สรุปข่าววงการการ์ตูนประจำปี 2554 (2): สรุปเหตุการณ์สำคัญวงการการ์ตูนรอบปี |
ปี 2011 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ก็เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย ราวกับกระต่ายที่ตื่นตูมเสียจริง โดยเฉพาะกับความพิโรธของธรรมชาติ ที่ส่งภัยพิบัติธรรมชาติป่วนโลกใบนี้ไปทั่ว ทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ ที่ญี่ปุ่น จนถึง มหาอุทกภัยในบ้านเรา และ ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ฝั่งอาหรับได้เกิดกระแสลุกฮือโค่นอำนาจผู้นำที่ปกครองมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ กับ ลิเบีย ที่พอกัดดาฟี่ถูกโค่น เล่นเอาสะใจกันไปทั่วโลก ผิดกับทาง เกาหลีเหนือ ที่แม้จะเสียท่านผู้นำ คิม จองอิล ไป สถานการณ์ในประเทศเค้าก็คงไม่น่าจะต่างจากเดิมไปเท่าไหร่!? ในส่วนการเมืองภายในบ้านเรานั้น ปีนี้เราก็ได้นายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์บ้านเรา ที่พอได้รับตำแหน่งที เจอกับงานช้างทันทีทันใด!!!! อย่างไรก็ตาม จากความพยายามของรบ.ชุดนี้ กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วย"พี่ชายสุดที่รัก" กลับมา ก็ทำให้มีแนวโน้มเกิดสถานการณ์หวั่นเกรงว่าจะเกิดมหกรรมกีฬาสีครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้!!!!!! ในส่วนของข่าวคราวในวงการการ์ตูนก็เช่นเดียวกัน ในรอบปี 2011 นั้นต่างก็มีเรื่องดีและเรื่องร้ายปะปนกันไป จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปทบทวนกับข่าวคราวการ์ตูนเด็ดๆในปีที่ผ่านมากันอีกครั้งหนึ่งครับ โดยในตอนที่สองนี้ จะเน้นการสรุปเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูน ตลอดทั้งปี 2011 ขอเชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ ป.ล.หากนำข่าวไปใช้ หรือ เผยแพร่ที่อื่นๆ กรุณาใส่เครดิตให้กับเรา (kartoon-discovery.com) ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ เหตุการณ์ และ กระแสสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูน ตลอดปี พ.ศ.2554หน้ากากเสือคืนชีพ นำทีมดาราการ์ตูน บริจาคของแก่เด็กยากไร้
การที่เฮียหน้ากากเสือทยอยออกเดินสายแจกของให้กับบรรดาเด็กกำพร้าตามสถานสงเคราะห์ต่างๆทั่วญี่ปุ่นนี่เอง ก็ทำให้เกิดกระแสทำบุญกุศลแจกของให้คุณน้องคุณหนูทั่วประเทศญี่ปุ่น ตามกันไป โดยอ้างชื่อเป็นตัวการ์ตูนดังๆ เช่น โมโมทาโร่,ยาบุกิ โจ, อายานามิ เรย์,สึซึมิยะ ฮารุฮิ,ชินจัง,โดราเอมอน ฯลฯ และแน่นอนว่าการแจกจ่ายของของพวกเขาก็ให้บรรดาเด็กๆต่างมีความสุขไปตามๆกัน (แม้รู้ว่า คนที่ให้คือคนธรรมดาๆ ที่อ้างชื่อตัวการ์ตูน เท่านั้น) ถือเป็นของขวัญปีใหม่ส่งความสุขแก่แก่เหล่าเด็กกำพร้า ที่ทำให้พวกเขาได้ยืนหยัด ต่อสู้กับชีวิตอย่างแข็งขัน เยี่ยง นาโอโตะ หรือ หน้ากากเสือ ผู้นี้นี่เองงงง !!!!! ....และจากการเดินสายบริจาคสิ่งของแก่เด็กๆของเหล่าตัวการ์ตูนนี่เอง ก็เป็นสิ่งเตือนใจแก่เราๆท่านๆว่า หากมีทุนทรัพย์ หรือ กำลัง ไม่ว่าจะมากหรือน้อย หากมีโอกาส ก็ควรจะเสียสละ ทำบุญ ช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกทุกข์ยากกันเสียบ้าง นอกจากพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือแล้ว ตัวเราก็ยังได้รับความอิ่มเอมจิตใจ และ ได้บุญกุศล อีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม จากการเคลื่อนไหวออกไปบริจาคทำบุญของเฮียหน้ากากเสือครั้งนี้ ส่งผลให้ กระแสความนิยมของหน้ากากเสือ กลับมาอีกครั้ง เห็นได้จากยอดขายของฉบับรวมเล่มทั้ง 7 เล่ม ของเรื่องนี้ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเดิมที่ขายได้แค่ 1,500 เล่ม เพิ่มขึ้นพรวดเป็น 10,000 เล่ม ในช่วงต้นเดือน ม.ค. เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการปัดฝุ่นนำ หน้ากากเสือ ไปดัดแปลงเป็นหนังคนแสดงแบบไตรภาคด้วย และมีกำหนดออกฉายปี 2012 อนึ่ง หน้ากากเสือ เป็นผลงานดังสร้างชื่อของ อ.อิกกิ คาจิวาระ เรื่องราวของ นาโอโตะ ดาเตะ ชายหนุ่มจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผู้มีตัวตนบนสังเวียนผ้าใบ ในมาดของนักมวยปล้ำนาม หน้ากากเสือ ซึ่งแต่ก่อน เขาได้รับการฝึกฝนจาก"ถ้ำเสือ" กลายเป็นนักมวยปล้ำอธรรมผู้ชั่วร้าย ที่หามีใครหยุดยั้งได้ ทว่า วันหนึ่ง เขาได้พบกับเด็กกำพร้าผู้หนึ่งที่ชื่นชอบในตัวเขา และฝันอยากจะเป็นยอดนักมวยปล้ำแบบเขา ซึ่งนั่นกลายเป็นจุดเปลี่ยนของดาเตะ ทำให้เขาผันตัวกลายเป็นยอดนักมวยปล้ำธรรมะ คอยกำราบพวกถ้ำเสือ เป็นขวัญใจและเป็นที่รักของใครหลายคน ... จวบจนถึงปัจจุบันนี้.... ซึ่งฉบับอนิเมเรื่องนี้ ยังเป็นการสร้างชื่อของ น้าต๋อย เซ็มเบ้ ที่มาพร้อมกับ เทคนิค "พากย์นอกสคริปต์" อันแสนทึ่งในยุคนั้นด้วย
11 มี.ค. 2011 เป็นวันหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นได้จดจำกันไปชั่วชีวิต ซึ่งในยามเช้าพวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามปกติ แต่อยู่ดีๆ ความสุขของพวกเขากลับถูกทำลายหายไปอย่างพริบตา จากแรงสั่นสะเทือนใต้ท้องทะเลบริเวณภาคตะวันออกของญี่ปุ่น และด้วยความแรงสั่นสะเทือนราว 9 ริกเตอร์ ได้สร้างความเสียหายแก่ญี่ปุ่นฝั่งตะวันออกอย่างหนักหน่วง เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังถูกซ้ำเติมด้วยคลื่นยักษ์สึนามิ ที่เข้าไปซัดยังบริเวณใกล้เคียง พร้อมกับกลืนกินชีวิตและทรัพย์สินไปอย่างมหาศาล นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งที่รุนแรงที่สุดในญี่ปุ่นในรอบหลายปี พร้อมกับสูญเสียผู้คนอีกนับหมื่น โดย จ.มิยางิ,อิวาเตะ และ ฟุคุชิม่า คือ จังหวัดทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้มากที่สุด ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบต่อโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุคุชิม่า ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนทำให้ ชาวญี่ปุ่นบางส่วนมีไฟฟ้าไม่พอใช้, การคมนาคมไม่สะดวก แถมยังเกิดความเสี่ยงที่จะได้รับสารกัมมันตรังสีแพร่กระจายในบริเวณรอบๆอีกด้วย จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบไปทั่ววงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการการ์ตูน อนิเมญี่ปุ่น จนเกิดผลกระทบตามมา คือ การ์ตูน/อนิเม หลากหลายเรื่อง ต้องทยอยยกเลิกวางขาย/ออกฉาย หรือ เลื่อนวันฉาย เลื่อนวันออกวางจำหน่ายไป หรือ บางเรื่องต่อให้ออกฉายได้ จะต้องมีการตัดฉาก เปลี่ยนแปลงฉาก ที่สื่อถึงภัยพิบัติ เอาออกไปให้หมด ซึ่งทำให้การ์ตูนอย่าง Coppelion , Hakuryū Legend ที่ได้นำเสนอเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง ต่างเจอผลลัพธ์เต็มๆ โดยเฉพาะกับเรื่องหลังนั้น ถึงกับต้องตัดเนื้อเรื่องภาคโรงไฟฟ้าออกไปเลย ซึ่งก็รวมไปถึง นักเขียนการ์ตูนบางส่วนยังต้องขาดแคลนอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนการ์ตูนอีกด้วย นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำเอาคอการ์ตูนทั่วโลกถึงกับเป็นห่วงเป็นใยบรรดานักเขียนการ์ตูน คนวงการอนิเม นักพากย์ คนโปรด ถึงกับติดตามข่าวสารอัพเดทผ่าน twitter สื่อ social network กันพัลวัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็หายห่วง ปลอดภัยครบ 32 ดี จะมีแต่ ฮิโรชิ คาโคอิ โปรดิวเซอร์ และอนิเมเตอร์ โปรดิวเซอร์ Macross II เท่านั้น ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม อ.เอริ ทาเคนาชิ ผู้แต่ง Kannagi แม้จะอยู่รอดปลอดภัย แต่เมือง Shichigahama บ้านเกิดของเธอ และเป็นฉากต้นแบบของ Kannagi กลับได้รับความเสียหายอย่างหนักจากคลื่นยักษ์สึนามิ
จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง ก็ส่งผลให้งานอีเว้นต์การ์ตูนสองงานที่จ้องหน้ากันไม่ติด(จากกฎหมายควบคุมสื่อฉบับปรับปรุง) อย่าง Tokyo Animation Fair กับ Anime Content Expo พร้อมใจกันยกเลิก เป็นการยุติดราม่าที่มีมานานในชั่วขณะหนึ่ง แถมยังมีผลต่อยอดผู้เข้าชมงาน Comic Market ครั้งที่ 80 ด้วย ทว่า ผู้ว่า ชินทาโร่ อิชิฮาระ แห่งกรุงโตเกียว ก็มิวายปากเสีย บอกว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ เป็นการลงโทษจากสวรรค์อย่างสาสม ทำเอา ผกก.ยูทากะ ยามาโมโตะ ต้องออกมาตอบโต้อย่างรุนแรง แม้จะเป็นเหตุการณ์แสนเศร้าที่ชาวญี่ปุ่นจะรับไหว แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังได้รับธารน้ำใจหลั่งไหลจากคนวงการการ์ตูน , คนทุกสาขาอาชีพ และ แฟนการ์ตูนทั่วโลก เริ่มจาก บรรดานักเขียนการ์ตูนจากสนพ.ต่างๆ ในญี่ปุ่น คอยวาดภาพให้กำลังใจผู้ประสบภัย หรือ อนิเมบางเรื่อง ยังคงเดินหน้าออกฉายต่อไปในยามวิกฤติ หรือ บริษัทอนิเมบางแห่ง ได้จัดแคมเปญออกฉายอนิเมสดๆในพื้นที่ประสบภัย เพื่อปลอบขวัญแก่เหล่าเด็กๆ รวมถึง นักพากย์อเมริกันบางส่วน ได้ร่วมด้วยช่วยหาทุนช่วยเหลือญี่ปุ่นด้วย เป็นต้น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ก็คิดได้อีกแง่หนึ่งว่า เป็นการลงโทษของธรรมชาติ หลังจากมนุษย์ได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองในทุกๆวัน ทำให้มนุษย์จะต้องตระหนักว่า เราควรจะปกปักษ์รักษาธรรมชาติให้มีความสมดุลกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน รวมถึงต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรัดกุมและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากยิ่งขึ้นด้วย และที่สำคัญ จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ได้สะท้อนเห็นถึงความมีระเบียบวินัยของชาวญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษามารยาทในการต่อแถวเข้าคิวเสมอ รวมถึง ความสามัคคีของผู้คน ที่ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามทุกข์ยาก...... ฤทธิ์เดชน้องน้ำ(เหนือ) วงการการ์ตูนในไทยพากันอ่วมเช่นกัน
หลังจากที่นิวซีแลนด์ , ญี่ปุ่น หรือ ประเทศอื่นๆส่วนหนึ่ง ต่างเผชิญกับความพิโรธของธรรมชาติที่ได้จัดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่สร้างความเสียหายถ้วนหน้าแก่พวกเขาแล้ว ใครจะไปคาดคิดว่า ไทย และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ จะต้องเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาด้วย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสภาพอากาศของโลกค่อนข้างจะแปรรวนกว่าทุกปี มีลมพายุเข้าพัดพาแต่ละประเทศมากกว่าทุกปี จึงทำให้มีปริมาณน้ำฝนสูง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายๆพื้นที่ โดยเฉพาะที่ไทยนั้น จัดว่าเป็นมหาอุทกภัย ที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี โดยจุดเริ่มต้นนั้น เริ่มต้นที่ภาคใต้ของไทยก่อน จากนั้นก็มีพายุพัดเข้ามากอปรกับวางแผนการระบายน้ำผิดพลาดของผู้เกี่ยวข้องนั่นเอง ทำให้เขื่อนขนาดใหญ่ในเมืองไทย ไม่สามารถที่จะรองรับปริมาณน้ำได้ไหว และมวลน้ำที่ระบายออกเหล่านี้ก็ได้สร้างความเสียหายอย่างฉุดไม่อยู่ ทยอยเข้าท่วมพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคกลาง ยันปริมณฑล จนในที่สุดก็มาเยือนถึงพื้นที่บางส่วนของกทม. สร้างความหวาดผวาของชาวกทม.หลายต่อหลายคน แต่ยังดีที่กทม.ยังสามารถสกัดกั้นไว้ได้ทัน จนทำให้น้องน้ำไม่สามารถมาเยือนถึงกรุงเทพชั้นในได้ (แต่มิวายเกิดประเด็นที่สร้างความไม่พอใจแก่คนบางกลุ่มอีก) แถมยังช่วยให้วิกฤติอุทกภัยทยอยคลี่คลายลงไปตามลำดับด้วย และผลจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในไทยนั้น ได้ส่งผลกระทบไปในหลายวงการ โดยในส่วนของวงการการ์ตูนในบ้านเรานั้น สนพ.การ์ตูน และ บริษัทนำเข้าอนิเมในบ้านเรา ต่างก็ต้องวางแผนปรับเปลี่ยนตารางวางแผงการ์ตูน หรือ อนิเม กันวุ่น เพื่อรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากความไม่สะดวกในการขนส่งสินค้า ซึ่ง สนพ.บงกช กับ รักพิมพ์ นั้น คือ สนพ.การ์ตูนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนัก จนต้องปิดทำการชั่วคราว ไม่เพียงแค่นั้น อุทกภัยครั้งนี้ยังส่งผลต่อกิจกรรมงานการ์ตูนในบ้านเราหลายงาน ต้องทยอยเลื่อนวันจัดงานออกไปอีกด้วย อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้มีกลุ่มนิสิตนักศึกษาจำนวนหนึ่งได้จัดทำอนิเมชั่นเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุทกภัยที่เกิดขึ้น พร้อมกับ วิธีรับมือกับปัญหา จนเกิดคลิป "รู้สู้ Flood" ที่หลายคนให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก แถมอนิเมชั่นชุดนี้นำเสนออย่างเข้าใจง่าย จนหลายคนต่างก็จดจำไปกับ ปลาวาฬ พร้อมกับบรรดาตัวละครแสนน่ารักกันได้เป็นอย่างดี จากอุทกภัยที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวง ทำเอาผู้คนถึงกับมีอาการเศร้าโศกไปตามๆกัน อย่างไรก็ดีจากเหตุที่เกิดขึ้น ก็ได้มีน้ำใจจากประเทศต่างๆคอยหลั่งไหลช่วยเหลือ และให้กำลังใจผู้ประสบภัย ซึ่งหนึ่งในนั้น ยังรวมถึง Stan Lee ผู้ให้กำเนิดมาร์เวลฮีโร่ อย่าง Spider Man , X-Men ฯลฯ ได้อุตส่าห์ทำคลิปให้กำลังใจผู้ประสบภัยในเมืองไทยด้วย เช่นเดียวกับ นักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่น และ นักเขียนการ์ตูนเกาหลีบางส่วน ได้วาดภาพให้กำลังใจผู้ประสบภัยบ้านเราเช่นกัน
นอกจากความช่วยเหลือจากต่างประเทศแล้ว ผู้ประสบภัยยังได้รับน้ำใจอันล้นเหลือจากคนไทยด้วยกันเอง ที่มาจาก จิตอาสา,ทหาร,บริษัทห้างร้าน , ผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงนิสัยของคนไทยที่ยังคงมีน้ำใจดีงามอย่างสม่ำเสมอในยามตกทุกข์ได้ยาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ยังมีบางส่วนที่คอยขัดแข้งขัดขา ทะเลาะเบาะแว้ง กันเอง รวมถึงยังมีความไม่ชอบมาพากลในระหว่างการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย และสิ่งเหล่านี้ได้นำพาข้อเสียที่มากขึ้น และมีผลต่อการแก้ไขปัญหาที่ช้าลงกว่าเดิมอีกด้วย จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่จะทำให้คนในชาติรู้จักความสามัคคี ลดละความอคติ แล้วหันหน้าเข้าหากัน ร่วมมือรวมใจกันแก้ปัญหากันอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะทำให้ปัญหานี้คลี่คลายอย่างรวดเร็ว และ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข (พวกที่ชอบชักชวนเล่นกีฬาสีเนี่ย ขอทีเถอะนะ!!!!!)
Madoka Magica ปลุกกระแสสาวน้อยเวทมนตร์แสนดาร์ก อบอุ่นหัวใจ !? รอบปีที่ผ่านมา คออนิเมคงปฎิเสธไม่ได้ว่า Puella Magi Madoka Magica จะเป็นอนิเมที่มีกระแสการตอบรับดีที่สุดตลอดทั้งปีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่ มองผิวเผินแล้ว เรื่องนี้ดูยังไงๆ ก็เป็นการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์น่ารักสดใสธรรมดาๆ ที่ดูไม่น่าสนใจนัก (นอกจากคออนิเมสายสาวน้อยโมเอะ) ทว่าจากการที่เรื่องนี้ได้ผู้กำกับสุดแนวอย่าง อาคิยูกิ ชินโบ กับ มือเขียนบทระดับเทพ อย่าง เก็น อุโรบุจิ มาร่วมงาน จึงทำให้อนิเมสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องที่ใครต่อใครพูดถึง พร้อมกับอาการอบอุ่นจนปวดตับ ม้าม ไต ไปตามๆกัน!!!!!!!! ทำไมนะเหรอ!? ก็เพราะ เรื่องนี้ เป็นอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์ที่ให้ความรู้สึกแหวกแนว ไม่เหมือนกับอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องอื่นๆที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้จะเน้นนำเสนอความดาร์ก ความมืดมน เต็มไปด้วยฉากโหดร้าย สิ้นหวัง ซึ่งผิดวิสัยของการ์ตูนแนวนี้ที่มักเน้นความสดใสร่าเริงของสาวน้อยจอมเวทเป็นหลัก และจากความแนวของเรื่องนี้ จึงทำให้ใครหลายคน พากันติดงอมไปตามๆกัน และโดยเฉพาะตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ แม้ว่าจะเลื่อนออกฉายไป จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่มีผลต่อแฟนๆ ที่หลายคนต่างเฝ้าติดตามรอชมกันเป็นจำนวนมาก บางคนถึงขนาดนั่งรถข้ามเมืองไปชมตอนจบเรื่องนี้กันเลย จึงไม่แปลกใจที่เรื่องนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นอนิเมรอบดึกที่ทำเรตติ้งได้อย่างถล่มทลายสุดๆในช่วงนั้น จากกระแสความดังที่เกิดขึ้นของสาวน้อยมาโดกะ ทำให้สินค้าของพวกเธอต่างขายดีกันเทน้ำเทท่า ทั้งสินค้าคาแร็คเตอร์ , แผ่น Blu-ray ที่ครองแชมป์ยอดขาย 2 แผ่นติดต่อกัน รวมไปถึง การคว้าถึง 12 สาขารางวัลของ Newtype Anime Awards และด้วยความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทำให้เรื่องนี้กำลังจะมีโปรเจ็คหนังไตรภาคตามมา (สองภาคแรกจะเป็นบทสรุปฉบับอนิเมซีรี่ย์ ส่วนอีกหนึ่งภาคจะเป็นเนื้อหาใหม่) รวมถึงเวอร์ชั่นเกมออนไลน์ เท่านั้นไม่พอ การมาของเรื่องนี้ ทำให้การ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์มีกระแสความแรงกลับคืนมา จนทำให้สื่อต่างๆ ต่างก็โหมกระแสมาโดกะไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้กระทั่ง อ.คาสึโอะ โคอิเคะ ผู้แต่ง Lone Wolf & Cub , Crying Freeman มีแผนอยากเขียนการ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่ทำให้เวทมนตร์นั้นหายไป โดยจะเน้นธีมหญิงสาวจำนวนหนึ่งที่กำลังศึกษาวิชาเวทมนตร์สมัยใหม่ และ สะท้อนถึงความนิยมของหญิงสาวชาวญี่ปุ่นเพียงน้อยนิดที่ได้ศึกษาในด้านวิศวกรรม และที่สำคัญ ด้วยความดังของเรื่องนี้ ยังทำให้ คิวเบย์ กลายเป็นตัวละครที่ใครหลายคนรู้สึกหมั่นไส้ที่สุด จากการที่เป็นตัวละครที่มีนิสัยไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจใคร คิดจะเอาแต่ทำสัญญากับบรรดาสาวน้อย ให้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ทั้งหมด (แถมฆ่าตายยากอีก) และด้วยคำพูด "อยากจะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ จงมาทำสัญญากับกระผมซะ" ของเจ้าคิวเบย์ นั้น กลายเป็นคำพูดยอดฮิต ติดอันดับ 3 ประจำปี 2011 ของ Net Ryūkōgo Taishō 2011 ส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ นั่นก็มาจากคอนเซ็ปต์ เนื้อเรื่องล้วนๆ ซึ่ง อุโรบุจิ ได้เปรียบเปรยพล็อตที่เขาแต่งนั้น ราวกับเครือข่ายก่อการร้าย Al Qaeda จนเป็นอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์สุดดาร์ก จนข่มความอบอุ่นในตอนแรกๆไปซะสนิท และที่สำคัญ ด้วยความดาร์กที่อุดมในเรื่องนี้ ก็ทำให้เรื่องนี้ได้สะท้อนเห็นถึงสัจธรรมที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้เพ้อฝันเหมือนสาวน้อยเวทมนตร์อีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะกับแนวคิด การที่จะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมา ก็ย่อมต้องแลกกับการสูญเสียไปอีกเช่นกัน ซึ่งนั่นก็พอเรียกได้ว่า เรื่องนี้กลายเป็นต้นกำเนิดของการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์แขนงดาร์ก ได้เช่นกัน.......... ีUpdate: แก้ไขข้อมูลบางส่วนตามคำท้วงติงของคุณ Lemonade4-0 ณ บอร์ดพันทิพ กระทู้ที่ A11540389 แล้วนะครับ
Tiger & Bunny ยกทีมฮีโร่ พาคนจดจ่อหน้าทีวี
จุดสำเร็จของเรื่องนี้นั้น มาจากคาแร็คเตอร์ล้วนๆ ซึ่งตัวเอกทั้งสองคนในร่างจริง ต่างเป็นชายหนุ่มสุดเท่ห์ สมาร์ท ทั้งคู่ จนไม่แปลกที่สาวๆจะชอบจิ้นกัน แถมยังเพิ่มปริมาณ Fanart ให้พุ่งสูงยิ่งขึ้น รวมไปถึง ลักษณะการออกแบบคาแร็คเตอร์ของบรรดาฮีโร่แต่ละตน ก็รู้สึกแหวกแนวดี แถมยังไม่เหมือนใครตรงที่แต่ละตนมีสปอนเซอร์สินค้าติดอยู่ เพื่อเอาใจรายการ Hero TV ที่พวกเขาได้สังกัดกัน Blue Exorcist ,Shingeki no Kyojin ,Thermae Romae ซีรี่ย์เล็กๆ ที่จะกลายเป็นเรื่องล้มยักษ์ในอนาคต
เริ่มจาก Blue Exorcist หรือ Ao no Exorcist การ์ตูนแอ็คชั่นแนวปราบภูตผี วิญญาณ ที่มีอยู่เกลื่อนในยุคนี้ หลังจากที่ตีพิมพ์เรื่อยๆเดือนละ 1 ตอน ในนิตยสาร Jump Square ตั้งแต่ปี 2007 จนกระทั่งเรื่องนี้มีจุดเปลี่ยนสำคัญตรงที่ได้มีการดัดแปลงเป็นอนิเมทีวี ออกฉายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และการมาของฉบับอนิเมนั้น ก็ได้ช่วยเพิ่มยอดขายฉบับรวมเล่มของเรื่องนี้กันอย่างล้นหลามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรื่องนี้มาก่อน!!!! ถึงขั้นขาดตลาดกันเลย จึงทำให้ สนพ.ชูเอย์ฉะ ต้นสังกัด ตัดสินใจตีพิมพ์ ฉบับรวมเล่มที่ 7 จำนวน 1 ล้านเล่มด้วยกัน และนับเป็นการ์ตูนจากนิตยสาร Jump Square เรื่องแรก ที่มียอดตีพิมพ์ครั้งแรกถึงระดับนี้ แถมยังเป็นจำนวนตีพิมพ์ครั้งแรกของเรื่องนี้ที่มีจำนวนมากกว่าเล่มก่อนหน้านี้ มากกว่า 7 เท่า ด้วยกัน!!! ซึ่งการมาของเล่ม 7 นั้น ทำให้ยอดขายของเล่มนี้ สามารถติดอันดับต้นๆของชาร์ตหนังสือการ์ตูนขายดีของ Oricon ได้ และมีผลทำให้เรื่องนี้สามารถทำยอดขายฉบับรวมเล่มตามซีรี่ย์ได้สูงที่สุด เป็นอันดับ 3 ประจำปี 2011 ของ Oricon อีกด้วย!!!!! ซึ่งจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทำให้เรื่องนี้กำลังจะมีโปรเจ็คอนิเมจอเงินตามมาในอนาคต Blue Exorcist เป็นเรื่องราวของ โอคุมุระ ริน เด็กหนุ่มผู้เป็นบุตรชายของ ฟูจิโมโตะ เอ็กโซซิสต์ (นักปราบปีศาจ) คนดัง หลังจากความขัดแย้งกันระหว่างพ่อลูก ทำให้รินพบว่า ตนเป็นลูกชายของซาตาน ทำให้รินตัดสินใจต่อสู้กับดวงชะตาของตนเอง ด้วยการเข้าศึกษาที่โรงเรียน True Cross เพื่อฝึกฝนการเป็นเอ็กโซซิสต์ ในการกำราบเหล่าปีศาจ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้จับดาบของคุณพ่อแล้ว เขาก็จะได้รับพลังแห่งความมืดอย่างมหาศาลด้วย....ซึ่งบ้านเราเตรียมรออ่านเรื่องนี้กันของสนพ.เนชั่น และ ฉบับอนิเมโดย DEX เรื่องต่อมาคือ Shingeki no Kyojin ซึ่งเรื่องนี้มีกระแสมาแรงมาตั้งแต่ปลายปี 2010 แล้ว ซึ่งก็มาจากการที่เรื่องนี้ได้รับการอวยจากหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีผลทำให้เรื่องนี้มีหลายคนตามหามาอ่าน ตามที่หนังสือเล่มนั้นแนะนำ รวมถึงการแนะนำจากปากต่อปาก จึงทำให้เรื่องนี้กลายเป็นซีรี่ย์ดังพลุแตก จากยอดขายระดับหมื่นต้นๆ ยกระดับกลายเป็นระดับแสนอัพขึ้นมาทันที แถมยังทำให้ฉบับรวมเล่มของเรื่องนี้พากันติดชาร์ต Oricon ไปพร้อมๆกันในช่วงเวลานั้น Shingeki no Kyojin หรือ ชื่อไทยคือ ผ่าพิภพไททัน ถึงจะบอกว่าเป็นการ์ตูนฟอร์มเล็ก แต่หากดูจากพล็อตแล้ว ถือว่าเป็นการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่เกินตัว เพราะเป็นการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ กับ ยักษ์!!!! จากการที่ มนุษย์ ถูกทำลายความสงบสุขโดยพวกไททัน หรือ ยักษ์ ที่ได้พังกำแพงสูงที่กั้นระหว่างที่อยู่มนุษย์กับพวกมัน และพวกมันได้บุกเข้ามาทำลายบ้านเมืองมนุษย์ พร้อมกับได้พรากคนสำคัญของมนุษย์แต่ละคนไป ทำให้เหล่ามนุษย์ผู้สูญเสีย นำโดยเอเลน ได้สาบานว่า จะจัดการปราบพวกไททันให้สิ้นซาก และปฏิบัติการการต่อสู้ของมนุษย์กับไททัน ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ แม้ว่าลายเส้นอาจไม่สะดุดตาหน่อย แต่สำหรับเนื้อเรื่อง ต้องบอกว่าเข้มข้น สนุก ลุ้นทุกตอน แถมคนแต่งก็ฆ่าตัดตอนตัวละครแบบไม่เกรงใจคนอ่านกันเลย และที่สำคัญมีจุดให้เซอร์ไพรส์ได้ทุกเมื่อ จึงไม่แปลกใจเลย ที่เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่มีคนนิยมชมชอบอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดนำไปดัดแปลงเป็นฉบับนิยาย รวมถึงกำลังจะมีการดัดแปลงเป็นหนังคนแสดงด้วย!!! และจากความแรงของเรื่องนี้ ก็ทำให้บ้านเราได้สัมผัสกับฉบับรวมเล่มของเรื่องนี้ในช่วงปลายปี เรื่องต่อมา Thermae Romae เป็นซีรี่ย์แก๊กเฉพาะกลุ่ม ที่รู้จักกันเพียงคนอ่านกลุ่มเล็กๆ ที่มีเนื้อหาวัฒนธรรมการอาบน้ำที่แตกต่างกันของอาณาจักรโรมัน กับ ญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน โดยนำเสนอผ่านชายหนุ่มจากโรมันที่ทะลุมิติมายังญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน และจากการที่เรื่องนี้สามารถคว้ารางวัล Manga Taisho ปี 2010 ทำให้เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนฉบับรวมเล่มติดชาร์ตอันดับต้นๆของชาร์ตการ์ตูนขายดีของ Oricon และถูกนำไปดัดแปลงเป็นหนังคนแสดงด้วย และ บ้านเราเพิ่งจะได้สัมผัสกับฉบับรวมเล่มของเรื่องนี้ในช่วงปลายปีเช่นกัน
Jump รุกอนิเมใหม่ๆในสังกัด ตลอดปี 2011
ส่วนซีรี่ย์เรื่องยาวที่ฉายอย่างต่อเนื่อง ต่างทยอยเข้าสู่เนื้อหาหลักตามหนังสือการ์ตูนแล้ว หลังจากที่เดินเรื่องไซด์สตอรี่เตะถ่วงไปนาน ไม่ว่าจะเป็น วันพีซ หรือ บลีช เป็นต้น อีกทั้งในปีนี้ยังมีอนิเมจอเงิน 3D ของ วันพีซ และ โทริโกะ เช่นกัน ในปีหน้า ก็ต้องจับตามองว่า อนิเมจากจัมป์เรื่องล่าสุดที่กำลังจะออกฉาย อย่าง Medaka Box กับ Kuroko no Basket จะมีกระแสการตอบรับจากคนดูเป็นอย่างไร (โดยเฉพาะเรื่องแรก น่าจับตาเลยทีเดียวว่า อนิเมจากการ์ตูนที่ได้ยี่ห้อ NisiOisin มาแปะไว้ จะช่วยให้เรื่องนี้ดังทะลุแตกแบบ Bakemonogatari หรือไม่?)
จากเหตุที่เกิดขึ้น พอมองอีกแง่หนึ่ง จะทำให้วงการการ์ตูน หรือ อาจรวมไปถึงสื่อญี่ปุ่น อาจถูกริดรอนสิทธิ์เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น (ไม่ต่างจากบางประเทศ ที่ต้องทำสื่อชมรัฐบาลอย่างเดียว) ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญของเหล่าผู้สร้างการ์ตูน อนิเมว่า หากจะทำการ์ตูนอนิเมแนวล้อเลียดเสียดสี ควรจะหยอกล้อพาดพิงแบบหอมปากหอมคอ อย่าเลยเถิดจนเกินไปดั่งเช่นกรณีนี้!!!
รีเทิร์นแห่งปี : Rurouni Kenshin
หากจะพูดถึงการ์ตูนเก่าๆที่กลับมาฮิตใหม่นั้น อีกเรื่องนึงที่จะอดพูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือ เซเลอร์มูน ซึ่งมีทีท่าว่ากำลังจะกลับสู่กระแสความนิยมจากทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อฉบับการ์ตูนของเรื่องนี้ รวมถึง Codename:Sailor V การ์ตูนต้นฉบับของเซเลอร์มูน ต่างก็ขายดิบขายดีในอเมริกา จนต้องเพิ่มยอดตีพิมพ์ใหม่ ขณะเดียวกัน ฉบับอนิเมก็ได้กลับมาวางขายในไทยอีกครั้ง โดย Right Beyond และ กำลังจะออกฉายทางฟรีทีวีบ้านเรา ทางช่อง 9 อีกครั้ง ต้อนรับปีพ.ศ. 2555 นี้..... เซย์ยูญี่ปุ่นย้ายบ้านกันวุ่น / เข้าประตูวิวาห์กันก็แยะ
ในปีกระต่ายแสนซนนี้ ถือเป็นปีสุดวุ่นของคนวงการนักพากย์ญี่ปุ่น เมื่อมีนักพากย์หลายราย ได้พากันย้ายต้นสังกัดใหม่ราวกับนักฟุตบอลย้ายทีม โดยรายที่ฮือฮาที่สุด คงหนีไม่พ้น อายะ ฮิราโนะ (Suzumiya Haruhi ,Lucky Star) ที่ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับบริษัทเอเจนซี่ Space Craft Entertainment ย้ายไปอยู่ค่าย Grick แทน และ จากการที่เธอได้ย้ายค่ายใหม่ ทำให้เธอสามารถกลับมาพากย์อนิเมเรื่องใหม่ๆได้อีกครั้ง หลังจากถูกสั่งห้ามไป ซึ่งมูลเหตุของการตัดสินใจย้ายค่ายของเธอนั้น เชื่อว่ามาจากภาพถ่ายปริศนาที่เธอมีความสัมพันธ์กับชายผู้หนึ่ง ที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารกอสซิปฉบับหนึ่ง มีส่วนสำคัญที่ทำให้เธอมีปัญหากับต้นสังกัดในครั้งนี้ จนถึงขั้นแยกทางกัน และไม่รู้จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า หลังจาก อายะตัน ย้ายสังกัดไปนั้น ก็ทำให้เกิดกระแเสคลื่นใต้น้ำย่อยๆ ที่ทำเอานักพากย์จำนวนหนึ่งได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับเอเจนซี่เจ้าเดิม เพื่อย้ายไปต้นสังกัดใหม่ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีโอกาส และ มีเงื่อนไขการทำงานที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น มาโกะ , ซาโตมิ อาเคซากะ, ยูมิ คาคาสุ เป็นต้น อีกทั้งจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Production baobab จะกลายเป็นบริษัทที่เจอผลกระทบอย่างอ่วมที่สุด เพราะนักพากย์ในสังกัดทยอยเดินออกไปราวกับใบไม้ร่วงกันเลย เช่น ไอ โอริกาสะ (Gundam Wing, Tenchi Muyo!'), อามิ โคชิมิซึ (Spice and Wolf , Suite Precure),ยูโกะ ซัมเปย์ (Eureka Seven, Seikon no Qwaser) ทาคุมะ เทราชิม่า,เอริ ทารุตะ , ยูโกะ มิซึทานิ และ โยชิทากะ คุเระ ซึ่งนักพากย์จำนวนหนึ่งจาก Baobab นั้น ก็ได้เข้าซบกับ บริษัทเอเจนซี่น้องใหม่ Axl-One ของนักพากย์หนุ่ม โทชิยูกิ โมริคาว่า แทน แม้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นๆขึ้น แต่ในปีนี้ก็มีเรื่องน่ายินดีของเหล่านักพากย์ญี่ปุ่น ที่ต่างพากันสละโสด เข้าประตูวิวาห์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คาโอริ นาซึกะ (นันนาลี จาก Code Geass ),มาอายะ ซากาโมโตะ (Gundam Seed Destiny ) ,เคนอิจิ สึซึมุระ (Gundam Seed Destiny ),ฟุยุกะ โอระ (To Love-Ru ในบทของ Ren Elsie Jewelria), วากาโกะ มัตซึโมโตะ หรือ คุจิระ ( โอโรจิมารุ จาก นารุโตะ , โอโทเซะ จาก กินทามะ) ,คิโยมิ อาซาอิ (Darker than Black, My-HiME/My-Otome ) และ มิโนรุ ชิราอิชิ (Lucky Star) เป็นต้น โดยในรายของ ซากาโมโตะ เจ้าบ่าวนั้น ไม่ใช่ใครอื่น คือ คนใกล้ตัวอย่าง สึซึมุระ นะแหละ!!!
ข้อตกลง TPP ส่อสะเทือนวงการการ์ตูน-คอสเพลย์ ถ้วนหน้า
อย่างไรก็ตาม จากรายละเอียดของข้อตกลง TPP ทำเอาคนวงการการ์ตูนออกมาไม่เห็นด้วยที่ญี่ปุ่นจะตอบรับกับข้อตกลงนี้ โดยเฉพาะกับ อ.เคน อาคามัตซึ ที่แสดงความเห็นว่า หากรัฐบาลญี่ปุ่นเห็นชอบกับข้อตกลงนี้เมื่อไหร่ จะเกิดผลเสียต่อการ์ตูนโดจินชิ ซึ่งจะส่งผลกว้างต่อวงการการ์ตูนโดยรวมด้วย เช่นเดียวกับ คาซึฮิโกะ ฮาจิยะ ศิลปินทางด้านสื่อ ที่บอกว่า ข้อตกลงนี้จะส่งผลกระทบต่อวงการคอสเพลย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งสาเหตุหลักๆที่คนวงการการ์ตูนออกมาไม่เห็นด้วยกับข้อตกลง TPP นั้น ก็มาจากสาระสำคัญของข้อตกลงนี้ ที่ให้สิทธิแก่ ตำรวจ ,ผู้ฟ้องร้อง ให้สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคำร้องอย่างเป็นทางการ ได้อย่างเต็มที่(ซึ่งกฎหมายปัจจุบันของญี่ปุ่น ตำรวจ หรือ อัยการ ไม่สามารถดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ได้ นอกเสียจากต้องมีคำร้องอย่างเป็นทางการจากเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้านั้นเสียก่อน) รวมถึงสามารถจัดการเรื่องค่าเสียหายตามกฎหมายได้อีกด้วย และปัญหาอยู่ที่ว่า ตำรวจแต่ละนายมีมาตรฐานการตัดสินที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะกับสิ่งของที่เลียนแบบมาจากต้นฉบับ อย่างเช่น การ์ตูนโดจิน หรือ ชุดอุปกรณ์คอสเพลย์ ที่จะโดนหนักสุด ซึ่งส่อให้เกิดความวุ่นวายและกลายเป็นเครื่องมือให้พวกมิจฉาชีพในการรีดไถตังค์กันมากขึ้น อีกทั้ง ยังกลายเป็นการปิดกั้นอิสระทางแนวคิด ไม่สามารถนำผลงานเหล่านี้ไปต่อยอดกลายเป็นผลงานใหม่ๆ จึงส่งผลเสียไม่เพียงเฉพาะวงการการ์ตูนโดจิน ยังรวมถึงวงการการ์ตูนโดยกว้างด้วย!!!! เช่นเดียวกับวงการคอสเพลย์ ที่พอถูกกีดกันไม่ให้มีการแต่งกายเลียนแบบการ์ตูนลิขสิทธิ์มากขึ้น ก็ส่งให้กิจกรรมการแต่งคอสเพลย์อาจสูญพันธุ์ในอนาคตก็เป็นได้!! รวมข่าววงการธุรกิจอนิเมชั่นโลก ตลอดปี 2011
ในรอบปีที่ผ่านมา วงการอนิเมชั่นญี่ปุ่น ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย มีทั้งข่าวฮือฮา,สลด ,เกื้อกูลกันต่างๆนานา ซึ่งล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น : - สถานีโทรทัศน์ NTV ซื้อกิจการสตูดิโอ Madhouse - มีการร่วมมือกันระหว่างสนพ. สตูดิโออนิเมญี่ปุ่น กับ บริษัทต่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โคดันฉะ ที่ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับ Guangxi Publishing & Media Group Co. ของจีน ในการตีพิมพ์วางจำหน่ายนิตยสารการ์ตูนรายเดือน หรือ การที่ Kadokawa Group ร่วมมือกับสนพ.ในจีน ในการว่าจ้างนักวาดการ์ตูนชาวจีนในการจัดทำ หนังสือแฟนบุ๊คของฮารุฮิเวอร์ชั่นภาษาจีน เล่มแรก หรือจะเป็น Gonzo ที่ข้ามน้ำข้ามทะเล จับมือกับ ArtFusion Media School ของสิงคโปร์ ในการจัดอบรมหลักสูตรอนิเมชั่นแบบใหม่ เป็นต้น ส่วนวงการธุรกิจการ์ตูนฝั่งตะวันตกนั้น ก็มีข่าวที่ฮือฮาที่สุด คงจะหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงของ สนพ. Tokyopop ในอเมริกา ที่ตัดสินใจหยุดทำธุรกิจหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นในอเมริกาเหนือ แต่ยังคงทำธุรกิจในภาคพื้นยุโรป และ ต่างประเทศ เช่นเดิม ขณะที่ค่าย Viz Media ได้ประกาศหยุดตีพิมพ์นิตยสารโชเน็นจัมป์ ฉบับอเมริกัน โดยจะเปลี่ยนไปเผยแพร่ในรูปแบบดิจิตอลแทน ในชื่อว่า Shonen Jump Alpha จากจุดนี้ก็มีแนวโน้มว่า จะมีการนำการ์ตูนไปเผยแพร่ในรูปแบบดิจิตอลกันมากขึ้น เพื่อรองรับกับอุปกรณ์อันทันสมัยที่มีผู้คนใช้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad,smart phone เป็นต้น ข่าวเด่นอื่นๆ ในวงการการ์ตูนญี่ปุ่น ประจำปี 2011
- Karigurashi no Arrietty คว้ารางวัล 5 สาขา ของ Tokyo Anime Awards นอกจากนี้ ยังทำสถิติยอดขาย DVD อนิเมสูงสุด ในปี 2011 หลังออกวางจำหน่ายเพียง 5 วันเท่านั้น!! รวมซีรี่ย์การ์ตูน "งานเลี้ยงมีวันเลิกรา" ในปี 2011
xxxHoLiC โดยจากลิสต์ข้างต้นแต่ละเรื่องนั้น ดูแล้วคนอ่านในบ้านเรากว่าจะได้สัมผัสเล่มจบกัน คงจะต้องรอกันหลายปีกันเลยทีเดียว :P (โดยเฉพาะเรื่องบนสุดเนี่ย กว่าจะมาแต่ละเล่ม ต้องรออย่างอดทนจริงๆ) ส่วน ผู้ผนึกมาร คาดว่าน่าจะสัมผัสเล่มจบกันเร็วๆนี้แหละ List คนวงการการ์ตูนอนิเม ผู้จากไปในปี 2011 ในปี 2011 ที่ผ่านมา ได้มีคนวงการการ์ตูนอนิเมได้จากไปพอสมควร เราจึงได้รวบรวมชื่อ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี ผลงานที่พวกเขาได้ฝากเอาไว้ยามที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ : คาซึโอะ ทากาฮาชิ - นักเขียนการ์ตูนที่มีผลงานไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในบ้านเราอย่าง Minami no Kazoku, Hatena, Sukebe-Musume, Bakudan Girl นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนตลอดปี 2011 ในปีมังกรทองนี้ วงการการ์ตูนจะก้าวไปในทิศทางไหนกัน ก็ต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไปครับ ซึ่งเราก็ขอให้ทุกคนจงมีแต่ความสุข ความโชคดี จะทำอะไรขอให้ปลอดอุปสรรคทั้งปวง ตลอดปีพ.ศ. ๒๕๕๕ หวังว่าปีมังกรนี้ อย่าเป็นปีมังกรไฟ ที่ทำเอาบ้านเมืองถึงคราป่วน จากภัยพิบัติธรรมชาติ หรือ ภัยจากมนุษย์ ที่เอาแต่ขัดแข้งขัดขากันเอง !!!!!!!!!!!............
|
สำนักข่าว KD News |