เหตุที่อยากจะเขียนถึงสองเรื่องนี้ ก็สืบเนื่องมาจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา หากใครได้ชม สปอร์ตเรนเจอร์ ในวันนั้น ก็จะได้เห็นโฉมหน้าของ สปิริต โรบ็อต หุ่นยนต์ยักษ์ประจำขบวนการนี้ เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวหลังจากผ่านไป 10 กว่าตอน และ วันนั้นในช่วงเช้า ก็เป็นตอนที่ 3 แล้วสำหรับ คริสตัลไนท์ ซึ่งรับประกันคุณภาพโดยนักพากย์การ์ตูนชื่อดังท่านหนึ่ง การออกสู่จอทีวีของทั้งสองเรื่องนั้น ต่างก็เป็นที่สนใจของใครหลายคนที่มีโอกาสได้สัมผัสหนังขบวนการแปลงร่างฝีมือการสร้างโดยคนไทยทั้งสองเรื่องนั้น แล้วก็มีการเปรียบเทียบความแตกต่างกันทั้งสองเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง การถ่ายทำ ฉาก นักแสดง ฯลฯ ทั้งสองเรื่องต่างก็มีจุดดีจุดเสียแตกต่างกันไป
โดยบทความที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ก็จะเป็นการเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองเรื่อง ก่อนที่จะแจกแจงจุดดีจุดเสียของทั้งสองเรื่อง ก็ขอท้าวความนิดหนึ่งสำหรับหนังขบวนการแปลงร่างฝีมือคนไทยทั้งสองเรื่อง เชื่อว่ายังมีคนที่ยังเข้าใจผิดกันอยู่ โดย สปอร์ตเรนเจอร์นั้นเป็นเซ็นไท(หนังขบวนการ 5 สี)ฝีมือคนไทยเรื่องแรกที่ออกฉายทางทีวี ส่วนคริสตัลไนท์นั้นเป็นหนังขบวนการแปลงร่างเรื่องแรกที่คนไทยเราคิดค้นขึ้นและสร้างขึ้นมาเอง ขอให้เข้าใจตามนี้นะครับ
เนื้อเรื่อง และ ความเป็นมา
หากจะว่ากันจริงๆก็จัดว่าน่าสนใจทั้งคู่ โดยคริสตัลไนท์นั้นจะเป็นการร่วมเล่นเกมส์ รางวัลมหาศาล ของสมาชิกทั้ง 5 ในระหว่างที่เล่นเกมส์จะต้องคอยสู้กับเหล่าปีศาจในเกมส์ด้วย ส่วนสปอร์ตเรนเจอร์นั้นก็จะตามสูตรหนังเซ็นไทเด๊ะ คือ มีกลุ่มองค์กรร้ายจากต่างดาว สตาร์ ฮันเตอร์ บุกมายังโลก เพื่อยึดครองโลกโดยใช้เหรียญพิเศษ แต่ทว่า ที่โลกมนุษย์นั้นก็มีเหรียญพิเศษของฝ่ายศัตรูเหมือนกัน เพียงแต่ ดร.เอิร์ธนำเหรียญพวกนั้นไปวิจัยจนกลายเป็นเหรียญพลังงานของสมาชิกสปอร์ตเรนเจอร์
สามารถอ่านเนื้อเรื่องอย่างละเอียดของทั้งสองเรื่องได้ที่
http://www.broadcastthai.com/sportranger/index.php
http://www.crystalknighttv.com
การเดินเรื่อง
ต่อจากเนื้อเรื่อง ก็เป็นหน้าที่ของทีมงานที่จะนำเสนอเนื้อเรื่องเหล่านั้นให้มันน่าสนใจ แต่สำหรับทั้งสองเรื่องนั้น ถือว่ายังสอบตกด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะ คริสตัลไนท์นั้น แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ผ่านมาตั้งสามตอนแล้ว ตัวเอกทั้งห้าคนยังไม่ได้แปลงร่างเป็นคริสตัลไนท์เลย!!!!! ซึ่งเทียบกับมาตรฐานหนังแปลงร่างเรื่องอื่นๆ เช่น ไอ้มดแดง อุลตร้าแมน เซ็นไท ถือว่าช้ามากเลย เพราะ แทนที่จะให้เหล่าตัวเอกรู้ว่าตนสามารถแปลงร่างได้ มัวแต่ไปเน้นฉากที่ดูจะไม่เกี่ยวกับข้องกับเนื้อเรื่องหลักสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะฉากลูกน้องปีศาจสู้กันเอง ซึ่งดูแล้วก็ยังงงๆอยู่ว่า จะมาใส่ทำแมวน้ำอะไร แถมตอนล่าสุดก็เน้นฉากเต้นรำมากจนเกินงาม ทั้งที่ฉากนี้นั้นเอาไว้ทีหลังก็ได้ หากพวกตัวเอกรู้ว่าตนแปลงร่างได้แล้ว ส่วนสปอร์ตเรนเจอร์นั้น ยังเดินเรื่องตามสูตรของหนังแปลงร่างยุคโบราณ ที่ดูจะเน้นพิทักษ์คุณธรรม มากเกินไป ทั้งๆที่ยุคสมัยนั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าสังเกตุกันดีๆหนังแปลงร่างยุคปัจจุบันนั้น นอกจากจะพิทักษ์คุณธรรมแล้ว ยังมีเนื้อเรื่องที่เน้นความสมเหตุสมผล ดราม่า และ ตลก มากขึ้นอีก ด้วย และที่แปลกใจอยู่อย่างสำหรับสปอร์ตเรนเจอร์ นั่นก็คือ ทั้งที่โครงเรื่องความเป็นมาของสปอร์ตเรนเจอร์นั้นดูน่าสนใจ แต่ทำไมถึงไม่ยอมทำละ กลายเป็นว่าพอเปิดดูตอนแรก ดันสู้กับสัตว์ประหลาดเสียแล้ว
แต่อย่างน้อยหากเทียบกันแล้ว สปอร์ตเรนเจอร์ยังจะดูไปได้เรื่อยๆมากกว่า แถมดูแล้วเพลิดเพลินมากกว่า
แอ็คชั่น
เป็นจุดที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับหนังประเภทนี้ ถ้าคิวบู๊หนักแน่นจะทำให้ตัวหนังนั้นสนุกน่าสนใจ โดยสปอร์ตเรนเจอร์นั้น ถึงจะใช้สตันท์มืออาชีพมาเล่นในฉากที่ตัวเอกทั้ง 5 แปลงร่างเป็นนักรบชุดสีแล้วก็จริง แต่พวกลูกกระจ๊อกกีกี๊ของเหล่าร้ายนั้น ดันเล่นไม่เนียนเอาเสียเลย(ไม่ทราบว่า ผกก.สั่งมาอย่างนี้หรือเปล่า) แทนที่จะสู้ มัวแต่ตั้งท่าให้เขาอัดอยู่ได้ เลยทำให้แอ็คชั่นการต่อสู้นั้นยังไม่ดีเท่าที่ควรไปด้วย ส่วนแอ็คชั่นของสปิริต โรบ็อต นั้นยังไม่ขอคอมเมนต์อะไรมากเพราะเพิ่งเป็นตอนแรก แต่ขอให้มันเร้าใจมากขึ้นก็พอใจแล้ว
ส่วนคริสตัลไนท์นั้น ยังต้องรอดูกันต่อไป เห็นบอกว่า นักแสดงที่รับบทเป็นตัวเอกนั้น ก็จะเป็นคนสวมชุดคริสตัลไนท์เอง และได้ฝึกวิชาการต่อสู้แขนงต่างๆมานาน ซึ่งผมก็หวังว่าคงไม่ใช่ราคาคุยนะ เพราะ แอ็คชั่นการต่อสู้ของสมุนปีศาจทั้งสองตัวในตอนที่สองนั้น บอกตรงๆว่า คิวบู๊นั้นยังไม่กระชับและติดขัดกันอยู่ หวังว่าตอนต่อๆไปควรจะพัฒนาขึ้นนะ
มุมกล้องการถ่ายทำ
สปอร์ตเรนเจอร์นั้น มุมกล้องการถ่ายทำนั้นทำได้ดีมาก ดูแล้วก็เพลิดเพลินดี ส่วนคริสตัลไนท์นั้นในแง่การถ่ายทำยังดูไม่เป็นมืออาชีพ แถมการจัดแสงก็เบลอๆ ไม่สว่าง จนมีบางคนแอบแซวว่า เป็นโปรเจ็คหนังสั้นของนักศึกษาเหรอ? และก็ขอวกไปที่ฉากปีศาจสองตัวสู้กันเองอีกครั้งหนึ่ง ดูไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า การต่อสู้ฉากนี้ นอกจากจะไม่จำเป็นต่อเนื้อเรื่องหลักแล้ว ทำไมต้องวาร์ปสู้กันหลายที่ด้วย ซึ่งดูแล้วชวนปวดหัวได้เหมือนกัน
ฉาก
สปอร์ตเรนเจอร์นั้น ในแต่ละตอนก็สู้กันหลากหลายสถานที่ ตั้งแต่ โกดัง สวนสาธารณะ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ (ก็แหงละครับ ขึ้นชื่อว่าขบวนการนักกีฬานี่) และในตอนล่าสุด สัตว์ประหลาดนั้นสามารถขยายร่างได้จนต้องเอาสปิริต โรบ็อตมาปราบ นั้น สภาพตึกรามบ้านช่องนั้นก็กลายสภาพเป็นของเล่น แถมปีศาจทำลายตึกไปเท่าไหร่ ตึกมันก็ไม่พังเสียที(ฮา) แต่ส่วนหนึ่งที่วิจารณ์กันมากเหมือนกัน ก็หนีไม่พ้น ฉากตรงห้องบังคับหุ่นยนต์นะแหละ ที่ดูแล้วมันไม่ทันสมัยเอาเลย บ้างก็บอกว่าดูรกๆ ทำไมไม่ควบคุมหุ่นด้วยคอมพิวเตอร์ หากคิดในแง่ดี เขาคงอยากรักษาคอนเซปต์ขบวนการนักกีฬามั้ง เลยต้องออกแรงจับคันบังคับกันหน่อย ส่วนคริสตัลไนท์ ด้านงานฉากก็โอเค แต่ต้องดูไปสักพัก
คอสตูมดีไซน์
คอสตูมชุดนักรบ5สีของสปอร์ตเรนเจอร์นั้นก็ตามแบบฉบับหนังเซ็นไทเลย สัดส่วนรวมๆก็โอเค สปิริต โรบ็อตนั้น ยังไม่เข้ากับคอนเซปต์ขบวนการนี้เท่าที่ควร จู่ๆก็กลายเป็นหุ่นรบท่านขุนไปซะได้ แถมสัดส่วนก็ไม่เข้ากันอีก (แต่โชคดีที่การตัดต่อถ่ายทำดี จึงดูดีกว่าที่บางคนเคยเห็นในเบื้องหลังการถ่ายทำ)ส่วนชุดของคริสตัลไนท์นั้น บอกตรงๆว่า ดูไม่ค่อยออกว่าใครเป็นตัวไหน เพราะเน้นสีขาวมากเกิน จนแทบจะมองไม่เห็นแถบสีเลย รวมไปถึงความทึบของชุด ที่ดูแล้วมันเทอะทะมากกว่าเท่ห์ แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นความมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองบ้าง ส่วนคอสตูมดีไซน์ของสัตว์ประหลาดทั้งสองเรื่องนั้น เอาเป็นว่า ให้เสมอกันไป
นักแสดง
อันนี้แทนจะเรียกได้ว่าเทียบไม่ติดกันเลย หน้าตาของนักแสดงที่มารับบทเป็นตัวหลักๆในสปอร์ตเรนเจอร์นั้นสามารถดึงดูดคนดูได้มากกว่า ส่วนความสามารถในการแสดงของนักแสดงนั้นก็พอๆกัน คือ แสดงแข็งกันทั้งสองเรื่อง
เอฟเฟค
ทั้งสองเรื่องต่างก็นำ CG คอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้ โดยสปอร์ตเรนเจอร์นั้นใช้ CG สร้างเป็นยานทั้ง5 ประกอบกันเป็นหุ่นรบได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าสองเรื่องนั้นใช้เอฟเฟคระเบิดเหมือนกับต้นฉบับของญี่ปุ่นได้ละก็ เจ๋งเลย
เสียงพากย์
สองเรื่องนั้นก็เหมือนๆกัน คือ การใช้เสียงพากย์มาช่วยในเรื่องการสนทนาของตัวละครในเรื่องรวมถึงสัตว์ประหลาด โดยสปอร์ตเรนเจอร์นั้นจะใช้นักพากย์มืออาชีพมาพากย์ ส่วนคริสตัลไนท์จะใช้นักแสดงนั้นมาพากย์เอง ทั้งสองอย่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป โดยสปอร์ตเรนเจอร์นั้น การได้นักพากย์ประสบการณ์สูงมาช่วยพากย์นั้น กลับกลายเป็นว่า หลายคนชื่นชอบ เพราะได้อรรถรสความฮา และได้บรรยากาศเหมือนดูหนังเซ็นไทของญี่ปุ่นอีกต่างหาก แต่เสียตรงที่เสียงตัวละครนั้นไม่ใช่เสียงของตัวละครนั้นจริงๆ ทำเอาเสียงตัวละครหนุ่มสาวในเรื่องนั้นเกินอายุไปเลย ผิดกับ คริสตัลไนท์ที่ใช้เสียงของนักแสดงนั้นมาพากย์เอง ค่อยสมกับอายุหน่อย แต่ด้วยความที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่นักพากย์อาชีพ พอตัวละครพูดออกไปนั้น ฟังดูแล้วไม่เป็นธรรมชาติเอาเลย
เพลง OP(Open Theme)
จากการที่ตั้งหัวข้อเปรียบเทียบกันต่างๆนาๆ จนมาถึงส่วนนี้ บอกตรงๆว่า มีแค่เพลงเปิดเรื่องนี่แหละ ที่คริสตัลไนท์ทำได้ดีกว่าในแง่ของเพลง ดนตรี และความหมาย แต่ของสปอร์ตเรนเจอร์นั้นจะเด่นตรงที่คนจดจำได้เนื้อร้องได้ง่ายกว่า(อันนี้แล้วแต่คนฟังครับ)
อื่นๆ
ชื่อของนักรบ:นักรบทั้ง 5 ของสปอร์ตเรนเจอร์นั้น ดูจะมีเอกลักษณ์และจดจำของคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า ส่วนคริสตัลไนท์ ยังไม่ค่อยมีเอกลักษณ์เท่าไหร่
เวลาที่ฉาย: ถึงจะฉายในวันเดียวกัน แต่สปอร์ตเรนเจอร์ได้เปรียบในแง่ที่ฉายในช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ครอบครัวนั้นอยู่กันพร้อมหน้า ส่วนคริสตัลไนท์นั้น ฉายช่วงเช้า ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นเด็กๆที่ตื่นมาเตรียมดูการ์ตูนทางไอทีวี และ ช่อง9
การโปรโมท:สปอร์ตเรนเจอร์จะได้เปรียบตรงที่ฉายทางช่อง 3 ซึ่งถือว่า ได้แบ็คอัพในการโปรโมทชั้นดี ขนาดช่วงเวลาที่ไม่ใช่เป็นช่วงรายการเด็กๆ ช่อง3ก็ยังช่วยโปรโมทผ่านโฆษณาพักเบรคบ้าง รายการพวกสีสันบันเทิงบ้าง ส่วนคริสตัลไนท์นั้น จะมีการโปรโมทมากที่สุดก็ตรงช่วงเวลารายการที่เป็นของบ.ทูนทาวน์
นี่คือความแตกต่างจุดเด่น และ จุดด้อย ของทั้งสองเรื่อง โดยรวมแล้ว ขบวนการนักกีฬาทำออกมาดีกว่า ส่วนอัศวินคริสตันนั้น อย่าเพิ่งน้อยใจ เพราะเพิ่งจะเริ่มไปไม่กี่ตอน แต่อย่างน้อย การได้เห็นจุดเด่น และ จุดด้อยที่มีในแต่ละเรื่อง ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงข้อบกพร่องของทีมงานทั้งสองเรื่อง สิ่งที่ดีอยู่แล้วก็รักษามันไว้ ส่วนสิ่งบกพร่องก็ควรนำไปแก้ไข เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นของหนังขบวนการแปลงร่างเรื่องต่อๆไปครับ