่ 12,228 คน โดยมีผู้ป่วยอาการหนักจำนวน 22 ราย ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่น มียอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวัน ในวันดังกล่าว มากถึง 1,266 ราย ซึ่งถือเป็น ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันสูงที่สุดของญี่ปุ่น เช่นกัน
แหล่งข่าว : Crunchyroll
World Cosplay Summit เปิดแคมเปญระดมเงินทุน สำหรับใช้จัดงาน ปี 2021
อย่างที่ทราบกันดีว่า วิกฤติการระบาดของ COVID-19 ได้สร้างผลกระทบอย่างหนักไปทั่วทุกวงการ โดยเฉพาะเรื่องของรายได้ต่างๆ ที่ต้องสูญสิ้นกันไป หรือไม่ก็ ไม่เพียงพอ จนส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ หรือ การจัดกิจกรรมต่างๆ
ล่าสุด World Cosplay Summit หรือ งานประกวดคอสเพลย์โลก ซึ่งเป็นอีกงานหนึ่งที่ได้รับผลกระทบของไวรัสวายร้ายชนิดนี้ จนต้องยกเลิกการจัดงานในสถานที่จริง และได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบงานในแบบออนไลน์แทน ได้มีการเปิดแคมเปญระดมเงินทุน เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการจัดงาน WCS ปี 2021 แล้ว โดยเริ่มเปิดการระดมทุน ตั้งแต่ 1 ส.ค. 2020 จนถึง 13 ก.ย. 2020
ทางคณะผู้จัดงานดังกล่าว ได้อธิบายถึงที่มาของแคมเปญนี้ โดยเริ่มตั้งแต่ความเป็นมาของ WCS ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา จนกระทั่ง มีประเทศต่างๆส่งตัวแทนผู้เข้าประกวดคอสเพลย์โลก มากมายถึง 40 ประเทศ ในปี 2019 และมีผู้ชมติดตามมากถึง 300,000 คน แต่จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ก็ส่งผลกระทบต่อ WCS ที่ดำเนินมายาวนานถึง 18 ปี มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้จัดต่อ อีกทั้ง บรรดาผู้สนับสนุนงานอีเว้นต์ดังกล่าว (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายการบิน และ บริษัทท่องเที่ยว) ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นงานออนไลน์แทนในปี 2020 ....อย่างไรก็ตาม ก็ยังมี นักคอสเพลย์จากทั่วโลกที่ยังหลงรักงานนี้ และกำลังรอคอยงานดังกล่าว ในปีต่อๆไป นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่พวกเขาได้จัดตั้งแคมเปญระดมทุน ใช้สำหรับการจัดงานในปี 2021 และปีต่อๆไป พร้อมกับพูดเชิญชวนให้ผู้คน ทั้งชาวญี่ปุ่น แล้วก็ คนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นจากทั่วโลก ได้ร่วมด้วยช่วยกันระดมทุน ในแคมเปญนี้
สำหรับใครที่ชื่นชอบคอสเพลย์ และอยากจะช่วยเหลือให้งานคอสเพลย์โลก ให้คงอยู่ต่อไป สามารถเข้าร่วมได้ที่ https://www.kickstarter.com/projects/wcs/1043810599
แหล่งข่าว : Crunchyroll
สวนสนุก Ghibli Park เริ่มเดินหน้าก่อสร้างแล้ว พร้อมเปิดเต็มตัว ในปี 2022
Ghibli Park สวนสนุกในธีมอนิเมของสตูดิโอ Studio Ghibli ที่มีข่าวมานาน ได้เริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการแล้ว ณ บริเวณพื้นที่ ที่เคยใช้จัดงาน World Expo 2005 จ.ไอจิ ...สวนสนุกดังกล่าว ไช้ทุนสร้าง 323 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะจำลองโลกจากหนังอนิเมดังทั้ง 5 เรื่องของ Ghibli มารวมเข้าไว้ด้วยกัน ณ ที่เดียว ซึ่งทางผู้สร้างสวนสนุกได้ตั้งเป้าว่า สวนสนุกแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าชมราว 1.8 ล้านคนต่อปี
Hideaki Omura ผู้ว่าจ.ไอจิ ได้อธิบายเกี่ยวกับภาพคอนเซ็ปต์ของสวนสนุกที่มีการเปิดเผยออกมา ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็น 5 โซนด้วยกัน ซึ่งแต่ละโซนนั้นจะจำลองเรื่องราวจากหนังดังๆอย่าง My Neighbor Totoro, Howl's Moving Castle และ Spirited Away เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ ก็มีบ้านของ Satsuki กับ Mei จากหนัง Totoro ที่มีการสร้างเอาไว้ตั้งแต่งาน Expo 2005 ตั้งอยู่ไว้แล้ว และบ้านหลังดังกล่าว ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของสวนสนุกแห่งนี้ด้วย
โดยพื้นที่ 3 ใน 5 โซน ของสวนสนุก จะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2022 ส่วนอีก 2 โซนที่เหลือ จะเปิดให้บริการช่วง มี.ค. 2024
แหล่งข่าว : Japan Times , Crunchyroll
Junji Ito ชี้แจงแถลงไข เกี่ยวกับข่าวการร่วมงานกัน กับ Hideo Kojima
กลายเป็นข่าวที่หลายคนได้ฮือฮากันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อมีข่าวว่า อ.Junji Ito นักเขียนมังงะแนวเขย่าขวัญชื่อดัง จาก Tomie , Uzumaki , Gyo ได้มีการเข้าไปพูดคุยกับ Hideo Kojima ผกก. - นักสร้างเกมวีดีโอดัง จากซีรี่ย์ Metal Gear และ Death Stranding ซึ่งทำให้สื่อหลายสื่อ ต่างประโคมข่าวว่า ทั้ง 2 คนนี้ กำลังมีการเจรจาในเรื่องของโปรเจ็คเกมวีดีโอใหม่ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น เท่านั้น
ล่าสุด อ.Ito ได้ออมาชี้แจงแถลงไขผ่าน twitter ส่วนตัว เกี่ยวกับข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า การเจรจานั้น มันก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ยิ่งกว่า การฝากเนื้อฝากตัวซึ่งกันและกัน ซึ่งในระหว่างการพูดคุยกันในงานปาร์ตี้ ทาง Kojima ได้แสดงออก ในการขอความช่วยเหลือจาก อ.Ito ด้วย
โดยข้อความจาก twitter ของ อ.Ito ได้ระบุว่า เขาตอบตอบคำถามในการสัมภาษณ์จากผู้ชมต่างประเทศอย่างตรงไปตรงมา ว่า Hideo Kojima เข้ามาติดต่อเรื่องงาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรที่มากไปกว่า การฝากเนื้อฝากตัว ขอความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้ามีโอกาส ซึ่งในระหว่างการพูดคุยในงานปาร์ตี้ เขาอยากจะขอโทษ ผกก. Kojima และทุกคน ที่อาจกำลังคาดหวังเอาไว้สูง และเขาก็ขอโทษที่ได้พูดเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณชน ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผย
แหล่งข่าว : Crunchyroll
"โกนหนวดไปทำงานแล้วกลับบ้านมาพบเธอ" ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมทีวี
โกนหนวดไปทำงานแล้วกลับบ้านมาพบเธอ ไลท์โนเวล-มังงะ ชื่อไทยสุดแปลก ของ Shimesaba ที่มาจากชื่อภาษาญี่ปุ่นเต็มๆว่า Hige wo Soru. Soshite Joshikousei wo Hirou ได้รับการดัดแปลงในรูปแบบอนิเมทีวี และเพิ่งมีการเปิดบัญชี twitter อย่างเป็นทางการของเรื่องนี้ โดย Kadokawa เมื่อ 27 ก.ค. 2020 ที่ผ่านมา
สต๊าฟ
Director : Manabu Kamikita
Series Composition : Deko Akao (Hitomi Mieno) (Koi wa Ameagari no You ni, Amanchu!)
Character Design : Takayuki Noguchi (Tenshi no 3P!, Shoujo-tachi wa Kouya wo Mezasu)
Production : Dream Shift (Ryuuou no Oshigoto!, Choujin Koukousei-tachi wa Isekai demo Yoyuu de Ikinuku you desu!)
Studio : Project No.9
โกนหนวดไปทำงานแล้วกลับบ้านมาพบเธอ จะนำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Sayu เด็กสาว ม.ปลาย ผู้หนีออกจากบ้าน กับ Yoshida พนักงานออฟฟิศหนุ่ม ที่ต้องมาอาศัยร่วมกับเธอ...... โดยโปรเจ็คอนิเมของเรื่องนี้ มีการประกาศเมื่อ ธ.ค. 2019 ก่อนจะมีการยืนยันว่า ได้จัดทำรูปแบบอนิเมทีวี สดๆร้อนๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
Shimesaba เขียนไลท์โนเวลแนวโรแมนติคคอเมดี้ บนเว็บไซต์ Kakuyomu เมื่อ มี.ค. 2017 ก่อนจะได้รับการตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม ภายใต้แบรนด์ Sneaker Bunko โดย Kadokawa เมื่อ ก.พ. 2018 โดยได้ booota (Shichisei no Subaru) เป็นผู้วาดภาพประกอบ ปัจจุบัน ไลท์โนเวลทั้ง 4 เล่ม ของเรื่องนี้ มียอดตีพิมพ์ราว 700,000 เล่มด้วยกัน โดยไลท์โนเวลเรื่องนี้ สามารถหาฉบับแปลภาษาไทยมาอ่านได้ โดย สนพ. Phoenix
ต่อมาไลท์โนเวลชุดนี้ ถูกจัดทำในรูปแบบมังงะโดย Imaru Adachi ลงในนิตยสาร Shounen Ace เมื่อ พ.ย. 2018 ปัจจุบัน ออกวางจำหน่ายฉบับรวมเล่ม 3 เมื่อ 26 พ.ค. 2020
แหล่งข่าว : Animate Times , MAL
Yuu Watase กำลังเดินหน้าเขียนมังงะ "อาราตะ ตํานานเทพแห่งดาบ" ลงนิตยสาร อีกครั้ง
Arata Kangatari หรือ อาราตะ ตํานานเทพแห่งดาบ ผลงานมังงะแอ็คชั่นแฟนตาซี ของ อ.Yuu Watase ที่ปัจจุบันหยุดเขียนอย่างไร้กำหนด มาตั้งแต่ ปี 2015 ซะจนบางคนนึกว่า จบไปแล้ว นั้น!!! ล่าสุด อ.Watase ได้อัพเดทบน twitter ส่วนตัว โดยระบุว่า กำลังเขียนมังงะเรื่องนี้ เพื่อกลับมาตีพิมพ์ลงนิตยสารอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ อ.Watase เคยโพสต์ไว้บน twitter เมื่อ ก.ค. 2019 ว่า เธอวางแผนที่จะเขียนเรื่องราวบทใหม่ของมังงะในเล่มที่ 14 ซึ่งพอย้อนกลับไป เมื่อช่วงปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงที่ อ.Watase กำลังพักฟิ้นจากโรคซึมเศร้า ได้เปิดเผยว่า เธอจะพิจารณากลับมาเขียนเรื่องนี้อีกครั้ง
อาราตะ ตํานานเทพแห่งดาบ ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Shonen Sunday ตั้งแต่ปี 2008 โดยตีพิมพ์ครั้งล่าสุด เมื่อ ก.ค. 2015 (หลังจากหยุดตีพิมพ์ 17 เดือน) ก่อนที่จะกลับมาหยุดเขียนยาวจนถึงปัจจุบัน ในอีก 1 เดือนให้หลัง .... โดย อ.Watase กำลังอยู่ในระหว่างการเขียนมังงะเรื่องนี้ ในรูปแบบ Remaster ที่จะมีฉบับรวมเล่มน้อยกว่า 24 เล่ม ที่กำลังวางขายอยู่ในขณะนี้ ..ปัจจุบัน เรื่องนี้ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมทีวี 12 ตอน เมื่อปี 2013
อนึ่ง อ.Watase ยังมีผลงานมังงะเรื่อง Fushigi Yūgi: Byakko Senki ภาคล่าสุดของมังงะ Fushigi Yūgi ลงตีพิมพ์แบบเดือนเว้นเดือน ในนิตยสาร Flowers ตั้งแต่ ส.ค. 2017 เป็นต้นมา
แหล่งข่าว : Anime News Network
ทัวร์ลง Yōjirō Noda นักร้องนำ RADWIMPS จากกรณีทวีตเชิงสนับสนุนการคัดเลือกสายพันธุ์มนุษย์
Yōjirō Noda นักร้องนำวง RADWIMPS วงดนตรีที่ขับร้องเพลงประกอบอนิเม Your Name , Weathering with You ก็เจอทัวร์ลงจากแฟนๆเข้าอย่างจัง บน twitter ของเขา หลังจากที่เขาได้โพสต์ข้อความในเชิงสนับสนุนการคัดเลือกสายพันธุ์มนุษย์ (Pro-Eugenics) เมื่อ 16 ก.ค. 2020 ด้วยข้อความที่ว่า "ผมเคยพูดมาก่อนหน้านี้ล่ะ และผมคิดว่า มันควรจะมีโปรเจ็ควาระแห่งชาติ ที่จะตัดสินคู่สมรสของผู้คน ด้วยยีนที่มีความเป็นสัตว์ประหลาด อย่างเช่น Shohei Ohtani, Sōta Fujii, และ Mana Ashida"
หลังจากทวีตดังกล่าวของเขาถูกชาวโซเชียลถล่มอย่างหนัก เขาก็ได้ออกมาทวีตข้อความในภายหลังว่า ทวีตที่เขาได้โพสต์ไปก่อนหน้านั้น เป็นเพียงเรื่องขำๆ เท่านั้น
ทว่า ประเด็นดังกล่าว ก็ไม่จบลงง่ายๆ เมื่อมีชาว twitter หลายต่อหลายคน ไม่ตลกด้วย แถมยังนำเอาสิ่งที่เขาทวีต ไปเปรียบเทียบกับ แนวคิดของลัทธินาซีเยอรมัน ที่สนับสนุนเรื่องการคัดเลือกสายพันธุ์มนุษย์ (Eugenics) โดยผู้ใช้ twitter รายหนึ่ง กล่าวว่า "อาจมีคนอื่นพูดถึงเรื่องนี้ในการตอบกลับ แต่พวกนาซีทำสิ่งนี้อย่างแน่นอน ในเยอรมนี พวกเขาได้รวบรวมคนเชื้อสายอารยัน ที่มี ผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้า ที่ถูกมองว่ามียีน 'ที่เหนือกว่า' ในการดำเนินโครงการลับ เพื่อสร้าง 'ชุมชนชาวอารยันที่เหนือกว่า"
ส่วนผู้ใช้ twitter รายหนึ่ง กล่าวว่า "คุณกำลังสับสนอยู่ ระหว่าง มนุษย์และม้าพันธุ์ดี มันน่ากลัวนะ หาก 'เรารักษายีนที่ดีกว่า' ให้กลายเป็น 'มากำจัดยีนที่ด้อยกว่า' มันสำคัญสำหรับความหลากหลายของเมล็ดพันธุ์ที่จะคงอยู่ จากมุมมองวิวัฒนาการ เช่นกัน "
แหล่งข่าว : Sirabee , Anime News Network
อุทกภัยคร่าชีวิต Kenta Watanabe ผู้สร้าง Chizuru มาสค็อตโรงแรมบ่อน้ำร้อน
กลายเป็นข่าวเศร้าของวงการการ์ตูนญี่ปุ่น เมื่อ นสพ. Asahi Shmbun ฉบับวันที่ 25 ก.ค. 2020 ได้รายงานว่า Kenta Watanabe วัย 28 ปี ผู้สร้างมาสค็อต Dennō Okami Chizuru ได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากที่เขา และ สมาชิกในครอบครัวอีก 3 คน ได้รับการแจ้งว่าเป็นผู้สูญหาย จากเหตุฝนตกหนัก ที่นำไปสู่ อุทกภัยและดินถล่ม บริเวณเกาะคิวชู เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค. 2020
โดยในวันเกิดเหตุอุทกภัยที่ จ.โออิตะ เมื่อ 7 ก.ค. 2020 เขา พร้อมกับ Toshimi คุณยายวัย 81 ปี , Yumi และ Tomomi คุณพ่อ-คุณแม่ของเขา วัย 51 กับ 54 ปี กำลังนั่งอยู่บนรถ แต่ก็ถูกกระแสน้ำพัดพารถคันดังกล่าวไป ต่อมา จนท.ได้ยืนยันการเสียชีวิตของ Toshimi Watanabe ผจก.โรงแรม Ryokan Tsuruya Intaku เมื่อ 8 ก.ค. 2020 ก่อนที่นักดับเพลิงจะพบศพของ Kenta เมื่อ 23 ก.ค. 2020 แล้วก็พบร่างของ Yumi ในวันที่ 25 ก.ค. 2020 ตามลำดับ
Dennō Okami Chizuru เป็นมาสค็อตสาวงามประจำโรงแรม Ryokan Tsuruya Intaku ที่ตั้งอยู่ ณ บ่อน้ำร้อน Yunohira ในเมือง Yufu ซึ่งมาสค็อตดังกล่าว ได้ถูกใช้เป็น VTuber คอยแนะนำข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณบ่อน้ำร้อน Yunohira และ โรงแรม Ryokan Tsuruya Intaku ให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งมาสค็อตดังกล่าวเป็นที่รู้จักในหมู่คนท้องถิ่นและชาวญี่ปุ่น และได้นักพากย์สาวซึ่งเป็นคนท่องถิ่น มาพากย์เสียงตัวละครนี้ ซึ่งใน twitter หลักของ Chizuru ได้อัพเดทข้อความล่าสุด เมื่อ 7 ก.ค. 2020 โดยระบุเพียงสั้นๆว่า พนักงานของ Ryokan Tsuruya Intaku กำลังอยู่ในระหว่างการอพยพชั่วคราว (คาดว่า Kenta และ คนในครอบครัวอีก 3 คน กำลังอพยพจากเหตุอุทกภัย แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากกระแสน้ำท่วมอย่างรุนแรงได้)
เหตุฝนตกหนักในญี่ปุ่น ช่วงกลางเดือน ก.ค. 2020 ได้คร่าชีวิตผู้คน 77 คน และ สูญหายอีก 7 คน เมื่อ 16 ก.ค. 2020 โดย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ อยู่ที่ จ.คุมาโมโตะ บนเกาะคิวชู
นอกจาก Kenta Watanabe แล้ว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังข่าวการเสียชีวิตของคนในวงการการ์ตูนญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง อาทิ Susumu Mameda นักแต่งเพลงจาก Aquaplus , Mieko Hirota ผู้ขับร้องเพลงประกอบอนิเม Kimba the White Lion (ดัดแปลงจากผลงานมังงะของ อ.Osamu Tezuka และยังเป็นแรงบันดาลใจของหนังอนิเมชั่น The Lion King ของ Disney ) , Aki E-Musu นักเขียนมังงะแนวเฮนไต จากเรื่อง Koi Seyo Otome และ Honey Pot Style เป็นต้น
แหล่งข่าว : Asahi Shimbun , Hachima Kikō , Anime News Network
"ศึกตำนาน 7 อัศวิน" จะมีมังงะสั้นเพิ่มเติม
แม้ว่าเนื้อหาหลักของมังงะ Nanatsu no Taizai หรือ ศึกตำนาน 7 อัศวิน จะจบลงไปแล้ว แต่ว่าเรื่องราวละเอียดปลีกย่อยต่างๆ (โดยเฉพาะเรื่องราวของพวกรุ่นลูกของแก๊ง 7 บาป) ก็ยังคงมีต่อไปตาม roadmap ของ อ.Nakaba Suzuki ได้วางแผนไว้ ล่าสุด อ.Suzuki เตรียมเขียนมังงะสั้นชุดล่าสุดของเรื่องนี้ ลงในนิตยสาร Shōnen Magazine ฉบับที่ 36-27/2020 ที่จะวางขายในวันที่ 5 ส.ค. 2020 ซึ่งมังงะสั้นดังกล่าว จะนำเสนอเรื่องราวของ Ban Jr. Lancelot ลูกชายของ Ban
ศึกตำนาน 7 อัศวิน ตีพิมพ์ลงใน Shōnen Magazine เมื่อปี 2012 และจบลงเมื่อ 25 มี.ค. 2020 โดยได้วางจำหน่ายมังงะฉบับรวมเล่มสุดท้าย เล่มที่ 41 ในญี่ปุ่น เมื่อ 15 พ.ค. 2020
ต่อมาถูกดัดแปลงเป็นอนิเมทีวีซีรี่ย์ ช่วงปี 2014-15 , 2018 และ 2019-20 , อนิเมทีวีชุดพิเศษ เมื่อ ส.ค. 2016 แล้วก็ หนังอนิเมชุด Nanatsu no Taizai: Tenkū no Torawarebito เมื่อ ส.ค. 2018 อีกทั้งเรื่องนี้ กำลังจะมีอนิเมทีวีชุดล่าสุด ที่มีชื่อว่า Nanatsu no Taizai: Fundo no Shinpan ที่อยู่ในระหว่างการเลื่อนออกอากาศอย่างไม่มีกำหนด อันเนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID-19 จากเดิมที่มีกำหนดฉายในเดือน ต.ค. 2020
แหล่งข่าว : Shonen Magazine 's Website , Anime News Network
Kamen Rider Saber พร้อมฟาดฟันเหล่าร้ายบนจอ ก.ย. 2020
หลังจากมีการจดทะเบียนการค้าของ "Kamen Rider Saber" ที่คาดว่าจะเป็นซีรี่ย์เรื่องใหม่ของฮีโร่แปลงร่างตระกูล Kamen Rider หรือ ไอ้มดแดง ไปเมื่อเดือน พ.ค. 2020 นั้น ล่าสุด ทาง Toei ได้ออกมายืนยันว่า ซีรี่ย์ชุดใหม่ของ Kamen Rider จะใช้ชื่อว่า Kamen Rider Saber จริง (ตัวอักษรญี่ปุ่นของชื่อเรื่องนี้ มีการเล่นคำให้อ่านออกเสียง+ความหมาย ให้ตรงกับคำว่า Saber / ดาบ ในภาษาอังกฤษ) และมีกำหนดออกอากาศตอนแรก ในวันที่ 6 ก.ย. 2020 โดย Kamen Rider Saber จัดเป็นซีรี่ย์ Kamen Rider เรื่องที่สองแห่งยุคเรวะ ต่อจาก Kamen Rider Zero-One
Kamen Rider Saber จะเป็นเรื่องราวของ Tōma Kamiyama นักเขียนนิยายผู้ทุ่มเทอย่างหนักทั้งเรื่องของงานเขียนและการฝึกดาบ และพยายามที่จะเชื่อมต่อความรู้สึกของผู้คนผ่านทางเรื่องราวที่เขาได้รังสรรค์ขึ้น เพื่อช่วยปกป้องโลก
นักแสดง
Shūichirō Naitō รับบท Tōma Kamiyama (Kamen Rider Saber)
Takaya Yamaguchi รับบท Rintarō Shindō (Kamen Rider Blades) Kamen Rider แห่งองค์กร Sword of Logos ที่คอยรักษาสมดุลของโลก
Ryō Aoki รับบท Kento Fukamiya (Kamen Rider Espada) Kamen Rider แห่งองค์กร Sword of Logos ที่คอยรักษาสมดุลของโลก
Keishi Togashi รับบท Ren Akamichi (Kamen Rider Kenzan) Kamen Rider แห่งองค์กร Sword of Logos ที่คอยรักษาสมดุลของโลก
Asuka Kawazu รับบท Mei Sudō ผู้ดูแลของ Tōma
Hiroaki Oka รับบท Tetsuo Daishinji ช่างตีดาบ และ ช่างเครื่องจักร
Rina Chinen รับบท Sophia องครักษ์พิทักษ์หนังสือ ประจำกลุ่ม Sword of Logos
Kairu Takano รับบท Rejieru หนึ่งในแกนนำขององค์กรร้าย Alter Book
Kōji Saikawa รับบท Zuos หนึ่งในแกนนำขององค์กรร้าย Alter Book
Robin Furuya รับบท Storius หนึ่งในแกนนำขององค์กรร้าย Alter Book
Takayuki Shibazaki เป็นหนึ่งในทีมผกก. ส่วน Takuro Fukuda เป็นหนึ่งในทีมเขียนบท ขณะที่ Kōsuke Yamashita เป็นผู้แต่งเพลง โดยมี Tokyo Ska Paradise Orchestra จะรับหน้าที่แสดงเพลงปิดให้กับซีรี่ย์ ที่มีชื่อว่า "Kamen Rider Saber."
แหล่งข่าว : TV Asahi , Anime! Anime! , Anime News Network
ผู้สมัครสมาชิกสภาคอนเกรสรัฐ Florida เตือนภัย ให้ระวังอนิเมโป๊บนอินเตอร์เน็ต อย่าง 'Dragon Ball Z'
KW Miller หนึ่งในผู้สมัครสมาชิกสภาคอนเกรส เขตที่ 18 แห่งรัฐ Florida สหรัฐ ได้ออกโรงเตือน บรรดาผู้ติดตามเขาราวเกือบ 40,000 คน บน twitter ให้ระวังพิษภัยจากอนิเมโป๊จำนวนมหาศาลที่ยังคงอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งผู้สมัครจากพรรคอิสระรายนี้ ได้เหมารวมถึงอนิเม Dragon Ball Z ของ Toei Animation ที่ดัดแปลงมาจากมังงะของ อ.Akira Toriyama เป็นหนึ่งในอนิเมแนวดังกล่าว ที่ตกเป็นประเด็นมากที่สุด
และจากมุมมองของผู้สมัครสมาชิกสภาท่านนี้เอง ก็เล่นเอาใครต่อใครหลายคน ต่างพากัน "อิหยังวะ" ไปกับมุมมองของท่านผู้ทรงเกียรติชาวอเมริกัน ผู้นี้ไปตามๆกัน จากการที่ อนิเมดังกล่าว มีกลุ่มผู้ชมหลัก คือ กลุ่มเด็กๆ (แหล่งข่าวเขียนระบุมาแบบนี้จริงๆ) และแทบจะไม่มีฉากลามก ล่อแหลม แต่ประการใด
ไม่เพียงเท่านั้น Miller ยังโพสต์กล่าวหารัวๆ โดยเริ่มจาก กล่าวหา Twitter ว่า มีความผิดในการแทรกแซงการเลือกตั้งระดับชาติ ตามด้วย นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยม ใน Florida ที่เขากล่าวหาว่าจำเป็นต้องแสวงหาการสนับสนุนของเขา เพื่อประสบความสำเร็จในการหาเสียง รวมถึง กล่าวหานักแสดงฮอลลีวูดทั้งหมดเป็นพวกเฒ่าหัวงู แล้วก็ อวดอ้างตัวเองเป็นการปิดท้ายว่า ตนมีทรงผมที่เข้าท่ากว่า ปธน. Donald Trump (อิหยังวะ จริงๆ 555+)
โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาคอนเกรส ใน รัฐ Florida ทุกเขต จะมีขึ้น ในวันเดียวกับ วันเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐ ในวันที่ 3 พ.ย. 2020
แหล่งข่าวและรูปภาพ : KW Miller's Twitter , Anime News Network
GENESIS BREAKER โปรเจ็คปัดฝุ่นใหม่จากซีรี่ย์อนิเมหุ่นยนต์ยุคเก่า Genesis Climber MOSPEADA
Genesis Climber MOSPEADA จัดเป็นการ์ตูนอนิเมแนวหุ่นยนต์ยุคเก๋ากึ๊กเรื่องล่าสุด ที่ได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยสตูดิโอ Tatsunoko Production ภายใต้โปรเจ็ค GENESIS BREAKER ซึ่งยังคงได้ Shinji Aramaki กับ Hideki Kakinuma สองนักออกแบบเมคานิค จากอนิเมเวอร์ชั่นดั้งเดิม กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ในรอบ 40 ปี พร้อมกันนี้ บริษัทของเล่น Sentinel ได้ขานรับกับการกลับมาของ MOSPEADA ด้วยการเตรียมผลิตฟิกเกอร์ขนาดมาตราส่วน 1/12 และสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้
GENESIS BREAKER เป็นเรื่องราวการผจญภัยอย่างต่อเนื่องของ Stick และมนุษยชาติที่เหลืออยู่ ที่กำลังเดินทางไปยัง Reflex Point ฐานที่มั่นของพวก Inbit สิ่งมีชีวิตต่างดาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของเหล่าหุ่นยนต์ยูนิตลับ "Genesis Breaker" คอยทำงานอยู่เบื้องหลัง ภารกิจหลักของหุ่นยนต์เหล่านี้คือ การติดต่อและตรวจสอบพวก Inbit ที่ยังหลงเหลือ ซึ่งข้อมูลของหุ่นยูนิตนี้ รู้แต่เพียงว่า เป็นยูนิตของสมาชิก Inbit ที่มีชื่ออรหัส "BREAKER-1" เป็นประเภท ride armor แบบ F-type (เพศหญิง) ที่ถูกเรียกขานว่า "GATE" เ มีระบบเซ็นเซอร์ที่หน้าอก ซึ่งใช้ในการสำรวจและค้นหา ในการออกปฏิบัติการแอบแฝงต่างๆ โดย สมาชิกแต่ละคน ต่างมีชื่อตามชื่อหน่วย "GENESIS" มีเพียง "GATE" เท่านั้น ที่ไม่ใช้ชื่อจริง รายละเอียดของสมาชิกคนอื่น ๆ ของยูนิตนี้ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
MOSPEADA เคยออกอากาศในญี่ปุ่น จำนวน 25 ตอน เมื่อช่วง ต.ค. 1983 - มี.ค. 1984 ซึ่งเรื่องนี้ ก็เป็นอนิเม 1 ใน 3 เรื่อง ที่ถูกบริษัท Harmony Gold USA จับไปดัดแปลงยำใหญ่ให้กลายเป็นอนิเมชั่นไซไฟฉบับอเมริกัน เรื่อง Robotech ร่วมกับ Super Dimension Fortress Macross และ Super Dimension Cavalry Southern Cross (จากการมาของอนิเมชั่นดังกล่าว นำไปสู่คดีพิพาทลิขสิทธิ์ Macross ที่ไม่สามารถฉายยังประเทศอื่นๆได้ นอกจากในญี่ปุ่น)
แหล่งข่าวและทวีต : Crunchyroll
น้องแมวดำ "Kuroneko" จะได้เป็นนางเอกหลัก ในนิยายบท if ของ Oreimo น้องสาวผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก
แม้ว่าเรื่องราวความสัมผัสแสนวุ่นระหว่างคุณพี่ชาย Kyousuke กับ คุณน้องสาว Kirino และผองเพื่อน จากไลท์โนเวล Ore no Imouto ga Konna ni Kawaii Wake ga Nai / Oreimo หรือ น้องสาวผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก จะได้บทสรุปไปนานแล้ว (พร้อมกับเสียงวิจารณ์แหลกลานในหมู่ผู้อ่าน กับบทสรุปแบบ WTF - กองอวยตายเกลื่อน บลาๆ) แต่ถึงกระนั้น สำหรับใครที่เชียร์ตัวละครตัวอื่นๆ ให้ได้คู่กับ Kyousuke ก็คงจะทยอยฟินไปกับเรื่องราวบทคู่ขนาน กับ ไลท์โนเวลบท if ของเรื่องนี้ อันเป็นการสมมติเรื่องราวที่ให้ตัวละครตัวอื่นๆ ได้ลงเอยกับขุ่นพี่ Kyousuke ซึ่งเริ่มจาก บท Ayase if ที่ให้ Ayase Aragaki สาวสวย(แอบโหด) มาเป็นตัวเอกหลัก ซึ่งมีการตีพิมพ์เป็นนิยาย 2 เล่ม (ต่อยอดมาจากรูทในเวอร์ชั่นเกมบนเครื่อง PSP) วางจำหน่ายเมื่อ 10 ส.ค. 2019 และ 10 มิ.ย. 2020 ตามลำดับนั้น
ล่าสุด ก็ถึงคิวของ สาวน้อยคอสเพลย์หูแมวดำประจำเรื่อง ที่มีผู้อ่านเชียร์เยอะไม่แพ้กันอย่าง Kuroneko (หรือ Ruri Gokō) ที่จะมีเรื่องราวของตัวเองบ้าง กับ Kuroneko if อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของนิยายชุดนี้ จะเป็นเนื้อหาใหม่ ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นเกมบนเครื่อง PSP ซึ่งจะจัดทำทั้งหมด 2 เล่มจบ เช่นกัน โดย เล่มแรก จะนำเสนอเรื่องราวปิดเทอมฤดูร้อนของ Kuroneko, Kyousuke และคนอื่นๆจากชมรมศึกษาเกม ซึ่งเล่มแรกของ Kuroneko if มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 10 ก.ย. 2020 นี้
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวยังระบุว่า Tsukasa Fushimi ผู้แต่งไลท์โนเวลชุดนี้ กำลังเขียนเรื่องราวในบท "Kanako if" ที่จะให้ Kanako Kurusu เป็นตัวเอกหลัก เช่นกัน
แหล่งข่าวและรูปภาพ : OreImo & Eromanga Sensei official Twitter , Kuroneko Twitter , Crunchyroll
Tokyo Keizai เผย อนิเมเตอร์รายได้ต่ำ เป็นเพราะ สตูดิโอขาดความเข้าใจในเรื่องการจัดทำบัญชี
Tokyo Keizai วารสารวงการธุรกิจระดับชั้นนำของญี่ปุ่น ได้นำเสนอคอลัมน์เจาะลึกถึงผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่มีต่อสตูดิโออนิเมในญี่ปุ่นหลายแห่ง ถึงแม้ว่า ในขณะนี้ จะยังไม่มีสตูดิโออนิเมถึงคราวปิดตัวอันเนื่องจากวิกฤติโรคระบาด ไปพร้อมๆกับ การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของสตูดิโออนิเมบางแห่ง ที่สามารถทำงานแบบทางไกล โดยไม่ต้องเดินทางเข้าสตูดิโอ แต่ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การระบาดของไวรัสวายร้ายชนิดนี้ ได้สร้างผลกระทบทำให้สตูดิโออนิเมหลายแห่งพากันติดตัวแดงไปตามๆกัน
โดย Tokyo Keizai ได้ระบุว่า จากวิกฤติโรคระบาด ทำให้ อนิเม ขาดรายได้จากการสตรีมมิ่ง , อีเว้นต์ , ภาพยนตร์ แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบถึงสตูดิโอนัก แต่มันกลับมีผลต่อรายได้ส่วนแบ่งของคณะกรรมการผลิต ผู้ที่ว่าจ้างสตูดิโอให้มารับหน้าที่ผลิตอนิเม โดย ผลกระทบของเม็ดเงินที่ไม่ได้ไหลเข้าสู่คณะกรรมการผลิต อาจไหลลงมาสู่สตูดิโออนิเม ในปีหรือสองปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลางานที่สตูดิโอได้รับในอนาคต หากสตูดิโอมีงานน้อยลงในอนาคต พวกเขาจะยังคงมีเงินจ่ายให้พนักงาน และ ค่าใช้จ่ายต่างๆ
อย่างไรก็ตาม Tokyo Keizai ได้แฉข้อมูลที่มาจากข้อมูลของคนวงใน ระบุว่า สตูดิโออนิเมส่วนใหญ่ ต่างขาดทักษะในเรื่องของการจัดทำบัญชี จนนำไปสู่รายได้ของอนิเมเตอร์ที่ออกมาต่ำมากๆ แถมการจัดทำบัญชีของสตูดิโอเหล่านี้ ต่างมุ่งเน้นที่โปรเจ็คปัจจุบัน โดยไม่ได้คิดถึงระยะยาว ทำให้มีสตูดิโออนิเมราว 40% ที่กำลังอยู่ในสภาวะติดตัวแดง ไปพร้อมกับดำเนินโปรเจ็คที่กำลังทำอยู่ และถ้าหากโปรเจ็คในอนาคตถูกล้มพับเมื่อไหร่ สตูดิโอจะถูกบีบให้ปิดตัวทันที
จากนั้น Tokyo Keizai ได้ยกสตูดิโอ Khara (Evangelion) ไว้เป็นตัวอย่าง โดยกล่าวชมเชยว่า เป็นเพราะทักษะในด้านการจัดธุรกิจ ที่ Hideaki Anno ได้สั่งสมมา ก่อนที่จะก่อตั้งสตูดิโอดังกล่าว เขาจึงมีความสามารถที่จะจัดการเงินทุนในการทำหนัง Evangelion ฉบับรีเมคภาคแรก โดยตรง จนส่งผลทำให้มีต้นทุนพอที่จะทำหนัง Evangelion 2.22 ได้
จากนั้น บทความดังกล่าว ยังได้อธิบายต่อว่า อนิเมทีวีส่วนใหญ่ จะใช้ต้นทุนราว 18 - 25 ล้านเยน ในการผลิต โดยที่บางตอน ใช้ทุนสร้างรวมกันเกิน 30 ล้านเยน ซะด้วยซ้ำ โดยต้นทุนของอนิเมต่อตอนนั้น มากกว่า ละครไพรม์ไทม์ 1 ชั่วโมง ของญี่ปุ่น ซะด้วยซ้ำไป
สตูดิโออนิเมต่างมีภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะถูกครอบคลุมโดยค่าธรรมเนียมสัญญา โดย Natsuhiko Ujiie ผู้เขียนบทความดังกล่าว ได้แนะนำให้บริษัทผู้ผลิตควรจะมีการต่อรอง ในระหว่างการผลิตเรื่องนั้นๆ แต่มันก็เป็นเรื่องยากอันเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 รวมถึง เรื่องการเมืองภายในระหว่างบริษัท
หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด Ujiie ได้ย้ำเตือนว่า มันจะกลายเป็นลูปปัญหาที่ไม่มีวันจบสิ้น ของสตูดิโออนิเมที่ต้องจัดทำโปรเจ็คต่างๆมากขึ้น ไปพร้อมกับการว่าจ้างทีมงาน และ อนิเมเตอร์จำนวนหลายคน ด้วยค่าจ้างที่ต่ำ และการจะฝึกอบรมอนิเมเตอร์หน้าใหม่ก็ไม่สามารถกระทำได้ อันเนื่องจากขาดแคลนระยะเวลา และ ขาดกำลังคนหนุ่มสาวผู้มีความตั้งใจในการทำงานอนิเมชั่น อันเนื่องมาจากการรับรู้ข่าวลือต่างๆ ที่มาจากปัญหาที่เกิดขึ้นภายในวงการอนิเม
แหล่งข่าว : Tokyo Keizai , Crunchyroll
10 อันดับมังงะขายดีที่ญี่ปุ่น โดย Oricon : 20-26 ก.ค. 2020
(อันดับ / เรื่อง-เล่ม / ยอดขายประจำสัปดาห์)
01. Kaguya-sama wa Kokurasetai - Tensai-tachi no Renai Zunousen
สารภาพรักกับคุณคางุยะซะดี ๆ ~สงครามประสาทความรักของเหล่าอัจฉริยะ~ #19 (110,921 เล่ม)
02. Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร #21 (99,507 เล่ม)
03. Daiya no A / Ace of Diamond Act II #22 (68,911 เล่ม)
04. Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร #21 Limited Edition (67,820 เล่ม)
05. Houseki no Kuni #11 (65,061 เล่ม)
06. Ookiku Furikabutte #33 (63,050 เล่ม)
07. Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร #20 (57,922 เล่ม)
08. Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร #19 (52,670 เล่ม)
09. Namaikizakari รักวุ่นวายคุณชายเอาแต่ใจ #19 (49,825 เล่ม)
10. Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร #8 (49,504 เล่ม)
แหล่งข่าว : Oricon
|