รวมเทรนด์ฮิต ข่าวฮ็อต วงการการ์ตูน ปี 2566

ปี 2023 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญต่างๆมากมายในทุกวงการ แม้สถานการณ์โควิดจะเบาบางลง จนเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ภาพรวมก็เดือดจัดจริงไรจริง ทั้งเหตุบ้านการเมือง รวมถึง ความขัดแย้งต่างๆที่ยังคงค้างคาไม่รู้จบ ทั้งในบ้านเรา และ ต่างประเทศ

เช่นเดียวกับ วงการการ์ตูนในรอบปี 2023 ก็เกิดเหตุการณ์น่าสนใจมากมายไม่แพ้กัน ซึ่งบทความประจำปีในคราวนี้ ยังคงเป็นการสรุปข่าวการ์ตูนประจำปีเหมือนเดิม เพียงแต่เราได้รีแบรนดิ้งเสียใหม่ ให้เข้ากับหัวข้อข่าวที่เรารวบรวมมาได้ โดยเน้นสรุปเทรนด์ฮิตที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูน-อนิเม ในปีกระต่ายที่ผ่านมา + ข่าวเด่นในรอบปี นิดๆหน่อยๆ แล้วก็ ร่วมรำลึกถึง บุคคลวงการการ์ตูน ผู้ซึ่งจากไปในปีที่ผ่านมา

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปทบทวนกันเลยครับ!!!



 


  # Oshi no Ko อนิเมดัง-เพลงเปิดปัง ถูกพูดถึงตลอดปี

Oshi no Ko



ในปี 2023 ก็มีอนิเมซีรี่ย์แจ้งเกิดบนจอหลายต่อหลายเรื่อง ในจำนวนนี้ ก็ยอมรับเลยว่า Oshi no Ko เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ กลายเป็นอนิเมที่กลายเป็น talk of the town มากที่สุดในรอบปีกระต่ายที่ผ่านมา

ผลงานมังงะต้นฉบับของ อ.Aka Akasaka กับ อ.Mengo Yokoyari เรื่องนี้ ก็ได้รับการกล่าวขวัญมาในระดับหนึ่ง ก่อนที่อนิเมเรื่องนี้จะออกอากาศ และเคยถูกเสนอเข้าชิงรางวัลมังงะยอดเยี่ยมมาแล้ว แน่นอนล่ะว่า เวอร์ชั่นอนิเมของเรื่องนี้ ย่อมถูกแฟนๆคาดหวังเอาไว้สูง จนกระทั่ง อนิเมเรื่องนี้ ได้ออกอากาศตอนแรกอย่างเป็นทางการ 1 ชั่วโมงเต็ม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของบ้านเรา ซึ่งการมาของตอนแรกนี้เอง ก็ถูกพูดถึงของชาวโซเชียลอย่างร้อนแรงไปทั่ว กับเนื้อหาของซีรี่ย์ที่มาทำนองคุณหลอกดาว (สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านมังงะเรื่องนี้มาก่อน) ว่า เป็นแนวไอด้อลใสๆ วัยว้าวุ่น ที่ต้องมาเลี้ยงดูลูกแฝดของตัวเอง (ซึ่งจริงๆ เป็นติ่ง / แฟนคลับ ผู้โอชิไอด้อลสาวผู้นี้ ที่กลับชาติมาเกิดใหม่) แต่เอาเข้าจริง กลับมาหน่วงตับแตก เรียกน้ำตาคนดูไหลพรากกันเอาท้ายตอน ซึ่งตลอดทั้งเรื่องนี้ เรื่องราวนั้นก็มาในหลากธีมผสมกัน โดยเน้นดราม่าแบบจัดเต็ม แสดงให้ความพยายามของหนุ่ม-สาว ในการแจ้งเกิดวงการไอด้อล กับ บันเทิง พร้อมกับตีแผ่แฉเรื่องดาร์กๆในวงการบันเทิง รวมถึง การพยายามสืบหาความจริง เกี่ยวกับบุคคลผู้มีส่วนสำคัญ อันนำมาซึ่งจุดจบของ โฮชิโนะ ไอ แห่ง B-Komachi ซึ่งเห็นแล้วได้แต่ลั่น "วงการบันเทิงอ่ะเนอะ" ตามพี่ปาล์มมี่ ซะจริงๆ!!!!!

นอกจากอนิเมจะโด่งดังแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะพูดถึงไปไม่ได้เลย และมีส่วนสำคัญ ในการช่วยหนุนทำให้อนิเมเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง นั่นคือ เพลงเปิดประจำเรื่อง อย่าง Idol ที่ขับร้องโดยศิลปินดูโอ้ YOASOBI ถึงเพลงดังกล่าวก็มาแรงตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก จนมียอดสตรีมมิ่ง กับ ยอดวิว MV พุ่งขึ้นถล่มทลาย ทะลุ 100 ล้านอย่างรวดเร็ว จนส่งผลทำให้เพลงดังกล่าว สร้างสถิติใหม่ให้กับตัวศิลปินเอง รวมถึง วงการเพลงญี่ปุ่น มากมาย ไล่กันไม่ไหว ทั้ง ทำยอดสตรีมมิ่งถึง 400 ล้านครั้ง รวดเร็วที่สุด , รั้งอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Japan Hot 100 มากกว่า 20 สัปดาห์ รวมถึงยังไปไกล ด้วยการขึ้นอันดับ 1 บน ชาร์ต Billboard ทั่วโลก (ยกเว้น สหรัฐ) อีกด้วย และจากความปังของเพลงนี้ในญี่ปุ่น ทำให้ มีการจัดทำเวอร์ชั่นเนื้อร้องภาษาอังกฤษแบบ Official , ถูกกลุ่มแฟนๆ นำมาจัดทำ AMV แบบแฟนเมด และ ถูกมิกซ์ในทำนองอื่นๆ รวมถึงหมอลำ-ลูกทุ่ง ด้วย ขณะเดียวกัน เพลงนี้ ก็ถูก "โจริญ" สมาชิกวง 4EVE นำไปร้องในรายการ The Mask Singer 12 ในนามของ "หน้ากากไซบีเรียน" อีกด้วย

ผลพวงจากความปังปุริเยของเรื่องนี้ ส่งผลทำให้มังงะต้นฉบับของเรื่องนี้ มียอดจำหน่ายมากกว่า 9 ล้านเล่ม ภายในระยะเวลา 2 เดือน นับจากอนิเมทีวีออกอากาศ และทำให้มังงะเรื่องนี้ รั้งอันดับ 4 มังงะซีรี่ย์ขายดีในญี่ปุ่น ประจำปี 2023 ซึ่งจัดอันดับโดย Oricon รวมถึง ตัวอนิเม รั้งอันดับ 1 ของโพลอนิเมสุดโปรดประจำปี 2023 โดย Otona , อันดับ 1 อนิเมยอดฮิตประจำปี 2023 ของ Yahoo! Japan

เช่นเดียวกับ เพลงเปิดตัว "Idol" ของเรื่องนี้ครองแชมป์เพลงอนิเมคาราโอเกะยอดฮิตของญี่ปุ่น ประจำปี 2023 ขณะเดียวกัน YOASOBI ศิลปินเจ้าของเพลงดังกล่าว รั้งอันดับ 1 คีย์เวิร์ดที่มียอดค้นหาสูงสุดประจำปี 2023 ของ Google กับ Yahoo! Japan
ในประเภทเพลง เช่นกัน

จากความปังทั้งหลายทั้งปวงของเรื่องนี้ ที่เรากล่าวมาในข้างต้น นอกจากจะทำให้ อนิเม เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ได้ไฟเขียว ให้จัดทำต่อในซีซั่น 2 แล้ว ยังได้รับการดัดแปลงในรูปแบบหนังคนแสดง ที่จะได้รับชมกันในอนาคตอีกด้วย....

อย่างไรก็ตาม จากการที่อนิเมเรื่องนี้ มีการนำเสนอที่เป็นการตีแผ่เบื้องหลังอันดำมืดในวงการบันเทิงญี่ปุ่น โดยอ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยเหตุการณ์ในตอนที่ 6 ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของ อาคาเนะ นักแสดงสาวดาวรุ่งพุ่งแรง พยายามจะปลิดชีพตัวเอง หลังจากพลั้งมือไปตบหน้าผู้ร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์ ซึ่งเนื้อเรื่องดังกล่าวนั้น ก็ดันไปพ้องกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ Hana Kimura นักมวยปล้ำสาวที่ตกเป็นเหยื่อบูลลี่บนโลกออนไลน์ จากการเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์ จนตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง ซึ่งก็ทำเอาตอนดังกล่าว ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชม และ องค์กรจริยธรรมทางทีวีของญี่ปุ่น เป็นวงกว้าง รวมไปถึง ยังสร้างความไม่พอใจให้แก่คุณแม่ของ Hana Kimura ที่ออกมาโจมตีด้วย เพราะมองว่า เป็นการไม่ให้เกียรติลูกสาวเธอ ไม่เพียงเท่านั้น จากการที่ตอนดังกล่าวมีเนื้อหาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนต่อผู้ชม ทำให้HIDIVE ผู้ได้รับลิขสิทธิ์สตรีมมิ่งเรื่องนี้ในภาษาอังกฤษ ต้องขึ้นข้อความเตือนหลังจบการออกอากาศอีกด้วย




# One Piece - Live Action : เส้นทางเดินเรือใหม่ของก๊วนโจรสลัด ได้รับการซูฮกอย่างท่วมท้น จากแฟนๆทั่วโลก

One Piece - Live Action

One Piece ซีรี่ย์มังงะ-อนิเมโจรสลัดของ อ.Eiichiro Oda จัดเป็นเรื่องที่มีประเด็นให้ได้ยิบยกมาพูดถึงแทบทุกปี ในช่วงสรุปเรื่องราวประจำปี ....นอกจากลูฟี่ และ พรรคพวก จะยังคงดำเนินเรื่องราวของพวกเขาต่อไป ทั้งมังงะ กับ อนิเมแล้ว ในปี 2023 นี้ แฟนๆวันพีซ ทั่วโลก ได้มีโอกาสยลโฉมกับ ละครซีรี่ย์คนแสดงของเรื่องนี้ กันอย่างจริงๆจังๆ ซึ่งเป็นโปรเจ็คยักษ์ที่ อ.Oda , Tomorrow Studios และ Netflix พยายามปลุกปั้น เนรมิตรที่จะให้มันเกิดขึ้นจริงๆ นับตั้งแต่ประกาศครั้งแรก เมื่อปี 2017 ซึ่งก็ทำเอาแฟนๆหลายคน ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่า ละครจะออกมาเป็นรูปแบบใด พร้อมกับตั้งคำถามว่า จะออกมาเหลวเป๋วเหมือนไลฟ์แอ็คชั่นจากการ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆเรื่องในอดีต ที่แฟนๆไม่ให้การยอมรับหรือเปล่า?

วันเวลาได้ผ่านพ้นไปถึง 6 ปี ในที่สุด ละครซีรี่ย์ดังกล่าว ได้โลดแล่นบนจอ Netflix จำนวน 8 ตอนรวด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2023 ... ซึ่งการมาของลูกเรือหมวกฟางในแบบคนแสดงนั้น ก็กลายเป็นกระแสทั่วโลกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับได้รับคำชมจากผู้ชมอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทั้งในหมู่แฟนวันพีซเอง รวมถึง คนที่เพิ่งสัมผัสแฟรนไชส์นี้ครั้งแรก ในแง่ของโปรดักชั่น การดำเนินเรื่อง ที่ทำออกมาดีเยี่ยมเกินคาด สมกับที่รอคอยมานาน ประกอบกับ นักแสดงนั้น ส่วนใหญ่ แคสได้ใกล้เคียงกับมังงะต้นฉบับ และแสดงได้สมบทบาทที่ได้รับ (แม้จะมีการปรับเปลี่ยนบทให้ต่างจากมังงะ บางส่วน) ส่งผลทำให้ละครซีรี่ย์ One Piece สามารถรั้งอันดับ 1 บนชาร์ต Netflix ทั่วโลก ประเภทรายการทีวีภาษาอังกฤษ ได้ถึง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ในจำนวนนี้ สามารถรั้งอันดับ 1 บน Netflix ได้มากถึง 46 ประเทศ และ ติดอันดับ Top 10 ของ Netflix ได้มากถึง 96 ประเทศ เลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ละครชุดนี้ ยังได้รับคำวิจารณ์ในทางบวกจากหลายสำนัก โดยได้รับคะแนนเรตติ้งสูงบนเว็บ Rotten Tomatoes ทั้งในหมู่ผู้ชม แล้วก็ นักวิจารณ์อาชีพ ในช่วงเวลาที่ละครนั้นเดบิว

ซึ่งความสำเร็จเกินคาดที่เกิดขึ้นกับละครคนแสดงของ One Piece นี่เอง ส่งผลทำให้เหล่านักแสดงตัวหลัก ทั้ง Iñaki Godoy, Emily Rudd, Mackenyu, Jacob Romero Gibson, และ Taz Skylar ผู้รับบทเป็น ลูฟี่ , นามิ , โซโล , อุซป และ ซันจิ ในละคร ต่างก็แจ้งเกิดกลายเป็นที่รู้จักของแฟนๆทั่วโลก ไปตามๆกัน (ในจำนวนนี้ Mackenyu ผู้ซึ่งมีผลงานการแสดงมากกว่าใครเพื่อน กลายเป็นขวัญใจในหมู่สาวๆ เรียบร้อย) เช่นเดียวกันกับ ละครซีรี่ย์ชุดนี้ ได้ไปต่อในซีซั่นที่ 2 ซึ่งก็จะได้ยลโฉม ช็อปเปอร์ ในเวอร์ชั่นละครในซีซั่นหน้า เช่นกัน!!!!!!

จากฟีดแบ็คด้านบวกที่เกิดขึ้นกับ วันพีซ คนแสดง นั้น ก็สะท้อนให้เห็นว่า ไลฟ์แอ็คชั่นจากการ์ตูนญี่ปุ่นนั้น สามารถตั้งใจทำออกมาให้ดี ก็ได้นี่นา!!!! ตรงส่วนนี้ต้องให้เครดิตแก่ทีมผู้สร้าง ที่มีความตั้งใจกันอย่างสูง และทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีการกีดกันฝั่งหนึ่งฝั่งใด เห็นได้จากการที่สตูดิโอฝรั่ง ไม่เพียงแต่เคารพผลงานต้นฉบับแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ อ.Oda ได้มีส่วนร่วมในการดูแล-ควบคุมโปรเจ็คนี้ เต็มตัว (ซึ่งจากบทสัมภาษณ์เก่าๆยังระบุว่า Netflix กับ Tomorrow จะยอมให้ละครออกอากาศดีเลย์กว่ากำหนด หากละครออกมายังไม่เป็นที่พอใจของ อ.Oda )
.... ซึ่งตรงจุดนี้เอง ก็ทำให้มีแฟนๆจำนวนหนึ่ง นำเอาละครวันพีซ ไปเทียบกับ คนแสดงจากมังงะดังเรื่องอื่นๆ ที่ทำออกมาเฟลโดยสิ้นเชิง ทั้ง Saint Saiya : Knights of the Zodiac แล้วก็ Dragon Ball Evolution ที่ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ต่างมีจุดด้อยในแง่โปรดักชั่น , สต๊าฟฝรั่งอีโก้จัด และ ไม่ได้รู้ลึกเกี่ยวกับงานต้นฉบับนั้นๆ
( ในส่วนของหนัง Saint Seiya ก็รวมถึงปัญหาที่เกิดจากทัศนคติในตัวเจ้าของผลงานต้นฉบับ ที่ประเมินคุณค่าผลงานของตัวเองน้อยเกินไป )

 

ละครคนแสดงของ One Piece ถือเป็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของแฟรนไชส์การ์ตูนโจรสลัดเรื่องนี้ ในรอบปี 2023 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ One Piece Film Red หนังอนิเมปี 2022 ของพวกเขา ที่สามารถโกยรายได้รวม 20.33 พันล้านเยน จากการฉายในรอบแรก+รีรัน จนสามารถรั้งอันดับ 6 ภาพยนตร์รายได้สูงสุดตลอดกาลในญี่ปุ่น (อันดับ 4 ภาพยนตร์อนิเมรายได้สูงสุดตลอดกาลในญี่ปุ่น) ไปพร้อมกับ โกยรางวัลสำคัญๆ ในหลายเวทีรางวัล ในช่วงต้นปี 2023 ซึ่งรวมไปถึง รางวัลขวัญใจมหาชน ประเภทภาพยนตร์ ของ Japan Academy Film Prize ครั้งที่ 46 และ Shin Watanabe Award ครั้งที่ 18 ซึ่งถือเป็น รางวัลแรกในชีวิตของ Eiichiro Oda ในฐานะโปรดิวเซอร์หนัง Film Red

นอกจากแฟนๆจะได้รอละครซีซั่นใหม่ของก๊วนโจรสลัดหมวกฟางแล้ว ก็รอติดตามชมอนิเมฉบับรีเมคของเรื่องนี้อย่าง The One Piece ที่จัดทำโดย Wit Studio ซึ่งจะฉายบน Netflix ในอนาคต เช่นกัน!!




# Super Mario Bros. Movie โหม่งบล็อกโกยเหรียญหลายพันล้าน บนจอเงินทั่วโลก

Super Mario Bros Movie

Super Mario Bros. Movie หนังอนิเมชั่นจากแฟรนไชส์ Super Mario เกมวีดีโอยอดฮิตของ Nintendo จัดเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในรอบปี 2023 ซึ่งก็พกพาสถิติใหม่ๆมากมาย ชนิดที่ลบคำสบประมาท หลังจากเคยล้มเหลวอย่างหนัก กับ ฉบับหนังคนแสดงฮอลลิวู้ด เมื่อปี 1993

หลังจากพังพาบกับหนังคนแสดงช่วงยุค 90 Nintendo มีความพยายามอีกครั้งที่จะปลุกปั้นแฟรนไชส์ Super Mario ในรูปแบบใหม่ ที่ต่างจากเกมวีดีโอหลายซีรี่ย์ที่ใครหลายคนเคยเล่น กับ หนังอนิเมชั่น ซึ่งทาง Nintendo ได้ Illumination สตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังหนังอนิเมชั่น Minions กับ กับ Universal Studio มาผนึกกำลังร่วมกัน ในการเนรมิตรการผจญภัยครั้งใหม่ของคู่พี่น้องช่างประปาติดหนวด Mario กับ Luigi บนแผ่นฟิลม์

ด้วยเนื้อหาของหนังที่เข้าใจได้ง่ายในหมู่ผู้ชมกับเกมเมอร์ กับเรื่องราวของพี่น้อง Mario - Luigi ที่ต้องช่วยเหลือเจ้าหญิง Peach แห่งอาณาจักรเห็ด ในการต่อกรกับ King Koopa / Bowser ศัตรูคู่ปรับตลอดกาล โดยมี Wario คู่ปรับสุดอาฆาตของพี่น้องคู่นี้ มาคอยเป็นตัวป่วนด้วย ส่งผลทำให้ตัวหนังกวาดรายได้อย่างถล่มทลายทั่วโลก สิริรวมยอดที่ 1.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างสถิติเป็นหนังรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสตูดิโอ Illumination , หนังจากวีดีโอเกมรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เหนือ Sonic the Hedgehog รวมถึงยังเคยทำสถิติ เป็นหนังที่กวาดรายได้ทั่วโลกสูงสุด อันดับ 2 ประจำปี 2023 โดยเป็นรองเพียง Barbie เรื่องเดียว ,อีกทั้งยังทำสถิติ เป็นหนังอนิเมชั่นรายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล อันดับที่ 2 อีกด้วย (ในกรณี ไม่จัดให้ หนัง The Lion King เวอร์ชั่นปี 2019 เป็นหนังอนิเมชั่น)

ขณะเดียวกัน หนังชุดนี้ ก็ได้รับการตอบรับดีเยี่ยม บน Box Office ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเกมซีรี่ย์นี้ ด้วยสถิติเป็นหนังเรื่องที่ 3 ที่สามารถทำรายได้เกิน 5 พันล้านเยนรวดเร็วที่สุด ในประวัติศาสตร์ Box Office ญี่ปุ่น ,หนังฮอลลิวู้ดที่ทำรายได้แตะหลักหมื่นล้านเยนได้เร็วที่สุด ในญี่ปุ่น และ เป็นหนังอนิเมชั่นต่างประเทศรายได้สูงสุดตลอดกาลในญี่ปุ่น ในอันดับ 2


จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับหนัง Mario ชุดนี้ ก็คงทำให้แฟนๆต่างคาดหวังที่จะได้รับชมหนัง Mario ภาคต่อไป ..อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตัวหนังกำลังเข้าฉายบนโรงอยู่นั้น ก็มีข่าวไม่สู้ดีในหมู่ทีมผู้สร้าง จากการที่ตัวหนังถูกละเมิดลิขสิทธิ์ โดยกลุ่มผู้ใช้ X (หรือ Twitter) โดยมียอดดูเถื่อนบน Twitter มากกว่า 9 ล้านวิว จากการรายงานของ Forbes

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่ตัวหนังกำลังประสบความสำเร็จไปกับรายได้ทั่วโลก ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในส่วนของผู้พากย์เสียงตัวละคร Mario , Luigi ในเกมวีดีโอ จากการที่ Charles Martinet นักพากย์ผู้พากย์เสียงเป็นตัวละครดังกล่าว ให้กับเกมซีรี่ย์หลายภาคของแฟรนไชส์นี้ มาตั้งแต่ปี 1991(แต่ในหนัง เขาพากย์เป็นคุณพ่อของ Mario กับ Luigi แทน) ได้ประกาศวางมือจากการพากย์เสียงในบทบาทดังกล่าวแล้ว โดยหันไปรับหน้าที่เป็นทูตประจำแฟรนไชส์ Mario ให้กับ Nintendo แทน

ถึงกระนั้น Nintendo ได้ต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้น ด้วยโปรเจ็คหนังคนแสดงจากเกม The Legend Of Zelda ซึ่งเป็นเกมแฟรนไชส์ดังอีกซีรี่ย์หนึ่งของ Nintendo ...ก็ต้องจับตากันต่อไปว่า Zelda ฉบับหนัง จะออกมาเป็นอย่างไร

 


# มฤตยูใต้น้ำทมิฬ : การเดินทางสู่หลักหมื่นล้านเยน ของ โคนัน ฉบับหนังโรง

Detective Conan

ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ซีรี่ย์นักสืบเด็กที่อยู่คู่กับคอการ์ตูนมานานหลายสิบปี ก็มีฉบับภาพยนตร์อนิเมออกสู่สายตาแฟนๆเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่ปี 1997 เรื่อยมา ซึ่งหนังโคนัน เคยมีช่วงเวลาที่ทุบสถิติรายได้(เงินเยน)สูงสุดของตัวเอง อย่างต่อเนื่อง ยาวนานถึงแปดภาคติดต่อกัน ตั้งแต่ The Eleventh Striker จนถึง The Fist of Blue Sapphire เมื่อปี 2019 ก่อนสถิติดังกล่าว จะมาสะดุดลง กับ หนังภาค The Scarlet Bullet ที่เจอผลกระทบจากสถานการณ์โควิดไปเต็มๆ จนต้องเลื่อนฉายจากปี 2020 ไปเป็นปี 2021 แทน ถึงกระนั้น ทางทีมผู้หนังหนังอนิเม ยังคงเน้นไอเดียในการนำเสนอเรื่องราวของโคนันในหนังโรง ไปพร้อมกับผลัดสับเปลี่ยน เปิดโอกาสให้ตัวละครในเรื่องหลายคน กลายเป็นตัวเอกประจำหนังภาคนั้นๆ ส่งผลทำให้ หนังภาค The Bride of Halloween กลับคืนสู่โมเมนตั้มเดิมของตัวเอง ด้วยการทุบสถิติรายได้สูงสุดของหนังโคนันอีกครั้ง

และแล้วก็มาถึง The Iron Submarine หรือ มฤตยูใต้น้ำทมิฬ หนังประจำปี 2023 ของโคนัน ซึ่งได้กลุ่มคนชุดดำ รวมถึง ไฮบาระ ไอ เป็นตัวละครชูโรงประจำหนังภาคนี้ ซึ่งเนื้อหานั้น ก็ยังคงคล้ายๆเดิม คือ การไขคดีปริศนาคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในหนัง ของโคนัน ไปพร้อมกับ การช่วยเหลือไฮบาระ ที่ถูกพวกชุดดำลักพาตัวไป รวมถึง ซีนทำลายล้างที่จะขาดเสียไม่ได้ในโคนันฉบับหนังโรง ผ่านเรือดำน้ำสีดำขนาดใหญ่ยักษ์

จากการที่ตัวหนังได้นำเสนอเนื้อหาของกลุ่มคนชุดดำ ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนามากมายก่ายกอง ที่ทำให้หลายคนสนใจ ประกอบกับ การได้ ไฮบาระ กลายเป็นตัวเอกประจำหนังชุดนี้ ก็เข้าทางกลุ่มคนดูที่อวยตัวละครตัวนี้เป็นทุนเดิมอีก ส่งผลทำให้ตัวหนังได้รับความสนใจจากผู้ชม (พร้อมกับ สงครามกองอวย ระหว่าง ทีมไฮบาระ กับ ทีมรัน มาเต็มโซเชียลในช่วงเวลานั้น) ซะจนทำให้หนังชุดนี้ นอกจากจะทำรายได้เปิดตัววันแรก และ สุดสัปดาห์แรกสูงที่สุดของแฟรนไชส์แล้ว ยังกลายเป็นหนังภาคแรกของแฟรนไชส์โคนัน ที่สามารถทำรายได้เกินหมื่นล้านเยนได้สำเร็จ จากการฉายในญี่ปุ่นเพียง 24 วัน และเป็นสถิติหนังที่ทำเงินสูงสุดในบรรดาหนังทุกภาคของโคนัน ด้วยรายได้ 1.383 หมื่นล้านเยน

อีกมูลเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังชุดนี้ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากการตลาด ด้วยหนังอนิเมฉบับตัดต่อชุด อย่าง Detective Conan : Episode of Ai Haibara ~ Black Iron Mystery Train หรือ จุดเริ่มต้นของไฮบาระ ไอ : ปริศนารถด่วนทมิฬ ที่เข้าฉายบนโรงเป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนจะได้ชมหนังภาคหลักของจริงในภายหลัง ซึ่งตัวหนังนั้น เป็นการนำเอาเรื่องราวจากมังงะ-อนิเมภาคหลัก มาตัดต่อกันเป็นหนังชุดเดียว ที่ทำให้เราได้รู้จักกับคาแร็คเตอร์ของไฮบาระ กับ แก๊งชุดดำ มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในบ้านเรา ก็มีดราม่าเล็กๆ เกิดขึ้นกับ Episode of Ai Haibara จากการที่ทางอฟช. ตัดสินใจเปลี่ยนผู้ให้เสียงพากย์ไทยของไฮบาระ จากน้าเปียก วิภาดา จตุยศพร ที่พากย์บทนี้มานาน มาเป็น คุณแป้ง zbingz แทน ซึ่งนำไปสู่ฟีดแบ็คความไม่พอใจในหมู่แฟนโคนันชาวไทย ที่ยังคงคุ้นชินกับเสียงพากย์เดิม ซึ่งเข้าถึงคาแร็คเตอร์ของไฮบาระมากกว่า จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตาม ทางอฟช.ของญี่ปุ่น รวมถึง บริษัทนำเข้าหนัง ได้รับฟังฟีดแบ็คจากแฟนๆ ส่งผลทำให้ น้าเปียก กลับมาพากย์เสียงเป็นไฮบาระตามเดิม ในหนังมฤตยูใต้น้ำทมิฬ ฉบับพากย์ไทย รวมถึง Episode of Ai Haibara ที่มีการฉายสตรีมบนแอพ Flixer ในเวลาต่อมา

และจากการมาของ มฤตยูใต้น้ำทมิฬ ที่ทำให้หนังจอเงินของโคนันทะลุหลักไมล์ หมื่นล้านเยน แม้จะเป็นการย่างก้าวที่ใช้เวลานานอยู่พอสมควร ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า หนังภาคถัดไปของโคนัน The Million Dollar Signpost ที่ได้ ฮัตโตริ เฮย์จิ มาเป็นตัวละครชูโรงประจำหนัง คู่กับ จอมโจรคิด (ที่กลับมาเป็นตัวเอกภาคมูฟวี่ รอบที่ล้านแปด) จะช่วยรักษาโมเมนตั้มหนังของโคนัน ให้ทะลุหมื่นล้านเยน เป็นภาคที่สอง ติดต่อกัน ได้หรือไม่? หากทำได้ ถือเป็นของขวัญล้ำค่า เป็นการฉลองครบรอบ 30 ปี ของมังงะต้นฉบับของโคนัน ในปี 2024 นี้!!

 





# The Boy and the Heron : หนังอนิเมสื่อการคัมแบ็ค กับ อนาคต ของ Hayao Miyazaki

 The Boy and the Heron

Hayao Miyazaki ยอดผกก.หนังอนิเมแห่ง Studio Ghibli ได้หวนคืนสู่การทำหนังอนิเมที่เขารักอีกหน หลังจากหนัง The Wind Rises ฉายไปเมื่อปี 2013 กับ The Boy and the Heron เด็กชายกับนกกระสา โปรเจ็คหนังอนิเมที่เขาได้เตรียมการมานาน ตั้งแต่ปี 2016 นู่น ซึ่งดัดแปลงมาจาก Kimi-tachi wa Dō Ikiru ka (How Do You Live?) ผลงานนิยายของ Genzaburo Yoshino ที่ได้นำเสนอเกี่ยวกับแนวคิดการตามหาตัวตน คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ซึ่งในอนิเมดังกล่าวได้นำเสนอผ่านทางตัวละคร เด็กชาย กับ นกกระสา ตามชื่อเรื่อง

และด้วยสังขารปัจจุบันของ Miyazaki ประกอบกับเกิดช่วงวิกฤตโควิด ทำให้หนังชุดนี้ดำเนินการจัดทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป กว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมฉาย ก็คือวันที่ 14 ก.ค. 2023 ที่ผ่านมา แม้ว่าตัวหนังชุดนี้ จะเป็นหนังเรื่องแรกของ Ghibli ที่ได้ฉายบนโรงหนัง IMAX ของญี่ปุ่น พร้อมกับโรงหนังปกติ ถึงกระนั้น ก่อนที่หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายนั้น กลับไม่มีการโปรโมทใดๆจากทาง Ghibli เลย ทั้งในส่วนของโปสเตอร์ , เทรลเลอร์ ทีเซอร์หนัง หรือ โฆษณาทางสื่อต่างๆ แม้กระทั่งข้อมูลเกี่ยวกับทีมงาน กับ นักพากย์ของหนัง ก็ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา ซึ่งก็ทำเอา Miyazaki รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก กับกลยุทธ์นี้ ที่มาจากไอเดียของ Toshio Suzuki ผู้ร่วมก่อตั้ง Ghibli ที่หวนคืนสู่ตำแหน่งประธานสตูดิโอแห่งนี้อีกครั้ง เมื่อต้นปี 2023

แม้จะเป็นไอเดียแสนพิลึกพิลั่นที่มาจาก Suzuki เพื่อนรักของเขา แต่ชื่อของ Miyazaki รวมถึง Ghibli ยังคงขายได้เสมอ ซึ่งหลังจากตัวหนังได้เข้าฉายบนโรงช่วงสุดสัปดาห์แรก ก็สามารถเปิดตัวครั้งแรกด้วยอันดับ 1 Box Office ญี่ปุ่น พร้อมพกสถิติ หนังที่ทำรายได้เปิดตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Ghibi ด้วยรายได้ 1.8 พันล้านเยน ในช่วงสุดสัปดาห์แรก ก่อนจะกวาดรายได้ในญี่ปุ่นรวมกันถึง 8.66 พันล้านเยน ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2023

ขณะเดียวกัน ตัวหนังยังสามารถสร้างสถิติใหม่ยังนอกญี่ปุ่น จากการที่ตัวหนังเรื่องนี้ เป็นหนังอนิเมของ Miyazaki เรื่องแรก ที่สามารถรั้งอันดับ 1 บน Box Office อเมริกาเหนือ อีกทั้ง ยังเป็นหนังอนิเมออริจินอลเรื่องแรกของญี่ปุ่น ที่รั้งอันดับ 1 บน Box Office อเมริกาเหนือ เช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น ตัวหนังยังสามารถกวาดรางวัลชนะเลิศจากเวทีรางวัลต่างประเทศมากมาย รวมถึง ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 81 ถึง 2 สาขารางวัล ด้วยกัน (ภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม และ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม)


จากการมาของหนังชุดนี้เอง ก็ทำให้มีแฟนๆหลายภาคส่วน ต่างตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตต่อจากนี้ไปของ Miyazaki จากการที่อายุกับสังขารในปัจจุบันของเขา ก็ล่วงเลยถึงวัย 82 ปี เข้าแล้ว ซึ่งหากใครที่ติดตามข่าวของผกก.ท่านนี้มานาน ก็จะพบว่า Miyazaki ผู้นี้ มักชอบประกาศวางมือจากการทำหนัง มาตั้งหลายครั้งหลายครา หลังจาก ผลงานหนังอนิเมของเขาออกสู่สายตาแฟนๆ ซึ่งรวมถึง Princess Mononoke, Spirited Away จนถึง The Wind Rises ด้วย แต่จนแล้วจนรอด เขามักจะกลับคำพูดตัวเอง ด้วยการทำหนังเรื่องใหม่ทุกครา (และด้วยความกลับลำของเขา ก็มักถูกแฟนๆบางส่วนแซวยับตามมา จนถึงทุกวันนี้)

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการประกาศรีไทร์จาก Miyazaki ใดๆ หลังจาก The Boy and the Heron ฉายไป ประกอบกับ ฝ่าย PR ของ Ghibli ได้ยืนยัน ณ งานเทศกาลหนังงานหนึ่งที่แคนาดา ว่า The Boy and the Heron ยังไม่ใช่หนังเรื่องสุดท้ายของ Miyazaki และตัว Miyazaki เอง ยังคงมาทำงานที่ออฟฟิศพร้อมกับนำเสนอไอเดียใหม่ๆแล้ว ซึ่งก็ต้องติดตามอนาคตของเขากันต่อไปตามระเบียบ ซึ่งรวมไปถึง อนาคตของ Ghibli ภายใต้การบริหารของ NTV / Nippon TV ที่เข้ามาซื้อกิจการของสตูดิโอ เป็นที่เรียบร้อย แล้วเช่นกัน




# The First Slam Dunk - หนังอนิเมฉบับเติมเต็มความฟินของแฟนๆมังงะซีรี่ย์ยัดห่วง

The First Slam Dunk

Slam Dunk ผลงานการ์ตูนบาสเก็ตบอลเรื่องดังของ อ.Takehiko Inoue ที่ได้โลดแล่นบนหน้ากระดาษนิตยสาร Shonen Jump ช่วงปี 1990-1996 ก่อนจะถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมทีวี ในช่วงปี 1993-1996 ซึ่งก็ได้รับความนิยมในหมู่คอการ์ตูนผู้โตมากับยุค 90 ไปตามๆกัน เสียแต่ว่า ฉบับอนิเมทีวี ดันทำออกมาอย่างค้างคา ตัดจบตรงฉาก พวกนักบาส Shohoku ออกเดินทางไปแข่งทัวร์นาเม้นท์ Inter-High เท่านั้น ซึ่งก็ทำเอาแฟนๆหลายต่อหลายคน ต่างรอลุ้นรอคอย ให้ Slam Dunk จัดทำอนิเมต่อไป จนถึง ตอนจบของมังงะต้นฉบับ

และแล้ว การรอคอยยาวนานกว่า 26 ปี ของแฟนๆ Slam Dunk ได้สิ้นสุดลง จากการที่เรื่องนี้มีการจัดทำหนังอนิเมชุดใหม่ ในชื่อว่า The First Slam Dunk ที่ฉายบนโรงทั่วญี่ปุ่น เมื่อ ธ.ค. 2022 ซึ่งได้ อ.Inoue ลงมาดูแลงานด้วยตัวเอง ในฐานะผกก. กับ ผู้เขียนบท พร้อมกับมีการจัดทำภาพให้มีความทันสมัยขึ้น ผสมผสานกับเทคโนโลยีกราฟิก 3D เข้าไป ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อหาของหนัง ก็ได้หยิบเอาช่วงการแข่งขันระหว่าง Shohoku กับ Sannoh ซึ่งเป็นเนื้อหาช่วงท้ายของมังงะต้นฉบับ มาดัดแปลง โดยนำเสนอผ่านมุมมองของตัวละคร Miyagi Ryota แห่ง Shohoku

จากการได้ อ.Inoue ลงมือมาทำหนังเรื่องนี้เอง ประกอบกับนำเอาเนื้อหาที่แฟนๆว้อน อยากเห็น อยากสัมผัสในรูปแบบอนิเมมานานแล้ว มาทำ ก็ทำให้ตัวหนังมีกระแสการตอบรับที่ดีทั้ง คอการ์ตูนรุ่นเก่า และ ใหม่ ซะจนทำให้ ตัวหนังสามารถครองอันดับ 1 บน Box Office ญี่ปุ่น ได้ถึง 8 สัปดาห์ติดต่อกัน ก่อนจะปิดจ๊อบจากการฉายในญี่ปุ่นที่ 15.73 พันล้านเยน เมื่อ 31 ส.ค. 2023 ซึ่งเป็นสถิติหนังรายได้สูงสุดอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ประจำปี 2023 ขณะเดียวกัน ตัวหนังยังสามารถรั้งอันดับ 1 บน Box Office เกาหลีใต้ ได้ถึง 2 สัปดาห์ และติดทำเนียบ 100 อันดับ หนังรายได้สูงสุดตลอดกาลของแดนกิมจิ อีกด้วย ซึ่งรายได้ของหนังชุดนี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ Toei Animation ทุบสถิติรายได้ Box Office สูงสุดของพวกเขา ในปี 2022 และเป็นหนังเรื่องที่ 2 ของสตูดิโอที่สามารถกวาดรายได้ในญี่ปุ่นมากกว่า 1 หมื่นล้านเยน ต่อจาก One Piece Film Red

นอกเหนือจากตัวหนังจะประสบความสำเร็จด้านรายได้แล้ว ด้านเกียรติยศก็ดีเด่นไม่แพ้กัน จากการที่ตัวหนังสามารถคว้ารางวัลอนิเมชั่นแห่งปี จากเวที Japan Academy Film Prize ครั้งที่ 46 รวมถึง อ.Inoue ยังสามารถพาเรื่องนี้คว้ารางวัล Fujimoto Film Award ในฐานะผกก.หนัง อีกด้วย

จากกระแสความปังของหนังชุดนี้เอง ก็ส่งผลทำให้มังงะต้นฉบับของ Slam Dunk กลับมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนสามารถรั้งอันดับที่ 6 มังงะซีรี่ย์ขายดีในญี่ปุ่นประจำปี 2023 ของ Oricon ได้อีกด้วย

และแน่นอนว่า จากกระแสของหนัง ก็ย่อมทำให้ สถานีรถไฟ Kamakura Kokomae ที่ตั้งอยู่ในเมือง Kamakura ซึ่งถูกใช้เป็นฉากหลังฟุตเทจเพลงเปิดอนิเมทีวีของ Slam Dunk กลายเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิดในหมู่นักท่องเที่ยว ที่อยากจะมาตามรอย ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บริเวณทางข้ามรางรถไฟที่ปรากฏในอนิเมซักครั้ง แต่จากการที่นักท่องเที่ยวพากันแห่มาอย่างหนาแน่น จนกลายเป็นการรบกวนผู้คนท้องถิ่น รวมถึง อาจเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ณ บริเวณสถานที่ดังกล่าว

Kamakura Kokomae Station





# สุดท้าย....ท้ายสุด (ของจริง) กับ อนิเม 'ผ่าพิภพไททัน'

Attack on Titan

ผ่าพิภพไททัน Attack on Titan ซีรี่ย์มังงะเรื่องดังของ อ.Hajime Isayama อันขึ้นชื่อว่า มีความเข้มข้นจัดทั้งเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างมนุษยชาติกับยักษ์ใหญ่ไททัน ไปจนถึง การแฝงประเด็นจิตใจด้านมืดของมนุษย์ ยันจนถึง ความขัดแย้งระหว่างการเมือง เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ บลาๆๆๆ โดยเรื่องราวของไททันได้จบสิ้นลงอย่างบริบูรณ์ กับมังงะต้นฉบับ เมื่อปี 2021 ในขณะที่ฉบับอนิเมนั้น แฟนๆได้มีโอกาสติดตามกันในช่วงที่เหลืออยู่ กับอนิเมซีซั่นสุดท้าย ที่ฉายมาตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งทางสตูดิโอ MAPPA ผู้มาสานต่อกับอนิเมชุดนี้ (ต่อจาก Wit Studio ที่จัดทำอนิเม 3 ซีซั่นแรกของไททัน) ก็จัดทำซีซั่นสุดท้ายออกมาแบบงอกพาร์ทออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นอนิเมซีซั่นสุดท้าย ที่ยังไม่ท้ายสุด ตามเพลงของพรี่ๆ Getsunova (แถมยังโดนแฟนๆนำมาแซวยับไปตามๆกัน)

จนในที่สุด ปี 2023 ที่ผ่านมา MAPPA ได้จัดทำอนิเมซีซั่นสุดท้ายของไททัน ซึ่งถือว่า เป็นการปิดฉากการต่อสู้บนจออย่าง "ซาซาเกโย" ของก๊วนหน่วยสำรวจไททัน ร่วม 10 ปี อย่างบริบูรณ์ กับ Attack on Titan Final Season THE FINAL CHAPTERS : Part 1 กับ Part 2 ที่ออกอากาศเมื่อเดือน มี.ค. 2023 กับ พ.ย. 2023 ตามลำดับ

โดยเฉพาะกับ Attack on Titan Final Season THE FINAL CHAPTERS : Part 2 ซึ่งเป็นพาร์ทจบของบทสุดท้ายของซีรี่ย์ไททันทั้งเรื่อง ของจริง กลายเป็นหัวข้อ Talk of the Town ที่ถูกพูดถึงของแฟนฟตลอดทั้งสัปดาห์ในช่วงเวลานั้น ไม่แพ้ตอนจบของมังงะต้นฉบับเลย ไม่ว่าจะเป็นซีนพสุธากัมปนาท ฉากทำลายล้าง ของกองทัพไททัน (ที่ต่อมา ถูกแฟนๆบ้านเราเอาซีนนี้มาล้อเลียนกัน ในช่วงที่มีข่าวถนนยุบกลางกทม.), จุดจบของเอเรน, ซีนเหงาๆท้ายเรื่องของมิคาสะ ยันฉากจบ (+ ปริศนาคู่ครองของมิคาสะ) รวมถึง มีมแจนด่าไรเนอร์ เรื่องไททันเกราะ เป็นต้น

แม้ว่าตอนจบของอนิเมไททัน จะมีความแตกต่างจากฉบับมังงะเล็กน้อย (ตามความต้องการของ อ.Isayama) แต่โดยรวมนั้น ก็มีฟีคแบ็คหลากหลายในหมู่แฟนๆ พอๆกับตอนจบของมังงะต้นฉบับ ในช่วงนั้น

ซึ่งการมาของตอนจบของอนิเมไททัน ทำให้มังงะต้นฉบับ มีการเขียนใหม่เพิ่มเติมอีก 18 หน้า จัดทำในรูปแบบมังงะรวมเล่มที่ 35 ของ ไททัน (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของของแถมโบนัส ที่มากับ Attack On Titan Art Book: FLY หนังสือภาพชุดล่าสุด ของเรื่องนี้ ที่จัดทำแบบ limited)

อย่างไรก็ตาม ในอนิเม part 2 ของบทสุดท้ายไททัน ก็มีเบื้องหลังที่น่าสนใจ นั่นคือ ในฉากเสียงเด็กทารกที่กำลังร่ำร้องไห้อยู่นั้น แท้จริงแล้ว เป็นเสียงทายาทตัวน้อยของ Yuuki Kaji ผู้พากย์เสียงเป็น Eren ในอนิเมไททัน กับ นักพากย์สาว Ayana Taketatsu นั่นเอง




# Gojou Satoru ตัวละครผู้สร้างความสั่นไหวในหมู่ชาวโลกแห่งปี

(มีสปอยเนื้อเรื่องมังงะ)

Gojou Satoru

สรุปข่าวการ์ตูนประจำปี 2023 ได้ดำเนินต่อไป จนมาถึงเรื่องราวของ Gojou Satoru / โกะโจ ซาโตรุ ตัวละครหนุ่มสุดเท่ห์-เทพ ขวัญใจบรรดาแฟนๆ (โดยเฉพาะเหล่าแฟนเกิร์ล) ของ Jujutsu Kaisen มหาเวทย์ผนึกมาร กลายเป็นตัวละครการ์ตูน-อนิเม ที่สร้างความรีแอ็คในหมู่แฟนๆทั่วโลกมากที่สุด ในรอบปีกระต่ายที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ การกลับมาปรากฏตัวของเขาในมังงะภาคหลัก ยันจนถึง ซีนสะเทือนใจแฟนๆ ทั้งมังงะ แล้วก็ อนิเม ซึ่งทุกอย่างนี้ ก็เกิดขึ้นในปีเดียวกันทั้งหมด!!!!!

ก่อนที่ อ.โกะโจ จะคัมแบ็คคืนสู่มังงะภาคหลัก ในตอนที่ 221 นั้น เขามักถูกแฟนๆต่างถามหามาโดยตลอด ว่า จะโผล่หน้าในมังงะหลักเมื่อไหร่ นับตั้งแต่ถูกปิดผนึกไป ในตอนที่ 90 ซึ่งตรงกับเนื้อเรื่องบทอุบัติการชิบุยะ ในฉบับมังงะ จวบจนกระทั่งในที่สุด ชาวด้อม อ.โกะโจ ได้เฮลั่น เมื่อเป็นสักขีพยานในการต้อนรับ การกลับมาครั้งแรกในรอบ 3 ปี ในมังงะตอนหลักของเขา ซึ่งหลังจากการมา นักสู้ไสยเวทผมสีเงินผู้นี้ ก็ไม่รีรอที่จะเปิดศึกหนักกับ สึคุนะ ศัตรูตัวฉกาจ อย่างทันทีทันใด พร้อมพกพาสีหน้ามั่นใจแก่บรรดาพรรคพวกของเขา รวมถึงแฟนๆว่า ศึกการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะไม่แพ้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม จากบทสรุปการต่อสู้ของเขาที่เกิดขึ้น ในตอนที่ 236 ของมหาเวทย์ฯ ได้สร้างความช็อคให้แก่บรรดาแฟนๆเรื่องนี้ไปทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับ เนื้อหาของอนิเมซีซั่น 2 ของมหาเวทย์ฯ ที่นำเสนอฉาก อ.โกะโจ ถูกปิดผนึก เข้าพอดี ซึ่งกลายเป็นการขยี้จิตใจชาวด้อม อ.โกะโจ อย่างไม่ปราณีกันต่อเนื่อง ทั้งมังงะ อนิเม ภายในสัปดาห์เดียวกัน อันนำไปสู่ความเศร้าในหมู่สาวๆชาวด้อม เท่านั้นไม่พอ มีรายงานว่า ได้มีการจัดพิธีอำลาอาลัยเขากันตามสถานที่ต่างๆ ในหมู่แฟนคลับต่างประเทศด้วย

ซึ่งผลพวกหลังจากมังงะมหาเวทย์ฯ ตอนที่ 236 เผยแพร่ออกไป นอกจากจะเต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าแล้ว ยังมาพร้อมกับอารมณ์เกรี้ยวกราดอย่างเดือดๆ ไม่สบอารมณ์ของแฟนๆอีกส่วนหนึ่งเช่นกัน พร้อมกับตั้งคำถามถึง อ.Gege Akutami ผู้แต่งมังงะเรื่องนี้ เกี่ยวกับการตัดสินใจให้เขาต้องมารับชะตากรรมเยี่ยงนี้ (ไม่รู้ว่า แฟนๆต่างประเทศมีการถามหาบ้านเลขที่ของ อ.Akutami หรือเปล่า?) ซึ่งอย่าว่าแต่แฟนๆ ที่มีรีแอคชั่นหลากอารมณ์จากตอนดังกล่าวเลย อ.Kenjiro Hata ผู้แต่งมังงะ Tonikaku Kawaii จะยังไงภรรยาของผมก็น่ารัก ก็มีรีแอ็คที่เล่นใหญ่ใช้ได้เช่นกัน จากการที่เขารู้สึกหมดไฟ หลังอ่านมหาเวทย์ฯ ตอนดังกล่าว ซะจนหยุดเขียนมังงะ Tonikawa ไปซะดื้อๆ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม!!
(สำหรับใครที่ติดตาม อ.Hata มานาน ก็คงจะพอทราบว่า อ.ท่านนี้ เป็นสายชอบปั่นชาวบ้านจริงๆ)

สำหรับเรื่องราวต่อจากนี้ หลัง อ.โกะโจ ไม่มีบทบาทอีกต่อไป(มั้ง !?) ทำให้ อิตาโดริ ยูจิ ลูกศิษย์เอกของ อ.โกะโจ กับ พรรคพวกนักสู้ไสยเวทที่เหลืออยู่ กลายเป็นความหวังสุดท้ายในการกำจัด สึคุนะ กับเหล่าวิญญาณคำสาปทั้งปวง เพื่อคืนความสงบสุขให้แก่ชาวโลกอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เรื่องราวของมังงะ มหาเวทย์ฯ จะเคลียร์จนจบภายในปี 2024 ตามที่ อ.Akutami ได้วางเป้า หรือไม่?


สีหน้าแสดงความมั่นใจของ อ.โกะโจ ที่จะไม่แพ้ สึคุนะ .....ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นมีมไปซะแล้ว

Gojou Satoru#2



   # 'นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์' : หนังอนิเมชั่นไทย ยังต้องพิสูจน์การก้าวข้ามอุปสรรคแบบเดิมๆ

Mantra Warrior

หนังอนิเมชั่นฝีมือคนไทย ได้ห่างหายจากโรงใหญ่มาเนิ่นนาน ราว 5 ปี นับจาก 9 ศาตรา กับ ครุฑ มหายุทธ หิมพานต์ ที่เข้าฉายไล่เลี่ยกัน เมื่อปี 2018 และแล้วในที่สุด ก็มีหนังอนิเมชั่นไทยออกสู่สายตาผู้ชมบนโรงภาพยนตร์อีกครั้ง กับ นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ ผลงานของ RiFF Studio สตูดิโออนิเมชั่นผู้เคยมีผลงานทำฟุตเทจอนิเมชั่น ประกอบภาพยนตร์เรื่ิอง เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ มาแล้ว

ผลงานหนังชุดนี้ จัดเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น 3DCG แนวแอ็คชั่น-ไซไฟสัญชาติไทยเรื่องแรก ที่ทาง RiFF ได้ซุ่มทำมานาน โดยได้เอาเค้าโครงวรรณคดีรามเกียรติ์ มาดัดแปลงให้ทันสมัย กลายเป็นแนวไซไฟ-หุ่นยนต์เมกะ ซูเปอร์โรบ็อต ซึ่งแต่เดิมใช้ชื่อเรื่องว่า หนุมานนักรบมนตรา ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อกลายเป็น นักรบมนตรา ในหนังฉบับเต็ม ซึ่งหยิบเอาเนื้อเรื่องในช่วงทศกัณฐ์ลักพาตัวนางสีดา จนนำไปสู่การต่อสู้กันระหว่าง ทหารเอกของพระราม นำโดย วายุ - เวฬา (ซึ่งต่อมาเป็น หนุมาน กับ นิลพัท) กับ ราชาพาลี มาดัดแปลง

โดยหนังอนิเมชั่นชุดนี้ เข้าฉายบนโรงบ้านเรา เมื่อเดือน ต.ค. 2023 แม้ว่าจะได้ JAM (Japan Anime Thailand Movie) มาช่วยในเรื่องของการโปรโมทภาพยนตร์ ประกอบกับได้นักพากย์สายอนิเมมากประสบการณ์ทั้งรุ่นเก่า-ใหม่ มาร่วมพากย์อย่างคับคั่ง รวมถึง ได้เซเลป นักแสดง กับ นักร้อง อย่าง คุณเบลล่า-ราณี แคมเปน กับ คุณเก่ง ธชย ประทุมวรรณ มาร่วมพากย์รับรับเชิญให้กับหนังเรื่องนี้ด้วย (ในบทของ นางสีดา กับ เวสสุวรรณ ตามลำดับ) แต่กลับกลายเป็นว่า ตัวหนังไม่ประสบความสำเร็จในแง่รายได้ซักเท่าไหร่ (ช่วงเวลาที่หนังออกฉาย ก็ดันไปชนกับ หนังไทยที่ทำเงินหลายร้อยล้านอย่าง สัปเหร่อ , ธี่หยด และ เพื่อน(ไม่)สนิท เข้าจังๆ)

ในส่วนฟีดแบ็คของหนัง ก็มีผสมผสานกันทั้งบวก กับ ลบ โดยฟีดแบ็คบวก มองว่า มีการนำเสนอที่ทันสมัยขึ้น, เนื้อเรื่องหักมุมอยู่นิดๆ, กราฟิกดี , งานพากย์ OK - ทีมพากย์มีความตั้งใจทำงานกันดี
ส่วนฟีคแบ็คลบ ก็คงหนีไม่พ้น ความที่ตัวหนังยังไม่มูฟออนกับวรรณกรรม-วรรณคดีไทย ซะจนรู้สึกไม่ดึงดูดในสายตาของบางคน รวมไปถึง บทหนัง ที่ยังคงเป็นจุดอ่อนของหนังอนิเมชั่นไทย ทุกยุคทุกสมัย ซึ่งหากว่ากันตามตรง ตัวบทหนังยังสามารถใส่ให้มันแน่นขึ้นกว่านี้ได้อีก

จากข้างต้น ก็พอที่จะสรุปคร่าวๆว่า อนิเมชั่นไทย หากจะให้เป็นที่ยอมรับให้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้นั้น ก็คงต้องปรับหลายๆอย่าง ทั้งในแง่การนำเสนอ , การรู้จักประยุกต์ , การนำเอา soft power ที่บ้านเราพยายามโปรโมท มาแฝงไว้อย่างเนียนๆ ไม่ล้นจนเกินไป , แล้วก็เรื่องของบทหนัง ที่ต้องจัดทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
ซึ่งอย่าว่าแต่ทีมงานสต๊าฟจะต้องปรับปรุงอยู่ฝั่งเดียวเลย คนดูอย่างเราๆ ก็ต้องยอมเปิดใจให้ด้วย อย่าสักแต่ใช้ความอคติมาครอบงำอย่างเดียว....เพราะอย่าลืมว่า กว่าที่อนิเมญี่ปุ่นจะได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกนั้น ก็ต้องผ่านอุปสรรคมาเยอะเหมือนกัน แล้วก็นะ... เรื่องราวของอนิเมญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งนั้น ต่างอ้างอิง หรือ ดัดแปลงมาจาก นิทาน กับ เรื่องเล่าพื้นบ้านของเขา ด้วยเช่นกัน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังภาคต่อของเรื่องนี้ จะนำเอาข้อบกพร่องจากหนังภาคแรกมาปรับปรุงใหม่ ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นยิ่งกว่านี้ (แต่ในใจจริง เชียร์ให้ทำเป็นซีรี่ย์ลง Streaming ดีกว่า)

 

นอกจาก นักรบมนตรา แล้ว ในปี 2023 นี้ ยังมีผลงานอนิเมชั่นจากสตูดิโอไทยอีกเรื่อง กับ My Daemon / ดีมอนของผม ที่สตรีมมิ่งบน Netflix เมื่อเดือน พ.ย. 2023 ซึ่งอนิเมชั่นดังกล่าวจัดทำโดย Igloo Studio สตูดิโอผู้สร้าง 9 ศาตรา ร่วมมือกับสต๊าฟคนเขียนบทชาวญี่ปุ่น ซึ่งฟีดแบ็คของอนิเมชั่นชุดนี้ ส่วนใหญ่ออกมาในทางบวก จนนำไปสู่ข่าวดีของวงการอนิเมชั่นไทย จากการที่ Igloo ได้สตูดิโอ Toho ของญี่ปุ่น เข้ามาถือครองหุ้น ก่อนส่งท้ายปี 2023




#AI เทรนด์การสร้างสรรค์แห่งปี ที่ต้องคอยรับมือกับปัญหาตามมา

VIVY
ภาพประกอบจากอนิเม VIVY ซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยตรง โดยเป็นภาพที่เจนมาจากแอพ Yodayo

รอบปี 2023 ที่ผ่านมา ได้มีเทรนด์การจัดทำผลงานการ์ตูนที่ทันสมัยขึ้นเข้ากับการใช้ชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบัน ที่ถูกเทคโนโลยีสมัยใหม่รายล้อม นอกจาก การ์ตูน/มังงะ ฟอร์แมต เว็บตูน ที่กำลังผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด จากฝั่งเกาหลี , ฝั่งญี่ปุ่น รวมถึง แอพเผยแพร่มังงะลิขสิทธิ์ที่ได้อ่านตอนใหม่ล่าสุดทันกับญี่ปุ่น ซึ่งมีการแข่งขันอย่างดุเดือด (ในแง่โปรโมชั่นค่า subscribe)

อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้น และเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่บรรดาผู้สร้างสรรค์ผลงานมากยิ่งขึ้น นั่นคือ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่นับวันมีความล้ำมากขึ้น สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ หรือ ผลงานต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้ ในแขนงต่างๆ เช่น ภาพวาด , ภาพถ่าย, ตัดแต่งรูปภาพ, อนิเมชั่น , ภาพ 3 มิติ , การจำลองเสียง การพากย์เสียง เป็นต้น รวมถึง ยังเป็นตัวช่วยในการนำเสนอไอเดีย ข้อมูลต่างๆ อย่างเช่น ChatGPT เป็นต้น

ในรอบปีที่ผ่านมา มีข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการนำเอา AI มาประยุกต์ในการสร้างสรรค์ผลงานการ์ตูนต่างๆ อาทิ

- มังงะใหม่ฉลองครบรอบ 50 ปี ของ Black Jack ที่ผสมผสานเรื่องราวที่ถูกสร้างสรรค์โดย มนุษย์ กับ AI

- Cyberpunk Momotarō ผลงานมังงะ ที่ใช้ Midjourney AI วาดภาพ 100%

- Sony Music Entertainment ได้เปิดตัวแอพวรรณกรรม YOMIBITO Plus ที่มีการใส่เสียงอ่าน ซึ่งสังเคราะเสียงจากนักพากย์ญี่ปุ่นจำนวน 3 คน

- กลุ่ม บก. Shonen Jump+ ร่วมพัฒนา AI ในการช่วยเขียนมังงะ

- เช่นเดียวกันกับ อ.Eiichiro Oda เปิดเผยว่า เคยลองเล่น ChatGPT ในช่วยคิดไอเดียในการเขียนมังงะ One Piece

- แอพ Loopsie ที่สามารถเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพอนิเม ซึ่งมีกระแสนิยมในบ้านเรา ช่วงระยะเวลาสั้นๆ

 

จากการที่เทคโนโลยี AI ทุกวันนี้ มีขีดความสามารถด้านการสร้างสรรค์ที่ใกล้เคียงกับมากขึ้นในทุกวัน แน่นอนล่ะว่า ย่อมทำให้บรรดากลุ่มคนที่ประกอบอาชีพในการสร้างสรรค์ผลงาน ต่างรู้สึกเป็นกังวลว่า AI อาจมาแย่งงานไปจากพวกเขาในอนาคต ประกอบกับ มีการนำเอา AI ไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด อย่างเกินเลย ด้วยเช่นกัน จนนำไปสู่ประเด็นต่างๆ ที่ทำให้กลุ่มผู้สร้างต้องมาเรียกร้อง ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตนเอง กับ ผลงานตัวเอง อย่างเช่น :

- สมาคมนักพากย์กับนักดนตรีฟรีแลนซ์ของญี่ปุ่น ได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากอิทธิพล AI โดยยื่นคำร้องถึงหน่วยงานด้านวัฒนธรรม และ องค์กรที่เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้งกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของพวกเขาให้เข้มงวดยิ่งขึ้น

- เว็บไซต์ชุมชนครีเอเตอร์ DLsite, Ci-en, pixiv FANBOX, Fantia รวมหัวระงับผลงาน หรือ คอนเท้นต์ที่สร้างสรรค์จาก AI

- กลุ่ม สว.สหรัฐ จำนวนหนึ่ง เตรียมเสนอร่างกฎหมาย ห้ามใช้ AI ในการจำลองเสียง ,จำลองรูปโฉม แบบดิจิตอล ที่มาจากบุคคล โดยไม่ได้รับการยินยอม ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่มีคนนำ AI ไปเลียนแบบเสียง-คำพูดจากดารานักร้องดัง จนเกิด Fake News หรือ โฆษณาชวนเชื่อตามมา

- จากการที่ AI มีอิทธิพลในงานต่างๆมากขึ้น ซึ่งนั่นก็กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุ ทำให้เกิดเหตุประท้วงของคนเขียนบท-นักแสดงฮอลลิวู้ด จากสหภาพแรงงาน SAG-AFTRA ที่กินเวลานานหลายเดือน รวมถึง ผู้บริหารของ Cartoon Network และ Warner Bros. ออกโรงคัดค้านการใช้ AI เช่นกัน

- Singwahamkke Dol-aon Gisawangnim (The Knight King Who Returned with a God) ผลงานมันฮวาของเกาหลีใต้ ถูกจับได้ว่า ใช้ AI ในการสร้างสรรค์งานภาพ แถมยังไปลอกลายเส้นจากอนิเม Mushoku Tensei หรือ เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ ทุกกระเบียดนิ้ว

- มีการนำเอา AI ไปจำลองเสียงพากย์ไทย ใส่ลงในอนิเม ที่มีการอัพโหลดอย่างผิดกฎหมายบน bilibili จนทำให้นักพากย์อาชีพของบ้านเรา ต้องออกมาเตือนถึงพฤติกรรมดังกล่าว บนสื่อโซเชียล เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ก็มีบางเคส ที่ AI นั้น กลับทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้บริโภค ที่มีต่อตัวเจ้าของผลงาน ซะจน เจ้าของผลงานต้องออกมาเคลียร์ด้วยตนเอง ดั่งเช่น กรณีที่เกิดขึ้นกับ Rui Araizumi นักวาดภาพประกอบของนิยาย Slayer ที่ถูกแฟนๆส่วนหนึ่ง กล่าหาว่า ใช้ AI ในการสร้างสรรค์ผลงาน

 

กล่าวโดยสรุป แม้เทคโนโลยี AI จะได้รับความนิยมมากขึ้น มีความแอดวานซ์ขึ้น แต่จนแล้วจนรอด มันก็ไม่ได้สร้างผลงานที่ออกมาเพอร์เฟ็ค 100% อยู่ดี สุดท้ายแล้ว มนุษย์ก็ต้องเป็นผู้ลงมือจัดทำผลงานให้ออกมาลงตัวที่สุด ซึ่งมันตรงกับความพึงพอใจของผู้สร้างสรรค์ผลงานมากกว่า....

แต่ก็นั่นล่ะ ตามที่กล่าวมาข้างต้น AI เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ หากใช้งานได้ตรงจุด หรือ ใช้งานได้อย่างเหมาะสม แล้วก็ AI ย่อมทำให้เกิดโทษ หากใช้งานกันได้อย่างไม่เหมาะสม เช่นกัน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นจาก AI รวมถึงความพยายามในการปกป้องสิทธิ์ของกลุ่มผู้สร้าง ไม่ให้ AI มีอิทธิพลจนเกินไป ก็กลายเป็นโจทย์ที่บรรดาผู้เกี่ยวข้องต้องศึกษากันต่อไป....





# อาลัยแด่ผู้จากไป 2023

In Memorium 2023

ปิดท้ายสรุปข่าวการ์ตูนประจำปี ด้วยการรำลึกถึงบุคคลในวงการการ์ตูน ผู้ซึ่งสูญเสียชีวิตในรอบปี 2023 ที่ผ่านมา เราขอรำลึกถึงคุณงามความดี รวมไปถึง ผลงานของพวกเขาเหล่านี้ ที่เคยได้รังสรรค์ไว้ ในช่วงที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ :


Leiji Matsumoto - นักเขียนมังงะเจ้าของผลงานแนวไซไฟท่องอวกาศหลายต่อหลายเรื่อง ที่คอการ์ตูนรู้จักกันดี เช่น Captain Harlock, Galaxy Express 999, Queen Emeraldas รวมไปถึง ได้รับเครดิต ในฐานะผู้สร้างอนิเมซีรี่ย์เรื่อง Space Battleship Yamato (Star Blazers) ร่วมกับ Yoshinobu Nishizaki แล้วก็ เป็นผู้ออกแบบตัวละคร และ ดูแลโปรเจ็ค ให้กับ MV อนิเมชั่นของเพลงจากอัลบั้ม Discovery ของ Daft Punk ศิลปินดูโอ้แนว electronic pop ของฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาได้รับการตัดต่อกลายเป็นหนังอนิเมชุด INTERSTELLA 5555

Buichi Terasawa - ผู้แต่งมังงะต้นฉบับของ Cobra เห่าไฟสายฟ้า , นินจา Kabuto

Ryuuichi Sakamoto - นักแต่งเพลงคนดังชาวญี่ปุ่น เจ้าของรางวัล Academy Award (Oscar), Grammy, และลูกโลกทองคำ จากผลงานเพลงประกอบหนัง The Last Emperor จักรพรรดิโลกไม่ลืม รวมไปถึง เพลง-ดนตรีอนิเมญี่ปุ่น จากเรื่อง Ouritsu Uchuugun: Honneamise no Tsubasa (Royal Space Force: The Wings of Honneamise) , Annyeong, Tyrano: Yeong-wonhi, Hamkke (My TYRANO: Together, Forever), Nihon Chinbotsu 2020 (Japan Sinks: 2020) , Appleseed Saga Ex Machina เป็นต้น

Shinji Tanimura - นักร้อง/นักแต่งเพลง เจ้าของบทเพลง Subaru ที่โด่งดังไปทั่วโลก และเคยขับร้องเพลงประกอบอนิเมซีรี่ย์ Turn A Gundam ,เป็นผู้เขียนเนื้อเพลง และ ขับร้อง ให้หนังอนิเม Great Conquest: The Romance of Three Kingdoms รวมถึง เป็นผู้เขียนเนื้อเพลงประกอบอนิเม Sora No Otoshimono อลวนสุดป่วน นางฟ้าตัวยุ่ง อีกด้วย

 

Osamu Tezuka - ประธานบริหาร และ CEO ของ กลุ่มบริษัท Toei
(***Osamu Tezuka ผู้นี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรใดๆ กับ นักเขียนมังงะ ผู้แต่งเรื่อง Astro Boy / เจ้าหนูปรมาณู แต่อย่างใด***)

Maon Kurosaki - นักร้องสาวสายอนิซอง ผู้ขับร้องเพลงประกอบให้อนิเม Highschool of the Dead , Toaru Majutsu no Index II , Grisaia no Kajitsu (The Fruit of Grisaia), Jormungand: Perfect Order (Jormungand Season 2: Perfect Order), Drifters, Tokyo Ravens, และ Danganronpa 3: The End of Kibougamine Gakuen - Mirai-hen

Shouzou Iizuka - นักพากย์รุ่นเก๋า ผู้เป็นที่รู้จักในบทบาทของ Nappa จาก Dragon Ball Z

Takahiro Kimura - อนิเมเตอร์ ผู้ออกแบบตัวละคร ให้กับอนิเม Code Geass

Jiro Dan - นักแสดงจาก Return of Ultraman

Manabu Ishikawa - คนเขียนบทอนิเมจาก Fullmetal Alchemist รวมถึงรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับอนิเมทีวี Neon Genesis Evangelion กับ หนังอนิเม Rebuild of Evangelion 2 ภาคแรก

Yasunori Arai - สมาชิกตำแหน่งมือกลองของ BAAD วงดนตรีป๊อปร็อคของญี่ปุ่น เจ้าของบทเพลง Kimi ga Suki da to Sakebitai (I Want to Shout 'I Like You’) เพลงเปิดอนิเมทีวี Slam Dunk

Ippei Kuri - ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโออนิเม Tatsunoko Production

Nami Sano - นักเขียนมังงะ เจ้าของผลงานเรื่อง Sakamoto desu ga? หรือ เทพศาสตร์ ซากาโมโต้ และ Migi to Dali

Shunpei Maruyama - อดีตประธานของสตูดิโออนิเม Actas และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอนิเมมากมายหลายเรื่อง ในฐานะโปรดิวเซอร์ เช่น GIRLS und PANZER , Princess Principal , Nighthead Genesis, Kowarekake no Orgel, Mayo elle Otokonoko, Mazinkaiser SKL, Cyborg 009 Vs. Devilman, Regalia: The Three Sacred Stars, Long Riders!

Nizo Yamamoto - ผกก.ศิลป์คู่บุญของ Studio Ghibli เจ้าของสไตล์ภาพวาดก้อนเมฆบนท้องฟ้า อันเป็นเอกลักษณ์ ให้กับหนังอนิเมหลายเรื่อง

Miyuki Ichijou - นักพากย์หญิงประสบการณ์สูง เจ้าของเสียงพากย์ Jodie Starling จากยอดนักสืบจิ๋ว Conan

Hisaya Nakajo - ผู้แต่งมังงะ Hana Zakari no Kimi-tachi e (Hana-Kimi) หรือ สลับขั้วมาลุ้นรัก

Shōji Izumi - นักเขียนการ์ตูน เจ้าของผลงานเรื่อง Jan-Ken-Pon มังงะแก๊กสไตล์ yonkoma (หรือ 4 ช่องจบ) เรื่องยาวที่สุดในโลก ที่เขียนมายาวนานถึง 54 ปี โดยผลงานดังกล่าว ได้รับบันทึกสถิติลง Guinness Book ในฐานะเป็นมังงะแนวแก๊ก 4 ช่อง ที่มีจำนวนช่องรวมกันมากที่สุด มากกว่า 15,000 ช่อง ด้วยกัน เมื่อปี 2016

Yusuke Chiba - นักร้อง-นักแต่งเพลง ตำแหน่งมือกีตาร์ของ The Birthday เจ้าของเพลง LOVE ROCKETS เพลงประกอบหนังอนิเม The First Slam Dunk

Tsumugi - เจ้าหนูตะเภา ผู้พากย์เสียงเป็น Molcar ในซีรี่ย์อนิเมชั่น Pui Pui Molcar

 

Frank Agrama - ประธาน และ ผู้ก่อตั้ง Harmony Gold สตูดิโอผู้สร้าง Robotech อนิเมชั่นซีรี่ย์ ที่เป็นการนำเอาอนิเมญี่ปุ่นแนวหุ่นยนต์ไซไฟ 3 เรื่อง อย่าง The Super Dimension Fortress Macross , Super Dimension Cavalry Southern Cross และ Genesis Climber Mospeada มาตัดต่อให้เป็นเส้นเรื่องเดียวกัน และจากการมาของเรื่องนี้ นำไปสู่คดีพิพาทระหว่าง HG กับ Big West บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ Macross ในญี่ปุ่น ที่กินเวลามาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ก่อนที่ทั้ง 2 บริษัท จะเคลียร์ปัญหาลิขสิทธิ์ระหว่าง Robotech กับ Macross ได้สำเร็จ เมื่อปี 2021

James Kaposztas - แฟนคลับอนิเมชาวอเมริกัน ผู้ริเริ่มให้กำเนิดด้อมอนิเมของฝั่งตะวันตก และ ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้สร้าง Anime Music Video / AMV ชิ้นแรกของโลก จากการนำเอาฟุตเทจของอนิเม Star Blazers (หรือ Space Battleship Yamato เวอร์ชั่นออกอากาศในอเมริกา) มายำรวมกันกับเพลง "All You Need is Love" ของ The Beatles

ธนัท ตันอนุชิตติกุล - หรือ นัท การ์ตูนคลับ / นัท ช่อง 9 การ์ตูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท การ์ตูนคลับ มีเดีย จำกัด และ บริษัท เอฟฟ์ จำกัด , กรรมการบริหาร (Executive Director) บริษัท เอ็มอาร์ พอร์ตโฟลิโอ กรุ๊ป จำกัด และ ผู้อำนวยการหลักสูตร Cartoon Club Academy กับ Cartoon Club Digital Academy สถาบันฝึกอบรมการเป็นนักพากย์อนิเมในเครือการ์ตูนคลับ

อีกทั้ง เขายังเคยมีผลงานขับร้องเพลงประกอบอนิเมฉบับแปลไทยของ ดิจิม่อน และ การ์ตูนเรื่องอื่นๆ ที่เคยออกอากาศทางช่อง 9 Modern Nine ร่วมกับ ธนพ หรือ นพ การ์ตูนคลับ / ช่อง 9 การ์ตูน น้องชายของเขา


 

 


  นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนตลอดปี 2023 ซึ่งวงการการ์ตูนในปีงูใหญ่ หรือ มังกร จะก้าวไปในทิศทางไหนนั้น ต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไป
ขอให้ทุกคนจงมีแต่ความสุข ความโชคดี จะทำอะไรขอให้สมหวังตามที่ตั้งใจ แคล้วคลาดจากอุปสรรคต่างๆ ทั้งปวง ตลอดปี พ.ศ. ๒๕๖๗ .......

 


สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook , Facebook (เก่า)
หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ

free hit counter javascript