สรุปข่าววงการการ์ตูนประจำปี 2555 (1): สรุปเหตุการณ์สำคัญวงการการ์ตูนรอบปี

  ปีมังกรทอง 2012 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ก็เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย แม้ว่าส่วนใหญ่จะรอดพ้นจากเหตุภัยพิบัติร้ายแรงอย่างหวุดหวิด แต่ก็ต้องแลกกับความแห้งแล้งที่มาเยือนในบางภูมิภาคด้วย ในส่วนการเมืองนั้น ก็ได้เซ็งแต่ บรรดานักการเมือง สาวกการเมืองทั้งหลาย ที่ขยันสร้างปัญหากันทั้งปี ทั้งดื้อดึง งอแง ทะเลาะเบาะแว้งกัน ทำเอาปชช.ทั่วไปต้องประสบกับปัญหาหลายอย่าง อาทิ ข้าวของแพง ,ค่าครองชีพสูง, 3G ล้าหลังกว่าชาวบ้าน, จำนำข้าว ,สนามกีฬาที่สร้างแล้วไม่ได้ใช้ , "รถคันแรก" ที่ไม่รู้จะเรียกว่าดีหรือไม่ดีกันแน่ บลาๆๆ แม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องน่าปวดหัวของใครหลายคน แต่อย่างน้อยปีนี้ถือเป็นปีแห่งการกีฬา ที่บ้านเราต่างได้สัมผัส (พร้อม"จอดำๆ") ไปกับ ฟุตบอลยูโร 2012 ,กีฬาโอลิมปิกส์ 2012 , วอลเลย์บอล World Grand Prix , ฟุตซอลโลก และ AFF Suzuki Cup 2012 ซึ่งสิ่งนี้แหละ ที่ช่วยให้คนไทยได้คลายเครียด สมัครสมานสามัคคีกันได้ พร้อมกับภาคภูมิใจไปกับผลงานของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น ทีมวอลเลย์บอลสาวไทย , ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย , นักกีฬาโอลิมปิค และ พาราลิมปิค รวมไปถึง ทีมฟุตบอลชายไทย ที่กลับมาเรียกศรัทธาแฟนบอลขึ้นมาอีกครั้งในช่วงปลายปี......

  ในส่วนของข่าวคราวในวงการการ์ตูนก็เช่นเดียวกัน ในรอบปี 2012 นั้นต่างก็มีเรื่องดีและเรื่องร้ายปะปนกันไป จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปทบทวนกับข่าวคราวการ์ตูนเด็ดๆในปีที่ผ่านมากันอีกครั้งหนึ่งครับ โดยในตอน จะเน้นการสรุปเหตุการณ์ กระแสสำคัญๆที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูน ตลอดทั้งปี 2012 ขอเชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ

อ่านตอนที่ 2 >>>

สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook


หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ


   เหตุการณ์ และ กระแสสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูน ตลอดปี พ.ศ.2555


  รอบปี 2012 ที่ผ่านมานั้น ก็มีข่าวคราวที่ทำให้คอการ์ตูนรุ่นเก่าๆ ถึงกับมีความสุข จากการที่บรรดาซีรี่ย์อนิเมสุดฮิตสมัยอดีตต่างทยอยมีโปรเจ็คใหม่ๆออกมา และเราจะได้สัมผัสกันในอนาคตอันใกล้

- เริ่มจาก ดราก้อนบอล ที่กำลังจะมีหนังอนิเมจอเงินภาคใหม่ออกฉายปี 2013 โดยเป็นเนื้อหาที่อยู่ระหว่างตอนที่ 517 กับ 518 ในฉบับมังงะ (หลังจบศึกจอมมารบู)...ในส่วนของบ้านเรานั้น ก็ได้มีการออกฉาย ดราก้อนบอล ภาค KAI ที่เป็นการนำอนิเมดราก้อนบอล Z มาดัดแปลงทำให่ให้มีความกระชับใกล้เคียงกับต้นฉบับ

- เนื่องจากปี 2012 นี้ เป็นปีที่ครบรอบ 25 ปี ของ ซีรี่ย์การ์ตูนปลดปล่อยสแตนด์แอ่นหลัง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ รวมไปถึง ครบรอบ 30 ปี ในอาชีพนักเขียนการ์ตูนของ อ.ฮิโรฮิโกะ อารากิ ผู้แต่งโจโจ้ ด้วย จึงทำให้ในปีมังกรนี้ จึงมีการเฉลิมฉลองเกี่ยวกับโจโจ้ หลายโปรเจ็ค ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำสินค้าพิเศษ อาหาร และขนม รวมไปถึง ฉบับอนิเมซีรี่ย์ทางทีวีชุดแรกของเรื่องนี้ ออกฉายช่วงปลายปี , เกมวีดีโอภาคใหม่ลงเครื่อง Play Station 3 กับภาคที่มีชื่อว่า JoJo's Bizarre Adventure: All-Star Battle ในปี 2013 , การ์ตูนสั้น เรื่องราวของ โรฮัน คิชิเบะ ในโชเน็นจัมป์ และ หนังสืออาร์ตบุ๊คเล่มล่าสุดของเรื่องนี้ ที่ออกวางขายเป็นเล่มแรกในรอบ 12 ปี นอกจากนี้มีเกร็ดเล็กๆน้อยๆ คือ คุโจ โจทาโร่ ตัวละครจากเรื่องนี้ ได้ต้นแบบมาจาก Clint Eastwood นักแสดงฮอลลิวู้ด นั่นเอง

- ปี 2012 นี้ ยังเป็นปีฉลองครบรอบ 20 ปีของ เซเลอร์มูน ฉบับอนิเมด้วย จึงทำให้เหล่าอัศวินสาวเซเลอร์กำลังจะมีโปรเจ็คใหม่ให้บรรดาแฟนคลับคนรุ่นเล็ก-ใหญ่ถึงกับกรี๊ดกันลั่น นั่นคือ อนิเมซีรี่ย์ภาคใหม่ของเซเลอร์มูนที่จะออกฉายช่วงซัมเมอร์ปี 2013 และที่สำคัญทางสต๊าฟมีแผนที่จะนำอนิเมเซเลอร์มูลทยอยออกฉายไล่เลี่ยพร้อมกันทั่วโลกอีกด้วย ...ในส่วนของบ้านเรานั้น ทางช่อง 9 ได้มีการออกฉายอนิเมเซเลอร์มูนภาคแรกเป็นการรำลึกเมื่อช่วงต้นปี โดยเป็นการฉายแบบพากย์เสียงใหม่ทั้งหมด (เสียงเซเลอร์มูน ยังเป็นเสียง น้าเปียก วิภาดา เหมือนเดิม)

- ขณะที่ Himitsu no Akkochan - หนูน้อยอั๊กโกะจัง การ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์สมัยก่อนที่ผู้ใหญ่วัย 20-30 ปีกว่า พอจะทันกันในชื่อ หนูน้อยอั๊กโกะจัง และ หนึ่งในการ์ตูนซีรี่ย์บุกเบิกแนวสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องนี้ ได้ฉลองครบ 50 ปี ของซีรี่ย์นี้ ด้วยการจัดทำฉบับหนังจอเงินคนแสดง ออกฉายเมื่อกลางปี 2012 และโปรเจ็คนี้นับเป็นผลงานเรื่องแรกของ อ.ฟูจิโอะ อาคัตซึกพะ ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คนแสดง

- เช่นเดียวกับ Space Sherriff Gavan หรือ ตำรวจอวกาศเกียร์บัน ซีรี่ย์หนังแปลงร่างต้นกำเนิดวลี "บรรยากาศมาคุ" และเป็นปฐมบทของซีรี่ย์ฮีโร่ตำรวจอวกาศ ยังถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ รำลึกความแก่กัน ในรูปแบบหนังจอเงินฟอร์มใหญ่ แถมตัวหนังนอกจากจะได้ เคนจิ โอบะ พระเอกจากซีรี่ย์เกียรบันที่เคยออกฉายเมื่อปี 1982-1983 มารับบท เร็ตสึ อิจิโจจิ หรือ เกียร์บันคนเก่า คอยประกบคู่กับเกียร์บันคนใหม่ในหนังแล้ว ยังได้ Sharivan กับ Shaider ฮีโร่ตำรวจอวกาศรุ่นน้อง มาปรากฏตัวในหนัง ให้ผู้ชมวัยแก่กับคุณหนูๆ ได้อิ่มเอมตามกันไป

- ส่วน Hunter x Hunter แม้ว่าจะตัวการ์ตูนจะยังไม่จบดี (จากการที่ผู้เขียนหยุดเขียนบ่อยๆ) แต่อย่างน้อยนักล่าพลังเน็นก็มีโปรเจ็คใหม่ให้แฟนๆได้ใจชื้น นั่นคือ ฉบับหนังโรงชุด Phantom Rouge ที่ได้คุราปิก้า (ผู้หายไปนาน) เป็นตัวเอก รวมถึงจะมีฉบับรวมเล่ม 31 , 32 ออกวางขายฉลองรับปีใหม่กันด้วย

- อีกทั้งในปี 2012 ยังเป็นปีที่ Macross หนึ่งในซีรี่ย์หุ่นยนต์รบเคล้าเสียงเพลง ครบรอบ 30 ปีอีกด้วย จึงทำให้มีการจัดทำโปรเจ็คใหม่ๆเป็นการเฉลิงฉลองเช่นกัน เช่น ละครเวที , งานอีเว้นต์ หรือแม้กระทั่ง หนังอนิเมชุด Macross FB 7: Ore no Uta o Kike! ซึ่งเป็นการนำซีรี่ย์ Macross ภาคดัง 2 ภาคอย่าง Macross 7 กับ Macross Frontier มาดัดแปลงยำรวมกัน

-เนื่องจากปีนี้ เป็นปีครบรอบ 20 ปีของ คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา ฉบับการ์ตูน เลยมีการฉลองอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ซีรี่ย์การ์ตูนลงตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง ,มีการรีปริ้นต์ฉบับรวมเล่ม 3-4 รพร้อม ODA ชุด คดีฆาตกรรมคาถามนต์ดำ (Black Magic Murder Case) รวมไปถึง ฉบับละครคนแสดงตอนพิเศษ ที่มีการทำเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีด้วย

-ขณะที่ เซนต์ เซย่า มีอนิเมทีวีซีรี่ย์ล่าสุด เป็นภาคแรกในรอบ 23 ปี ของพวกเขา กับ Saint Seiya Omega ซึ่งตัวอนิเมนั้นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนาหูในหมู่แฟนเซย่ารุ่นเก่าพอควร ในแง่ของการดีไซน์ตัวละครที่ดูจะอ้อนแอ้นกว่าต้นฉบับเดิมไปหน่อย ถึงกระนั้น เหล่านักรบชุดเกราะก็กำลังจะมีหนังอนิเมCG 3D ออกฉายในอนาคตอันใกล้ (ประมาณกลางปี 2013) รวมถึงอาจมีอนิเมซีรี่ย์ชุดใหม่อีกด้วย

-สุดท้ายนี้ ก็มี GTO ซีรี่ย์คุณครูจอมเฮ้วขวัญใจวัยสะรุ่น ที่ได้รับการดัดแปลงทำเป็นฉบับละครคนแสดงอีกหน ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงนักแสดงกันยกชุด (แถมก่อนเปิดกล้องนั้น มีการเปลี่ยนแปลงนักแสดงผู้มารับบทเป็นโอนิสึกะอีก จากการที่ จิน อาคานิชิ ถูกต้นสังกัดลงโทษ เลยให้ Akira แห่งวง Exile มารับบทนี้แทน) ซึ่งเรตติ้งของละครเวอร์ชั่นใหม่นี้ อยู่ในขั้นน่าพอใจ เลยมีการทำละครตอนพิเศษออกมาอีก 2 ชุด ในส่วนของฉบับการ์ตูนนั้น ก็มีแต่ซีรี่ย์ภาคแยกของ GTO ออกมา ซึ่งได้บรรดามิตรสหายเก่าของโอนิสึกะอย่าง ซาคาโมโตะ กับ ริวจิ ขึ้นชั้นมาเป็นพระเอกในแต่ละเรื่อง เช่น I-Head no Gargoyle และ GT-R ตามลำดับ



  HBD ฉลองวันเกิดอายุ " -100 ปี" ของโดราเอมอน อย่างชื่นมื่น


  วันที่ 3 ก.ย. 2012 ถือเป็นวันสำคัญที่น่าจดจำของแฟนๆโดราเอมอน เพราะวันดังกล่าวถือเป็นวันที่แฟนโดราเอมอนทั่วโลกได้ร่วมกันฉลองวันเกิดล่วงหน้า 100 ปี ให้กับเจ้าหุ่นยนต์แมวเหมียวตัวสีฟ้าจากศตวรรษที่ 22 ที่จะถือกำเนิดขึ้น(ตามเนื้อเรื่อง) ในวันที่ 3 ก.ย. 2112 และเนื่องในโอกาสอันดี ทำให้ประเทศต่างๆในแถบเอเชีย ต่างมีการจัดอีเว้นต์ฉลองวันเกิดล่วงหน้า 100 ปี ของโดราเอมอนกัน ซึ่งที่เมืองไทย ได้มีการจัดงานกันไปที่ห้าง Terminal21 กัน ช่วงระหว่างวันที่ 5-9 ก.ย. ที่ผ่านมา

  ซึ่งที่ญี่ปุ่น ประเทศต้นกำเนิดโดราเอมอน ได้จัดฉลองวันเกิดครบ -100 ปี ของโดราเอมอน กันอย่างสมเกียรติ ต่างสื่อต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ เว็บไซต์ Doraemon Channel จัดทำแฟลชอนิเมชั่นฉลองวันเกิดโดราเอมอน, Google ญี่ปุ่น จัดทำคลิปวีดีโอพิเศษ ที่นำเสนอเรื่องราวของวิเศษของโดราเอมอน ที่มีการประดิษฐ์ทำขึ้นมาจริงๆ (แม้ส่วนใหญ่จะออกมาใกล้เคียงก็เถอะ) อีกทั้ง
เมืองคาวาซากิ บ้านเกิดของ อ.ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ หรือ Fujiko F. Fujio ผู้แต่งโดราเอมอน ได้มีการมอบใบประกาศรับรองการเป็นพลเมือง เมืองคาวาซากิ แก่โดราเอมอน อย่างเป็นทางการ ณ พิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio อีกด้วย นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่จะถึงวันเกิดของโดราเอมอน ทาง Toyota ได้จัดทำโฆษณาชุด โดราเอมอน ในแบบฉบับคนแสดง โดยนำเสนอเรื่องราวของโดราเอมอนและผองเพื่อนตอนโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งโฆษณาชุดนี้ได้สร้างความฮือฮาแก่ผู้ชมได้เยอะทีเดียว

  ในส่วนของบ้านเรา ก็มีข่าวหนึ่งที่ออกมารับกระแสการฉลองวันเกิดของโดราเอมอนกันอย่างสุดแนวด้วย (แม้จะไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่) เมื่อ วัดสำปะซิว จ.สุพรรณบุรี ได้ผลิตล็อกเก็ตโดราเอมอนสวมชฎา และเทพไอแพด แจกให้กับนักท่องเที่ยวกับเด็กๆ(ที่สามารถตอบปัญหาเกี่ยวกับวัดสำปะซิวหรือประวัติทางพระพุทธศาสนาได้) ด้วยเช่นกัน


  ดราม่าแห่งปี : ดราม่าสนั่นทุ่ง แสนอลเวง ของเหล่าคนผู้อยู่เบื้องหลังอนิเม Kokoro Connect


  แม้นว่าฉบับอนิเมซีรี่ย์ของ Kokoro Connect หรือ เชื่อมหัวใจ สลับร่างอลเวง ในฉบับตีพิมพ์ภาษาไทยของ สนพ.รักพิมพ์นั้น ก็ช่างมีเรื่องราวเข้มข้น ได้ลุ้นบทสรุปของตัวละครในเรื่องกันอย่างมันส์หยด แต่เอาเข้าจริง เรื่องราวความดราม่าในอนิเม กลับกลายเป็นเรื่องเล็กๆ เมื่อเทียบกับเรื่องราวดราม่าหลังฉากของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเรื่องนี้ ที่กลับทวีความดุเด็ดเผ็ดมันส์ รู้สึกคันปากยิ่งกว่า!! ......

  จุดเริ่มต้นของดราม่านี้ ก็มาจากการที่ สต๊าฟของ Kokoro Connect ฉบับอนิเม ได้เชิญชวนนักพากย์หนุ่มนาม มิตซึฮิโระ อิจิกิ ให้มายังงานอีเว้นต์ของอนิเมเรื่องนี้ ที่มีการเผยแพร่สดทางสื่อออนไลน์ โดยเชิญเขามาในฐานะ นักพากย์เซอร์ไพรส์ประจำเรื่อง แต่ทว่า ในงานอีเว้นต์ดังกล่าว ทางสต๊าฟและนักพากย์คนอื่นๆของเรื่องนี้ กลับหักมุม ด้วยการประกาศให้อิจิกิ รับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ประจำเรื่องนี้แทน และไม่ได้มีส่วนร่วมในการพากย์เสียงในอนิเมดังกล่าว พร้อมทั้งเผยอีกว่า เรื่องที่เขาได้รับคัดตัวให้มาพากย์เป็นตัวละครในเรื่องนี้นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ ร้อนแรง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานอีเว้นต์นี้ ตามเว็บบอร์ด เว็บบลอก และสื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ในแง่ของความไม่ให้เกียรติกันของทีมงานที่มีต่ออิจิกิ จนถึงขนาดถูกสื่อบางแห่งได้เรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นเคส "ดาราจำเป็น" และจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้บรรดาสต๊าฟทั้งหมดของ Kokoro Connect จึงได้ออกแถลงการขอโทษ 2 ฉบับ บนเว็บไซต์หลัก พร้อมกับแก้ต่างว่า พวกเขามีความตั้งใจที่มอบหมายให้อิจิกิ มาช่วยโปรโมทให้กับอนิเมเรื่องนี้ ทางสื่อต่างๆ รวมถึงการออกทัวร์โปรโมท เป็นเวลากว่า 3 เดือน ซึ่งอิจิกิ ก็รับหน้าที่ที่มอบหมายไว้ด้วยดี ทำให้พวกเขาตัดสินใจวางแผนที่จะให้ อิจิกิ ได้มีส่วนร่วมในการพากย์อย่างจริงๆจังๆ เป็นการตอบแทนด้วย ขณะที่ทางฝ่ายอิจิกิเอง ก็ออกแถลงการณ์ขอโทษเช่นกัน แถมยังยืนยันว่าตัวเขาเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางสต๊าฟของอนิเมเรื่องนี้แต่อย่างใด

  แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะออกมาขอโทษกันแล้ว แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์สำหรับแฟนๆอนิเม รวมถึง แฟนคลับของนักพากย์หนุ่มอิจิกิ อย่างต่อเนื่องไม่มีวันจบ (ส่วนหนึ่งเชื่อว่า ทีมงานขอโทษอย่างไม่จริงใจ รวมถึง ตัวอิจิกิ อาจถูกบ.ต้นสังกัดสั่งให้เขียนคำแถลงการแก้ตัวอีกที) แถมแฟนๆบางส่วนกลับช่วยประทุความร้อนแรงของดราม่ายิ่งขึ้น ด้วยการขุดคุ้ยเรื่องราวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ออกมาโพสต์ตามสื่อต่างๆ จากนั้นก็มีการสาวไส้กันไปมา จนมีผลทำให้บุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยกับอนิเม Kokoro Connect อย่าง นักพากย์สาว เอริ คิตามุระ นั้น จำต้องลบ twitter ของเธอออกไป หลังจากที่ได้รับข้อความ และ ไฟล์ภาพเชิงดูหมิ่น จากบุคคลส่วนหนึ่งที่มีความอคติต่อโปรดิวเซอร์ยามานากะ แถมยังเชื่อข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอ กับ ยามานากะ อย่างเป็นตุเป็นตะ อีกด้วย

  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อแผนงานการโปรโมทอนิเมเรื่องนี้เข้าอย่างจัง ซึ่งมีตั้งแต่การยกเลิกการจัดรายการวิทยุของอนิเมเรื่องนี้ รวมถึง แคมเปญกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผ่านรถอิตาฉะ (รถยนต์ที่มีการเพ้นท์ลายเป็นตัวการ์ตูน) กับอีเว้นต์ Tochi Random ทางเว็บ Ustream อีกทั้ง ยังมีการเลื่อนออกวางจำหน่าย BD กับ DVD ของเรื่องนี้ออกไปอีก 1 เดือน

  อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่กำลังมีดราม่าระหว่างอิจิกิ กับ ทีมงานอนิเม เกิดขึ้นนั้น ก็ได้เกิดดราม่าอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นคาบเกี่ยวกัน โดยคราวนี้เป็นปัญหาของ ฮาจิเมะ คิคุจิ นักแต่งเพลงประจำวง eufonius ที่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงโต้ตอบกับนักร้องสาว Halko Momoi บนทวิตเตอร์ ทว่าพอเรื่องดังกล่าวแดงขึ้น ทำให้ คิคุจิ ได้ออกมาขอโทษเกี่ยวกับการกระทำของตน พร้อมกับแสดงสปิริตด้วยการประกาศแยกตัวออกจากวงร็อคดังกล่าว การจากลาของคิคุจิครั้งนี้ ทำให้ ในฉบับ BD กับ DVD ของอนิเมเรื่องนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพลงเปิดของเรื่องนี้ไปเป็นเพลงอื่น ที่ไม่ใช่เป็นเพลงของวง eufonius ที่ใช้ประกอบในฉบับอนิเมซีรี่ย์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทั้งคิคุจิ กับ Momoi ต่างได้หยุดใช้ทวิตเตอร์ไปนับแต่นั้น แต่ทว่าข้อความจำนวนหนึ่งบนทวิตเตอร์ ที่สื่อถึงการโต้เถียงกันระหว่างทั้งคู่ รวมไปถึง เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับดราม่าระหว่างสต๊าฟของอนิเมเรื่องนี้กับนักพากย์หนุ่ม มิตซึฮิโระ อิจิกิ ที่คิคุจิเป็นคนโพสต์เองด้วยนั้น ก็ไม่อาจหนีพ้นสายตาของแฟนๆบนโลกอินเตอร์เน็ตได้อยู่ดี และกลายเป็นที่มาของดราม่านี้ ที่มีการแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์

  และจากเรื่องราววุ่นวายชุลมุน สาวไส้กันมันส์ คันปากไม่เลิก ที่เกิดขึ้นกับเหล่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมไปถึงบรรดาแฟนคลับของเรื่องนี้นั้น จึงไม่แปลกใจ ที่เราจะยกให้เป็นเหตุการณ์ดราม่าประจำปี 2012 ....ซึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนสำคัญของใครหลายคน ที่เวลาจะทำอะไร ขอให้นึกถึงกาละเทศะ นึกถึงใจเขาใจเรากันด้วย รวมถึงต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตามมารยาทด้วยอีกเช่นกัน.....


  5 ขวบปี ของ Hatsune Miku เดินทางสู่ความสำเร็จอีกขึ้นหนึ่งแล้ว

  หากพูดถึง Hatsune Miku แล้วนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะสาวน้อยผมเขียว มาสค็อตประจำโปรแกรม Vocaloid ผู้นี้ ได้เข้ามาสร้างสีสันแก่วงการการ์ตูน อนิเม ป็อปคัลเจอร์ ของญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว และด้วยความน่ารัก สดใส ขี้เล่น โมเอะ กอปรกับเสียงสังเคราะห์ไพเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของสาวน้อยมิกุ ผู้นี้เอง จึงทำให้เธอผู้นี้ได้ใจใครไปหลายคน และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถูกหยิบนำไปทำเป็นคลิปอนิเมล้อเลียน เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์จำนวนมาก อีกทั้งตัวมิกุเอง ยังเป็นหนึ่งในคาแร็คเตอร์ที่บรรดาเลเยอร์คอสเพลย์ นิยมแต่งกายเลียนแบบมากที่สุดคนหนึ่งอีกด้วย

  ในปีมังกร 2012 นี้ ถือเป็นปีที่ สาวน้อยมิกุ ได้โลดแล่นครบ 5 ปี ด้วยกัน จึงทำให้ที่ญี่ปุ่นมีการเฉลิมฉลองให้กับสาวน้อยผู้นี้ครั้งใหญ่ จากแฟนๆ รวมถึงบริษัท ห้างร้าน ก็ได้มีการออกจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับมิกุด้วย เท่านั้นไม่พอ หนูมิกุเองยังมีมังงะชุดใหม่ ในชื่อ Mikubon Vocaloid in Wonderland/Hachune Miku Kenkyūsho รวมถึง ยังได้รวมแจมในการ์ตูนตอนหนึ่งของ Kochikame อีกด้วย เท่านั้นไม่พอ หนูมิกุยังตอกย้ำความสำเร็จของตนเอง ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศของ รางวัล Digital Media Awards 2011 จากคอนเสิร์ต Mikunopolis in Los Angeles - "Nice To Meet You, I'm Hatsune Miku" ที่จัดขึ้น ณ เมืองลอสแองเจลิส สหรัฐฯ เมื่อปี 2011

  ซึ่งนิตยสาร SankeiBiz ที่ได้พูดถึงปรากฏการณ์ความดังของสาวน้อยเวอร์ชวลไอด้อล Hatsune Miku ในมุมมองด้านธุรกิจ ว่า หนูมิกุ สามารถทำรายได้มากกว่า 10 พันล้านเยน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลความดังนั้นก็มาจาก
กระแสนิยม และ เครือข่ายสังคม ที่มีต่อโปรแกรม Vocaloid นี่เอง ที่ช่วยสนับสนุนให้ Hatsune Miku ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยแฟนๆสามารถใช้โปรแกรมนี้ในการสร้างสรรค์เพลงและนำไปเผยแพร่ต่อยังเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งโปรแกรมนี้ได้ช่วยสนับสนุนแก่บรรดาศิลปินมือสมัครเล่นกับผลงานของพวกเขามานักต่อนักแล้ว ขณะเดียวกัน ทาง Sega ได้ผลิตวีดีโอเกมของ Hatsune Miku มาถึง 4 ภาค และ ขายได้รวมกันมากกว่า 1 ล้านแผ่น ด้วยเช่นกัน อีกทั้ง Hatsune Miku ยังได้มีส่วนร่วมในโปรเจ็คโฆษณาของ Toyota Corolla และ Google Chrome อีกด้วย ซึ่งโฆษณาเหล่านี้ เป็นตัวช่วยเสริมให้มิกุได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น และ สามารถทำรายได้มากขึ้นตามไปด้วย และเพลง "'Tell Your World" เพลงของมิกุที่ใช้ประกอบโฆษณาของ Google Chrome ที่เพิ่งวางขายไปเมื่อ 14 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น สามารถขายได้ 33,000 แผ่น ในสัปดาห์แรกของการออกวางจำหน่าย และ ติดอันดับ 4 ในชาร์ตอัลบั้มขายดีของ Oricon รวมถึง คอนเสิร์ตของมิกุ มีการเปิดการแสดงถึง 4 รอบ แถมตั๋วนั้นก็ขายหมดทุกรอบ และมีผู้เข้าชมคอนเสิร์ตในแต่ละรอบมากกว่า 10,000 คน ซึ่งทาง Dwango บริษัทแม่ของเว็บไซต์ Nico Nico Douga ได้เปิดเผยว่า มีผู้เข้าชมเว็บมากกว่า 120,000 คน ยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อชมไลฟ์คอนเสิร์ตของมิกุ บนเว็บ Nico Nico Douga อีกด้วย

  ซึ่งในส่วนของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คหลักๆของมิกุนั้น ยังคงเป็นตัวช่วยสร้างความนิยมของมิกุกันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกลายเป็นกระแสนิยมหลักในญี่ปุ่นอยู่ ณ ขณะนี้.....

  และจากความนิยมของมิกุ และ มาสค็อต Vocaloid ตัวอื่นๆ จึงทำให้บริษัท Rose ในบ้านเรา ได้ผนึกกำลังร่วมกับ Animate และ MOVIC ในการเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าประเภท Accessories ต่าง ๆของ Vocaloid มาจัดจำหน่ายในเมืองไทยอย่างถูกต้องอีกด้วย




  Sword Art Online บทเพลงดาบสะท้านโลกออนไลน์ และโลกแห่งความจริง


  ในรอบปีที่ผ่านมา หากพูดถึงละครดังแห่งปี หลายคนคงนึกถึง "แรงเงา" หากพูดถึงเพลง+ท่าเต้นสุดฮิตแห่งปี หลายคนคงนึกถึง "Gangnam Style" หากพูดถึงรายการดังประจำปี คงนึกถึง "The Voice" กัน ซึ่งในวงการไลท์โนเวลประจำปี 2012 นี้ หากพูดถึงนิยายไลท์โนเวลที่กระแสมาแรงที่สุดแห่งปี ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหาก ไม่เขียนถึงเรื่องนี้ก็กระไรอยู่ สำหรับกระแสความฮิตที่เกิดขึ้นของ Sword Art Online ในรอบปีที่ผ่านมา จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆตามมาในภายหลัง

  เชื่อว่ามีหลายคนยังไม่รู้จักกับ Sword Art Online (SAO) เลยงงๆอยู่ว่า จู่ๆมันฮิตกันได้อย่างไร แถมบางคนชอบเรียกเรื่องนี้อย่างติดตลกว่า "อบต." อีก (มาจากการแปลซับนรกของ google ที่มาจากคำว่า Subdistrict Administration Organization - SAO ซึ่งแปลไทยได้ว่า องค์การบริหารส่วนตำบล) เลยพาคนนอกเข้าใจผิดเป็นการใหญ่ ก็ขอชี้แจงแถลงไขตรงนี้ซะเลย โดย SAO เป็นผลงานนิยายไลท์โนเวลเรื่องดังของ เรกิ คาวาฮาระ ที่ออกวางขายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นปี 2009 แต่เพิ่งได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมซีรี่ย์ออกฉายเมื่อกลางปี 2012 นี้เอง ซึ่งก่อนที่ SAO จะออกฉายนั้น ก็มีอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายอีกเรื่องของ คาวาฮาระ อย่าง Accel World (ACW) ออกฉายเมื่อต้นปี 2012 ด้วย ซึ่งจากความนิยมของอนิเม Accel World จึงส่งผลให้อนิเม SAO ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน อีกทั้งเรื่องนี้ยังได้รับการยกย่องเป็นไลท์โนเวลน่าอ่านที่สุด เป็นอันดับที่ 1 ประจำปี 2012 จากนิตยสาร Kono Light Novel ga Sugoi 2013 รวมถึง นิยาย SAO กับ ACW ยังมียอดตีพิมพ์เพิ่มสูงขึ้นทะลุรวมกัน 10 ล้านเล่มแล้ว

  SAO เป็นนิยายที่นำเสนอเรื่องราวของเกมออนไลน์แนว MMORPG ที่มีความพิเศษตรงที่ผู้เล่นสามารถเข้าไปในโลกเกมออนไลน์ได้ด้วยการเชื่อมโยงกันระหว่างตัวเกม กับ คลื่นสมองของผู้เล่น ผ่านทางอุปกรณ์ Nerve Gear ทว่าในวันทดสอบ Beta ของเกมนี้นั้น กลับเกิดข้อผิดพลาดขึ้น เมื่อผู้เล่นไม่สามารถออกจากเกมกลางคันได้ หนทางเดียวที่จะสามารถออกจากเกมได้นั้น มีอยู่ทางเดียว นั่นคือการเคลียร์เกมนี้ให้จงได้ แต่ถ้าผู้เล่นถูกฆ่าตายในเกม หรือ ตัดสินใจถอด Nerve Gear ออกจากเกมกลางคันนั้น ก็มีผลต่อชีวิตของผู้เล่นในโลกแห่งความเป็นจริงที่จะต้องตายด้วยเช่นกัน และด้วยเนื้อหาของนิยายที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย แถมยังถูกใจกับคนอ่านที่เป็นคอเกมเมอร์ กับเด็กสมัยนี้ที่เติบโตมากับยุคเกมออนไลน์เฟื่องฟู นี่เอง จึงทำให้นิยายเรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง อีกทั้งจากการที่เรื่องนี้ได้รับการทำเป็นอนิเมซีรี่ย์ด้วยเนี่ย ทำให้ฉบับนิยายของ SAO มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แถมยังทำให้ฉบับอนิเมกลายเป็นประเด็นหนึ่งที่คอการ์ตูนนิยมนำมาถกเป็นประเด็นกัน รวมถึง ตัวละครหลักของเรื่องอย่าง คิริโตะ กับ อาสึนะ ขึ้นทำเนียบกลายเป็นตัวละครชายหญิงขวัญใจอันดับ 1 ของนิตยสาร Newtype ช่วงปลายปีอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันทั้งฉบับนิยายและอนิเมของเรื่องนี้ต่างได้รับลิขสิทธิ์ในบ้านเราด้วยเช่นกัน

  ไม่เพียงแค่นั้น เรื่องนี้ยังสร้างปรากฏการณ์ความดังข้ามประเทศไปยังประเทศไทย โดยเฉพาะกับงานมหกรรมหนังสือฯ เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมานั้น ก็มีแฟนๆจำนวนนับร้อย ต่างก็สนใจเข้าแถวรอคิวซื้อฉบับนิยายของ SAO ที่สนพ. Zenshu เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในไทยได้ออกวางจำหน่ายที่งาน โดยเฉพาะกับช่วงที่เค้าแถมโปสเตอร์+ลายเซ็นผู้แต่ง มากับหนังสือด้วยนั่นเอง ทำให้มีหลายคนเข้าซื้อหนังสือกันจนแถวนั้นยาวเหยียดกันสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนักในวงการวรรณกรรมแปลไทยเลยทีเดียว!! แต่ถึงกระนั้นทางสนพ. รวมถึง แฟนๆที่มาซื้อหนังสือบางส่วนนั้น ก็ถูกหลายฝ่ายติติงในแง่ของความไม่มีระเบียบและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที อย่างไรก็ดี ในงานดังกล่าว ทาง Rose Media ยังได้ประกาศลิขสิทธิ์ฉบับอนิเมของ SAO ด้วย ซึ่งทำเอาบรรดาเว็บแฟนซับจำต้องหยุดการเผยแพร่ และถอดถอนไฟล์อนิเมกันวุ่นเลย อย่างไรก็ตาม มีแฟนๆผู้นิยมของฟรีจำนวนหนึ่ง ต่างรู้สึกผิดหวังที่เรื่องนี้มี LC ในบ้านเราเป็นอย่างมาก จนถึงขนาดพากันไปโวยตามเว็บบอร์ด , FB ของค่ายอนิเมดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่ต่างจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับอนิเม Accel World ที่ทาง Rose เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์อีกเช่นกัน



  ทั้งเฮง-ทั้งซวย แห่งปี : "ทาดาโทชิ ฟูจิมากิ" กับ Kuroko no Basket


  คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในรอบปี 2012 นี้ อ.ทาดาโทชิ ฟูจิมากิ จะเป็นบุคคลในวงการการ์ตูนที่ประสบทั้งเรื่องดีสุดๆ กับ ร้ายสุดๆในปีเดียวกัน ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีทองของ อ.ฟูจิมากิ เลยก็ว่าได้ เพราะ Kuroko no Basket ผลงานการ์ตูนของเขานั้น ได้รับความนิยมจากผู้อ่านมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว จากการที่เรื่องนี้ถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมซีรี่ย์ จึงทำให้ยอดขายฉบับรวมเล่มของการ์ตูนบาสเก็ตบอลเรื่องนี้ดีดตัวสูงขึ้น ขึ้นทำเนียบเป็นการ์ตูนขายดีอันดับต้นๆของญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีผลทำให้อันดับบนหน้าสารบัญนิตยสารโชเน็นจัมป์ของเรื่องนี้ ได้ขยับตัวอยู่ในระดับ TOP 5 บ่อยครั้งขึ้น หลังจากที่อยู่มาแบบเรียบๆเคียงๆ จืดจางตามตัวเอกของเรื่อง นับตั้งแต่ลงตีพิมพ์ครั้งแรกในโชเน็นจัมป์ ฉบับปี 2009 และกำลังจะมีอนิเมซีซั่น 2 เร็วๆนี้อีกด้วย

  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอ.ฟูจิมากิ จะประสบความสำเร็จอย่างสูงกับผลงานซีรี่ย์ของตนเองในปีนี้ ถึงขั้นเป็นซีรี่ย์การ์ตูนที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นประจำปี 2012 เลย แต่ทว่า เขากลับต้องเผชิญกับการถูกปองร้ายโดยบุคคลผู้ไม่หวังดี เมื่อบรรดาสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอ.ฟูจิมากิ ทั้ง โรงเรียน,มหาวิทยาลัยของเขา รวมไปถึง โรงพิมพ์,สถานีโทรทัศน์ และ สถานที่จัดงานอีเว้นต์ ที่เกี่ยวข้องกับ Kuroko no Basket มากกว่า 20 แห่งนั้น ต่างได้รับจดหมายขู่ พร้อมกับได้แนบวัตถุอันตรายต้องสงสัย จากบุคคลลึกลับผู้นั้น เท่านั้นยังไม่พอคำข่มขุ่เหล่านี้ยังได้ถูกโพสต์ไว้ที่บอร์ด 2ch ด้วย ซึ่งข้อความบนจดหมายนั้น ก็มีใจความข่มขู่สร้างสถานการณ์วุ่นวายไปตามงานอีเว้นต์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคุโรโกะ และจากเหตุการณ์ที่ทวีความเลวร้ายลงเรื่อยๆจึงทำให้งานอีเว้นต์โดจินชิของคุโรโกะหลายแห่งพากันทยอยยกเลิกกลางคัน ส่วนบางงานยังคงเสี่ยงจัดต่อไป แต่เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยให้สูงยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าชมงาน ซึ่งก็มีรายงานว่า งาน Comiket งานโดจินชิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ต้องสูญเสียรายได้ถึง 10 ล้านเยน หลังจากตัดสินใจประกาศให้ทุกเซอร์เคิ่ลห้ามวางขายโดจินกับสินค้าของคุโรโกะ ในงานครั้งที่ 83

  .....จนถึงขณะนี้ ยังไม่ใครทราบตัวตนที่แท้จริงของคนร้ายผู้ก่อเหตุเลย รู้แต่เพียงว่า เขาอ้างว่า คนเขียนรู้จักตัวเขาดี และเขาเองก็เกลียดชัง อ.ฟูจิมากิ เอามากๆด้วยเช่นกัน จึงต้องออกมาข่มขู่สร้างความวุ่นวายดังกล่าว แต่ถึงกระนั้น มีการยืนยันจาก อ.ฟูจิมากิ ว่า จะขอเขียนซีรี่ย์การ์ตูนเรื่องนี้ต่อไปจนถึงที่สุด โดยไม่สนใจต่อคำขู่ใดๆ ... เราจึงขอเป็นกำลังใจแก่ อ.ฟูจิมากิ ให้สู้ต่อไป อย่าท้อถอย รวมถึง เป็นกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองของที่นั่น ตามจับคนร้ายตัวจริงให้ได้โดยเร็วที่สุด!!!

  อนึ่ง นอกจาก อ.ฟูจิมากิ จะติดลิสต์บุคคลสุดโชคร้ายประจำปีนี้แล้ว ยังมีอีกคนนึงที่เจอะเจอเรื่องซวย ไม่แพ้กัน เขาคือ มาซากิ คิตามุระ ผู้ช่วยผกก. Gundam 00 ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม โทษฐานส่งข้อความขู่ฆ่าผู้คนบนเว็บไซต์หลักของเมืองโอซาก้า ซึ่งพอมีการสอบปากคำ และ รวบรวมพยานหลักฐาน มาซักระยะหนึ่ง จนทำให้มีการเปิดเผยออกมาภายหลังว่า แท้จริงแล้ว เขาไม่ได้เป็นคนส่งข้อความขู่ฆ่าคนบนถนนสายหนึ่งในโอซาก้าเลย แต่เป็นฝีมือของแฮ็คเกอร์จอมป่วนที่ได้แฮ็คเครื่องคอมของเขา แล้วทำการส่งข้อความข่มขู่จากเครื่องคอมของเขาโดยตรง นั่นเอง ซึ่งต่อมาคนร้ายรายนี้ได้ถูกตำรวจต้อนจนมุม แต่มิวายสร้างเรื่องป่วน ด้วยการส่งข้อความและภาพที่สื่อถึงว่าตนกำลังจะฆ่าตัวตายไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย



  ปวดตับประจำปี : เซ็นเซอร์ Thailand Only - ป้ายยาหม่อง "หน้าอกโกฮัง" บนจอทีวี


  มาถึงยุคพ.ศ.นี้ คอการ์ตูนบ้านเราหลายคนคงจะรู้สึกชาชินไปกับการเซ็นเซอร์แบบประหลาดๆด้วยฝีมือของช่องทีวี(ผู้เคร่งครัดศีลธรรมดีงามเกินเหตุ)กันมานมนาน นับตั้งแต่การได้เห็นหมอกจางๆบนชุดของนามิ - มวนบุหรี่ของซันจิ บ้าง , มีโมเสกมาบังเลือดตัวละครบ้างล่ะ หรือจะเป็นการเซ็นเซอร์ป้ายยาหม่องบนตรง สุรา , ชุดว่ายน้ำ ฉากใช้เท้าสัมผัสจอทีวี หรือฉากอื่นๆ (ที่คนเซ็นเซอร์ทางช่องทีวีมองว่าไม่เหมาะสม) ในอนิเมแฟรี่เทลที่ออกฉายทางฟรีทีวี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คออนิเมบ้านเราได้แต่บ่นด่า และอดทนมาอย่างยาวนานในระดับหนึ่ง จวบจนกระทั่งเหตุการณ์ที่ทำเอาคอการ์ตูนบ้านเราหลายคนถึงกับทนไม่ไหวและปวดตับม้ามไตไปกับการเซ็นเซอร์บนฟรีทีวี นั่นคือ การที่ทางช่องทีวี ได้เซ็นเซอร์เบลอบัง หน้าอกของหนูโกฮัง ในขณะกำลังแปลงร่างเป็นลิงยักษ์ในอนิเม Dragonball Kai ซึ่งการเซ็นเซอร์ตรงฉากนี้นั้นได้สร้างความฉงนงงงวยของผู้ชมไปทั่ว กอปรกับในช่วงเวลาเดียวกัน ทางช่องยังได้ปล่อยหมอกควันเซ็นเซอร์ตัวละครสวมชุดว่ายน้ำในอนิเมเซเลอร์มูนที่ทางช่องทีวีกลับมาฉายใหม่ ซะท่วมจอด้วย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ทำเอาคอการ์ตูนบ้านเราต่างพากันสรรเสริญ รุมจวกกองเซ็นเซอร์ช่องทีวีช่องนั้น โทษฐานที่คิดเล็กคิดน้อยคิดแทนคนดูเกินเหตุ บ้างก็พูดออกแนวประชดประชันว่า "มีแต่คนเซ็นฯเนี่ยล่ะที่เห็นฉากเหล่านี้แล้วเกิดอารมณ์ยิ่งกว่าคนดูอย่างเราๆเสียอีก!!" , "ขอบคุณที่ช่วยให้พวกเขาได้เจียดตัวค์ซื้อแผ่นอนิเมลิขสิทธิ์มากขึ้น" , หรือไม่ก็ "เอาการ์ตูนมาฉายแล้วเซ็นฯพร่ำเพรื่อแบบนี้ อย่าเอามาฉายให้ดูกันเลยจะดีกว่า!!!" เป็นต้น และเท่านั้นไม่พอ ด้วยความไม่พอใจกับวิธีการเซ็นเซอร์บนจอทีวีที่เกิดขึ้น ทำให้มีคนส่วนนึงได้หยิบนำไปทำคลิปวีดีโอล้อเลียนบน Youtube รวมถึงบางส่วนยังได้โพสต์ภาพรูปแบบการเซ็นเซอร์แบบ Thailand Only แบ่งแชร์ให้คนทั่วโลกได้ Fail ปวดตับร่วมกัน ผ่านเว็บบอร์ดและสื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คต่างๆ

  ภาพประกอบจาก 9GAG

  ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้น หากมองในมุมของทีมงานที่รับหน้าเซ็นเซอร์โดยตรง เขาก็ต้องการอยากให้ผู้ชม(โดยเฉพาะเด็กๆ)รับเอาแต่สิ่งดีที่สุดจากสื่อทีวีนะแหละ แต่หากจะว่ากันจริงๆ ใจจริงพวกเขาก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่ที่ต้องทำไปนั้น ก็เพราะต้องการจะปกป้องตัวเอง(ช่องทีวี) จากการถูกบรรดาผู้ปกครองต่อว่า และอีกอย่างมันเป็นงานของพวกเขาด้วย ทว่ายิ่งทำไป พวกเขาก็ยังถูกด่าเหมือนเดิม นั่นก็เพราะว่า พวกเขาต้องคอยมานั่งเซ็นเซอร์ตามคำสั่งของคนบางกลุ่มที่แยกแยะอะไรไม่เป็น ชอบเหมารวมมากกว่า ... ซึ่งถ้าหากอยากให้เด็กๆรับเอาแต่สิ่งดีจากสื่อทุกแขนงล่ะก็ ต้องขึ้นกับการดูแลของผู้ปกครอง สอนสั่งแนะนำให้พวกเค้ารู้จักแยกแยะให้เป็นด้วย

  ถึงกระนั้นก็เถิด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นสิ่ง Failๆ ปวดตับ อันแสนจดจำของคอการ์ตูนบ้านไปนานแสนนานจนชั่วลูกชั่วหลานกันเลยทีเดียว...................



  วงการการ์ตูนไทย รอบปี 2012 : Yak ครื้นเครง คนไทยสร้างชื่อต่างแดนอีกครั้ง


  วงการการตูนไทยในรอบปี 2012 นั้น ที่โดดเด่นคึกคักจริงๆ ก็คงจะเป็น หนังอนิเมชั่น 3 มิติ จากฝีมือคนไทย ที่ได้เข้าฉายในโรงถึง 2 เรื่องด้วยกัน อาทิ Echo จิ๋วก้องโลก โดย Kantana Animation ผู้สร้าง ก้านกล้วย และ Yak โดย Work Point Entertainment โดยเฉพาะในรายของ Yak อนิเมชั่นที่ดัดแปลงจากรามเกียรติ์นั้น ก็ได้รับคำชมมากมาย พร้อมกับได้รับการตอบรับจากคอหนังบ้านเรามากพอสมควร ในส่วนของอนิเมชั่นซีรี่ย์ 3 มิติ ฝีมือคนไทย ก็ยังมีการออกฉายทางทีวีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เบิร์ดแลนด์ , เชลดอน , ชุมชนนิมนต์ยิ้ม เป็นต้น รวมไปถึง ปังปอนด์ ที่มีการออกฉายทางช่องเคเบิ้ลทีวี

  ขณะที่การ์ตูนไทยสไตล์มังงะ ในรอบปีที่ผ่านมา ก็ค่อนข้างจะเงียบเหงาซักหน่อย แต่อย่างน้อยในปีนี้ก็มีนักเขียน หรือ นักวาดชาวไทย สามารถสร้างชื่อเสียงยังต่างแดนได้ เช่น คุณธนิสร์ วีระศักดิ์วงศ์ เจ้าของนามปากกา สะอาด สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศการแข่งขันการ์ตูนนานาชาติครั้งที่ 5 ณ ประเทศญี่ปุ่น จากผลงาน ชายผู้ออกเดินทางตามเสียงของตัวเอง ของ สำนักพิมพ์ LET'S Comic รวมถึง คุณพงศพัฒน์ จิตต์กุศล นักศึกษาชาวไทย สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ สาขาวาดภาพประกอบ ของ Dengeki Taishou จากประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย

  อย่างไรก็ตาม ด้วยสื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่นับวันมีมากขึ้น จึงทำให้บรรดานักวาด ต่างพากันใช้สื่อออนไลน์ ในการเผยแพร่ผลงานการ์ตูนของตนเอง ซึ่งมีทั้งที่เป็นซีรี่ย์ กับ ภาพวาดในเชิงแสดงความคิดเห็นออกแนวปรัชญาและขำขัน เป็นจำนวนมาก


 

   สร้างสรรค์แห่งปี : การ์ตูนญี่ปุ่นลายเส้นไทยขจรขจายไปทั่วหล้า ช่วงเพลาปลายปี

   Credit ภาพประกอบข่าว : SquidManExE , Tan Star , SPEAK ,"วาดอะไรไม่ไทยเบย" และ นักวาดท่านอื่นๆที่ไม่สามารถระบุนามได้


  กลายเป็นเทรนด์ฮิตนิยมช่วงปลายปี 2012 ในหมู่คอการ์ตูนชาวไทย ในระยะเวลาอันสั้น ที่ต่างพากันนิยมวาดภาพและโพสต์ภาพวาดตัวการ์ตูนญี่ปุ่นในสไตล์ศิลปะลายเส้นแบบไทยๆ ที่เราพบเจอกันตามฝาผนังวัดวาอาราม หรือ ไม่ก็มาแบบการ์ตูนสยองขวัญ 5 บาทกัน ซึ่งที่มาของเทรนด์นี้นั้น สืบเนื่องมาจากข่าวที่มีหนุ่มนักเรียนนอกชาวไทยสามารถคว้ารางวัลสาขาวาดภาพประกอบ จากงาน Dengeki Taishou ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งข่าวนี้ได้มีการลงเผยแพร่ไปตามบลอก หรือ เว็บบอร์ด ต่างๆ รวมไปถึงกระทู้นึงในบอร์ด pantip ด้วย ซึ่งกระทู้ดังกล่าวบน pantip นั้น ก็ได้มีความเห็นหนึ่งที่ออกมาติติง ท่ามกลางเสียงคอมเมนต์ชื่นชมยินดีผู้ชนะเลิศหลายต่อหลายคน ประมาณว่า ลายเส้นผลงานของผู้ชนะเลิศนั้นออกญี่ปุ่นจ๋าเหลือเกิน และจากความเห็นนี้ ก็กลายเป็นชนวนให้เกิดดราม่ากันในกระทู้นั้นสลับกันไป จวบจนกระทั่งมีบรรดาคอการ์ตูนส่วนหนึ่ง เกิดนึกสนุก ออกมาประชดประชันแบบขำๆ ด้วยการหยิบเอาการ์ตูนดังๆ อย่าง โจโจ้ ,มาโดกะ , ดราก้อนบอล,ยูกิโอ,กันดั้ม ฯลฯ มาวาดภาพในสไตล์ลายไทย พร้อมกับมีการล้อเลียนชื่อเรื่อง คำโปรย และทำฟ้อนต์ในสไตล์ไทยโบราณ ซึ่งภาพเหล่านี้ได้มีโพสต์แชร์กันไปตามสื่อออนไลน์ต่างๆ จนเป็นที่ชื่นชอบ และ ขบขันของใครหลายคน ซึ่งต่อมาภาพการ์ตูนเหล่านี้ยังได้เผยแพร่ไปยังเว็บไซต์ บลอก และ สื่อออนไลน์ของทางญี่ปุ่นด้วย และภาพวาดเหล่านี้ได้กลายเป็นที่ชื่นชอบ ชื่นชม เฮฮาหงายเงิบของคอการ์ตูนญี่ปุ่นที่ได้รับชมภาพเหล่านี้ด้วยเช่นกัน.....

  ซึ่งภาพเหล่านี้ แม้ส่วนหนึ่งจะทำมาในเชิงล้อเลียน ประชดประชัน กันอย่างสนุกสนานก็ตาม แต่หากคิดพินิจพิเคราะห์กันดีๆแล้ว จะเห็นได้ว่า การจะวาดภาพการ์ตูน รวมไปถึงการคิดคำโปรย ในสไตล์ไทยโบร่ำโบราณให้ได้แบบนี้นั้น จะต้องใช้ฝีมือ,ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ (รวมไปถึงความกล้า)ของตนเองอย่างสูงในระดับหนึ่งเลยทีเดียว จึงไม่แปลกที่เราจะยกให้ปรากฏการณ์นี้ คือ สิ่งสร้างสรรค์สุดๆ ประจำปีนี้ .....ข้าพเจ้าให้ผ่านขอรับ!!

  อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับประเด็นความเป็นเอกลักษณ์ที่แท้จริงเกี่ยวกับลายเส้นในการ์ตูนไทยนั้น ถือเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมานาน ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งตรงนี้ เราไม่อาจชี้นำได้ว่าลายเส้นไหนเป็นเอกลักษณ์แท้จริงของการ์ตูนไทย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คงจะเป็นเรื่องของบริบทการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับงานเสียมากกว่า สำหรับการ์ตูนไทยนั้น ลายเส้นนั้นคือเรื่องรอง แต่ที่สำคัญกว่าคือ เนื้อเรื่อง ที่คนเขียนการ์ตูนไทยจะต้องคิดกันล่ะว่า จะทำอย่างไรให้เนื้อเรื่องออกมาน่าสนใจ พอดึงดูดให้คอการ์ตูนบ้านเราหันมาติดตามสนับสนุนกันมากขึ้นกันล่ะ ? อีกทั้งการที่จะทำให้การ์ตูนไทยยอมรับมากขึ้นได้นั้น ควรจะต้องมีการปรับแนวคิด ทัศนคติ ความอคติ ของคนไทยบางกลุ่มด้วยอีกเช่นกัน

  ชมภาพอื่นๆต่อได้ที่
  http://uwakabu.blog.fc2.com/blog-entry-22.html
  http://www.facebook.com/WadAriMiThaiBuey
  http://www.facebook.com/SquidManExE
  http://www.facebook.com/PatinumPatty
  http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2012/11/A12952890/A12952890.html กระทู้คุณ Tom Marvolo Riddle


  ปีรุ่งเรืองของละครเวทีดัดแปลงจากการ์ตูนดัง

  ในรอบปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีสุดบูมของโปรเจ็คละครเพลง ละครเวที ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนอนิเมดัง ซึ่งเทรนด์การสร้างละครเวทีที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนนั้น มีมาตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมแห่กันสร้างมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ โดยในรอบปีที่ผ่านมา ก็มีละครเพลง ละครเวที จากการ์ตูนอนิเมดัง ซึ่งก็มีทั้งเรื่องที่แสดงกันไปแล้ว กับอีกส่วนหนึ่งที่กำลังจะเปิดการแสดงในอนาคต อาทิ Code Geass เวอร์ชั่นละครเพลงชายล้วน,Blue Exorcist ,Working!!,Tiger & Bunny , ละครเพลงร็อค บลีช , Jin หมอทะลุศตวรรษ ในเวอร์ชั่นละครเวทีของคณะทาคาระซึกะ (หญิงล้วน), ละครเพลงของ Ikkitousen ,ละครเพลงหญิงล้วนของ Sengoku Basara , ละครเพลงของ Buddha ผลงานของ อ. โอซามุ เท็ตซึกะ เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นความโชคดีของแฟนที่ญี่ปุ่นที่ได้สัมผัสกันใกล้ชิด แต่สำหรับแฟนๆในบ้านเรานั้น คงต้องบินไปชมถึงถิ่นสถานเดียว!!

 


 เจ็บแปลบแห่งปี : ความเห็นของ "โอตากิง" ที่มีต่อ ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์


  แม้ว่าจะเป็นเพียงข่าวสั้นๆ ที่อาจลืมเลือนกันไปตามกาลเวลา แต่อย่างน้อยด้วยความคิดเห็นของเขานั้น ก็ทำให้บรรดาผู้นิยมของฟรี จิตสำนึกน้อย ได้ยินได้ฟังแล้วถึงกับหน้าชาไปตามๆกัน เรื่องของเรื่องนั้นก็มาจากการที่ โทชิโอะ โอกาดะ หรือ โอตากิง ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตประธานของสตูดิโอ Gainax ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาดาวน์โหลดอย่างผิดกฎหมาย กลางรายการทอล์กโชว์รายการหนึ่งของ Nico Nico Douga ซึ่งเขาได้ตอบกลับคำถามจากผู้ชมรายการคนนึงว่า หากคุณพอใจ มีความสุขกับการดาวน์โหลดอย่างผิดกฎหมาย แล้วล่ะก็ นั่นเป็นเรื่องที่ดี หลังจากนั้นเขาก็ได้แนะนำให้แฟนๆซื้อสินค้าอย่างถูกต้องหากมีกำลังทรัพย์พอ เท่านั้นไม่พอ เขายังได้เปรียบเปรยกลุ่มคนที่ชอบละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆนานาว่า เป็นพวกที่ชอบแอบอ้างว่าตนเองไม่เคยอยากออกเดท สนใจกับผู้หญิงคนไหนเลย แต่แท้จริงแล้ว พวกเขากลับมีความรู้สึกอยากแต๊ะอั๋งหญิงสาวบนรถไฟให้นานที่สุด ทั้งที่เขาไม่สามารถทำแบบนี้ได้ (ประมาณว่า ไม่ชอบใจสินค้าลิขสิทธิ์ของแท้ แต่กลับไปใช้สินค้าเถื่อนมากกว่า ว่างั้น!?)

  เขากล่าวต่อว่า ในมุมมองของผู้สร้างนั้น โอกาดะเชื่อว่าผู้คนที่ยังคงจับจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าที่ดีนั้น ยังคงมีอยู่เสมอ และผู้สร้างหวังที่จะได้รับการตอบแทนที่ดีเยี่ยมที่สุด โดยการรักษาความคาดหวัง พร้อมๆกับ รักษาแนวความคิดนี้เอาไว้ในใจ ซึ่งมันจะเป็นการดีกว่า ที่จะยอมรักษากลุ่มคนที่ไม่มีตังค์มากพอที่จะซื้อสินค้าความบันเทิง มากกว่าที่จะปล่อยให้เค้ารู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนอย่างเคย

  ซึ่งมุมมองความเห็นของ โอกาดะ นั้น ยอมรับว่า ทัศนคติเช่นนี้ของเขาเป็นการดูถูกคนทั่วๆไป แต่เขาได้แนะนำให้แฟนๆผู้อุดหนุนสินค้าลิขสิทธิ์ ให้คิดซะว่าตนนั้นอยู่ระดับที่สูงกว่าคนที่ชอบเอาแต่ของฟรีไม่ยอมจ่ายตังค์ ซึ่งแทนที่จะเอาแต่โกรธแค้นเป็นฟืนเป็นไฟกับคนที่ชอบละเมิดลิขสิทธิ์ แฟนๆกลุ่มจ่ายตังค์ควรจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจและเข้าใจคนกลุ่มนั้น และคิดเสียว่าคนกลุ่มนั้นเป็นพวก "สัตว์เลี้ยง ไม่ใช่ ปรสิต"

  .......จากข้างต้น เกี่ยวกับคำพูด ความเห็นของเขานั้น ฟังแล้วออกจะแรงๆ เจ็บๆ คันๆ คมกริบ......... แต่ก็ทำให้หลายคนได้คิดตระหนักถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ............ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่เขาว่ามาคือ คนเรามักจะสนใจในเรื่องส่วนตัวของตน และคุณค่าการกระทำบางอย่างนั้น สามารถนำพาผลประโยชน์มาสู่พวกเขาได้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์กันไม่รู้จักจบสิ้น ...เลยเอามาฝากไว้เป็นข้อคิดและใช้วิจารณญาณกันเยอะๆนะครับ

  อนึ่ง โทชิโอะ โอกาดะ เป็น 1 ใน 9 ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Gainax และได้ดำรงตำแหน่งประธาน ก่อนที่จะลาออกมาในปี 1992 โดยผลงานสร้างชื่อของเขา คือ เป็นผู้เขียนบทให้อนิเมเรื่อง Gunbuster และ Otaku no Video ปัจจุบันเป็นประธานบริษัท Otaking และ Cloud City นอกจากนี้ยังออกรายการสดทาง nicovideo สม่ำเสมอ


  ดราม่าระหว่างจีน-ญี่ปุ่น ที่ข้องเกี่ยวกับวงการการ์ตูนอนิเม พร้อม ข่าวมังงะ-อนิเม อื่นๆ ที่น่าสนใจ ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2012


  ขึ้นชื่อว่า จีนกับญี่ปุ่น เป็นเพื่อนร่วมทวีป 2 ชาติ ที่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นับจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ถึงแม้ว่าปัจจุบัน ความระหองระแหงของคนทั้ง 2 ชาตินี้จะลดน้อยเจือจางลงไปตามกาลเวลา แต่ถึงกระนั้นก็มีเหตุการณ์อื่นๆ ที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศ เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันอยู่เนืองๆ โดยล่าสุดทั้งสองประเทศนี้ได้เกิดข้อพิพาทยื้อแย่งหมู่เกาะเซนกากุ (หรือ เตียวหยู ในภาษาจีน) กัน  ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านญี่ปุ่นอย่างรุนแรงในหมู่ของชาวจีนที่อาศัยอยู่บน แผ่นดินใหญ่  ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ ส่งผลกระทบวงกว้างไปยังวงการอื่นๆ  เช่นเดียวกับวงการการ์ตูนในจีน   ทำให้งานอีเว้นต์การ์ตูน อนิเม เกมญี่ปุ่น ในจีน ต่างทยอยเลื่อนการจัดงาน หรือ ยกเลิกไปตามๆกัน  ซึ่งมีตั้งแต่  งานฉลองวันเกิดล่วงหน้า 100 ปี โดราเอมอน กับ งาน Animation-Comic-Game (ACG) รวมไปถึง คอนเสิร์ต Anisama in Shanghai 2012 -Next Stage-  ที่เซี่ยงไฮ้

  นอกจากนี้ทั้งจีนและญี่ปุ่น ยังมีดราม่าอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูน อีก ไม่ว่าจะเป็นกรณีพิพาทเรื่องลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าของเครยอนชินจังใน จีน ที่ทางบริษัทในจีนได้แอบอ้างปลอมแปลงมาตลอด  ซึ่งสนพ.ฟุตาบาฉะ  ต้นสังกัดของชินจังที่ญี่ปุ่น ได้พยายามต่อสู้คดีนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งเอาชนะคดีได้ในที่สุดในปีนี้  และจากการที่จีนมีปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์อนิเมบ่อยครั้ง จึงทำให้รัฐบาลจีน ตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง  รวมไปถึง การที่ ช่อง CCTV ของจีน ได้หยิบยกคำพูดประโยคหนึ่งจากหนังจอเงินของยอดนักสืบจิ๋วโคนันชุด Phantom of Baker Street  ไปโจมตีการเมืองญี่ปุ่น ที่ยังคงเล่นพรรคเล่นพวกของตนเองอยู่  ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการได้รับชัยชนะของพรรค LDP ในการเลือกตั้งทั่วไปที่ญี่ปุ่นในครั้งล่าสุด ซึ่งสส.จำนวนหนึ่งที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในญี่ปุ่นครั้งนี้นั้น เป็นทายาทของนักการเมืองรุ่นเก่าของญี่ปุ่นอีกด้วย


-ด้วยความนิยมของการ์ตูนญี่ปุ่น จึงทำให้ที่ประเทศอินเดีย มีเทรนด์การพัฒนาวงการการ์ตูนอนิเมชั่นแปลกๆ ด้วยการนำการ์ตูนฮิตสมัยก่อนของญี่ปุ่นอย่าง Kyojin no Hoshi กับ นินจาฮาโตริ ไปดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นของตนเอง โดยปรับเปลี่ยนเนื้อหา บรรยากาศ ให้ใกล้เคียงกับสังคมอินเดียมากที่สุด (โดยเฉพาะกับเรื่องแรกนั้น เปลี่ยนจากการ์ตูนเบสบอล ไปเป็น การ์ตูนคริกเก็ต กีฬายอดนิยมของคนแถวนั้น ไปซะงั้น)

-ขณะที่ซุปเปอร์ฮีโร่ มะกัน ก็เริ่มนิยมไม้ป่าเดียวกัน ด้วยการนำเสนอเรื่องราวความรักของคนเพศเดียวกัน เริ่มจากซีรี่ย์ X-Men จะมีเรื่องราวงานแต่งงานของสองซูเปอร์ฮีโร่ที่เป้นคู่รักเกย์ ท่ามกลางสักขีพยานคือซูเปอร์ฮีโร่จำนวนมาก เช่นเดียวกับ ฝั่งฮีโร่ของ "DC" ได้ประกาศว่า จะเปิดเผยซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นนักรักร่วมเพศเช่นกัน

- Frank Agrama ผู้ก่อตั้ง Harmony Gold USA สตูดิโอผลิตและนำเข้าอนิเม และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับอนิเม Robotech (อนิเมอเมริกันที่เป็นการนำอนิเมดังจากญี่ปุ่น 3 เรื่องมายำรวมกัน ทั้ง Genesis Climber Mospeada , Super Dimension Cavalry Southern Cross และ Super Dimension Fortress Macross ) ถูกศาลมิลาน อิตาลี ตัดสินจำคุก Fเป็นเวลา 3 ปี โทษฐานความผิดในคดีโกงภาษี เช่นเดียวกับ Silvio Berlusconi อดีตนายกฯอิตาลี และประธานสโมสรฟุตบอล AC Milan ที่ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ในข้อหาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ภายหลัง Agama ไม่ต้องเข้าคุก เนื่องจากกม.นิรโทษกรรมของอิตาลีฉบับปรับปรุงใหม่ได้ระบุว่า ใครที่ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี หรือ น้อยกว่านั้น จะไม่ต้องไปนอนคุกแต่อย่างใด

-Disney ถูกคนเชื้อสายฮิสแปนิก กล่าวหาว่า มีเจตนาบิดเบือนอิมเมจตัวละคร "โซเฟีย" จากหนังการ์ตูนสำหรับทางโทรทัศน์เรื่อง Sofia the First: Once Upon a Princess ซึ่งตัวละครตัวนี้ถือเป็น "เจ้าหญิงลาติน" คนแรกของดิสนีย์

- Tatsunoko Production สตูดิโออนิเมญี่ปุ่น ได้ดำเนินการฟ้องร้องพนักงาน 3 คนของ Speed Racer Enterprises (SRE) บริษัทผู้ดูแลลิขสิทธิ์ของการ์ตูนเรื่อง Speed Racer ในอเมริกา โทษฐานที่พวกเขาได้เอาลิขสิทธิ์ของอนิเมแข่งรถเรื่องดังสุดคลาสสิคเรื่องนี้ ไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งๆที่สัญญาดูแลลิขสิทธิ์ได้หมดอายุไปแล้ว

 


- โคดันฉะ สนับสนุนการเผยแพร่สิ่งพิมพ์/สื่อดิจิตอล ไปพร้อมๆกัน ในญี่ปุ่น

- Kadokawa จับมือกับ Amazon Japan ในการจัดจำหน่ายสื่อ E-Book ของตน รวมถึง มีแผนในการเผยแพร่หนังสือในสังกัด ในรูปแบบ E-Book ผ่านโปรเจ็คห้องสมุดออนไลน์ของ Google

-IG Port บริษัทแม่ของ Production I.G ,Xebec, Mag Garden และ Wit Studio ได้จัดตั้ง Production I.G Canadian Bureau บริษัทลูก ซึ่งเป็นบริษัททำหนังที่ประเทศแคนาดา

-รอบปีที่ผ่านมา มีนิตยสารการ์ตูนญี่ปุ่นส่วนหนึ่งที่ได้หยุดตีพิมพ์ไป ได้แก่ Comic Valkyrie (เผยแพร่ออนไลน์แทน),Altima Ace,Dengeki Daioh Genesis, Nemuki , Tsubomi

- Bandai วางแผนเตรียมขยายร้าน Gundam Café ร้านคาเฟ่ในธีมกันดั้มของพวกเขา ไปยังเมืองต่างๆในญี่ปุ่น จากเดิมที่มีอยู่ 3 สาขาในกรุงโตเกียว



 

- One Piece Film Z กลายเป็น หนังญี่ปุ่นที่สามารถทำรายได้เปิดตัวสูงที่สุด จากการออกฉายเปิดตัวช่วงสุดสัปดาห์แรกของญี่ปุ่น ประจำปี 2012 ไปครอง แซงหน้า Evangelion 3.0 ที่เคยทำสถิตินี้ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้า

- แม้ว่า Eva 3.0 จะถูกหนังจอเงินภาคล่าสุดของวันพีซโค่นสถิติรายได้เปิดตัวสูงสุดไป แต่อย่างน้อย เพลงจากอนิเมซีรี่ย์ Evangelion สามารถติดอันดับ 4 เพลงที่มีค่าลิขสิทธิ์สูงที่สุด ในช่วง 3 ทศวรรษของญี่ปุ่น อีกด้วย เท่านั้นไม่พอ Eva 3.0 ช่วยสร้างสถิติใหม่แก่โรงหนัง Shinjuku Wald 9 กรุงโตเกียว ด้วยการมีส่วนร่วมช่วยให้โรงหนังแห่งนี้ทำสถิติยอดผู้ชมและรายได้จากการขายตั๋วหนังสูงที่สุดภายในวันเดียว เมื่อ 17 พ.ย. 2012

- "ผ่าพิภพไททัน" ทำสถิตยอดตีพิมพ์ทะลุถึง10 ล้านเล่มแล้ว!!!!! และด้วยความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทำให้เรื่องนี้กำลังจะมีอนิเมซีรี่ย์ตามมา

- One Piece, Madoka Magica คว้ารางวัล ลิขสิทธิ์ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นประจำปี 2012 จาก Databank

- อันปังแมน ครองแชมป์ คาแร็คเตอร์ทรงคุณค่าของญี่ปุ่น ประจำปี 2011ของหนังสือ หนังสือ CharaBiz Data 2012

- Silver Spoon สร้างสถิติยอดตีพิมพ์ถึงล้านเล่ม รวดเร็วที่สุดของสนพ. โชกะกุกัง โดยใช้เวลาเพียง 1 ปี กับ 3 เดือนเท่านั้น นับจากเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2011

- Fate/Zero ทุบสถิติ ฮารุฮิ ด้วยยอดขาย BD เปิดตัวสัปดาห์แรกสูงที่สุด และ Blu-ray Disc Box เซ็ตที่ 1 ของเรื่องนี้ กลายเป็นแผ่น Blu-ray ที่สามารถทำเงินได้สูงที่สุดประจำปี 2012 ขณะที่ Gundam UC แผ่นที่ 5 นั้น เป็นแผ่น Blu-ray ที่มียอดขายแผ่นสูงที่สุด ประจำปี 2012 เช่นกัน

- Oreimo เปิดตัวท็อปชาร์ตไลท์โนเวลขายดีที่ญี่ปุ่น 4 เล่มรวด

- ส่วนคนนี้เกี่ยวข้องการ์ตูนหน่อยนึง เมื่อ นานะ มิซึกิ นักพากย์นักร้องสาวคนดัง กลายเป็นนักพากย์ผู้มีซิงเกิ้ล ติดชาร์ต Top 10 มากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงญี่ปุ่น !!

- "ตินติน" หรือ The Adventure of Tin Tin การ์ตูนผจญภัยเรื่องดังของเบลเยี่ยม สามารถทุบสถิติปกหนังสือการ์ตูนแพงที่สุดในโลก กับปกที่ตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2475

- อนิเมสองเรื่องจากซีรี่ย์นิยาย Monogatari อย่าง Bakemonogatari กับ Nisemonogatari สามารถทำยอดขาย DVD กับ BD ได้รวมกันทะลุเกิน 1 ล้านแผ่น

- ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 17 ล้านเล่ม ด้วยกัน

- อนิเม Space Brother หรือ สองสิงห์อวกาศ กลายเป็นอนิเมญี่ปุ่นเรื่องแรก ที่มีการบันทึกเสียงพากย์บนห้วงอวกาศ บริเวณสถานีอวกาศนานาชาติ กับการบันทึกเสียงของ อาคิฮิโกะ โฮชิเดะ นักบินอวกาศชาวญี่ปุ่นตัวจริงเสียงจริง อีกทั้งเรื่องนี้ยังได้นักบินอวกาศตัวจริงคนอื่น มาบันทึกเสียงพากย์อีกด้วย

-จากความนิยมของฉบับอนิเม ส่งผลให้ Magi ซีรี่ย์การ์ตูนอาหรับราตรี มียอดตีพิมพ์เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ภายใน 4 เดือน นับจากเรื่องนี้ถูกประกาศทำเป็นอนิเม ปัจจุบันมียอดตีพิมพ์มากกว่า 500,000 เล่มแล้ว จากเดิมตอนที่ยังไม่มีการประกาศทำเป็นอนิเม เล่ม 1 มีจำนวนยอดตีพิมพ์เพียง 250,000 เล่มเท่านั้น

- Road to Ninja คือ หนังจอเงินของนารุโตะ ที่โกยรายได้สูงที่สุด


- Eiga Smile Precure: Ehon no Naka wa Minna Chiguhagu! กลายเป็นหนังจอเงินของซีรี่ย์ Precure ชุดแรก ที่สามารถเปิดตัวด้วยรายได้อันดับ 1 ในชาร์ต Box Office ญี่ปุ่น ซึ่งการมาของหนังจอเงินชุดนี้ ทำให้หนังจอเงินจากซีรี่ย์ Precure มีการออกฉายรวมกันเกิน 10 ล้านครั้งแล้ว

- IDOLM@STER คว้ารางวัลโปรเจ็คยอดเยี่ยมของ Japan Record Awards ครั้งที่ 54 อีกทั้ง ฉบับอนิเมของเรื่องนี้ ยังสามารถกวาดรางวัล Newtype Anime Awards ครั้งที่ 2 ได้หลายสาขารางวัลอีกด้วย

- Kingdom ฉบับที่ 26 ในแบบ "วาดใหม่" ได้ถูกบันทึกสถิติลงใน Guinness World Record ในฐานะที่เป็นซีรี่ย์การ์ตูนที่มีคนช่วยกันเขียนมากที่สุดในโลก ซึ่งก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากแคมเปญ Social Kingdom ที่เป็นการเชิญชวนให้แฟนๆนับพันคน รวมถึงคนดังจากวงการที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันวาดภาพซะใหม่ ปัจจุบันเล่มนี้สามารถหาอ่านได้บนเว็บไซต์หลักของแคมเปญดังกล่าว


  ซีรี่ย์การ์ตูนดัง พากันปิดฉาก ราวใบไม้ร่วง ปีมังกร 2012


   เป็นสัจธรรมของโลก ที่ทุกสรรพสิ่งย่อมมีพบ ก็ต้องมีวันจาก ซึ่งซีรี่ย์การ์ตูนก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาวหรือเรื่องสั้น ยังไงซะก็ต้องมีวันจบสิ้น โดยในปี 2012 นี้ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นปีมังกรไฟกลายๆ ที่ได้พรากการ์ตูนซีรี่ย์ดังๆ จบไปตั้งหลายเรื่อง เล่นเอาบรรดาแฟนๆของเรื่องนั้นๆ ถึงกับใจหาย อารมณ์ค้างกันไป แต่อย่างไรซะ ในจำนวนนี้ ก็มีอยู่บางเรื่องที่มีบทสรุปแบบไม่ค้างคาใจใดๆ :

    เนกิมะ

    Air Gear

    Sayonara Zetsubou Sensei

    Bakuman

    นูระหลานจอมภูต

    Magico

    ฮันมะ บากิ - อาจมีเขียนต่อในอนาคต

    MM!

    K-ON! (ทั้งภาคมหาวิทยาลัย และ มัธยม )

    สึซึกิคุง I Love You

    Mardock Scramble

    Gaku - ซัมโปะ จอมคนแห่งขุนเขา

    Tough

    Gunslinger Girl

    Gakuen Alice

    Otomen

    GT-R Great Transporter Ryuji (จบชั่วคราว)

    ฤทธิ์ดาบไร้ปราณี

    Danshi Kōkōsei no Nichijō

    Black Bird

    Reborn

    The World of Narue

    Addicted to Curry (สูตรฮิตเมนูฮ็อต) - บ้านเราจบตั้งแต่เล่ม 8 แล้วล่ะ (สนพ.ไม่ยอมออกต่อ)

  นอกจากนี้ ยังมีการ์ตูนดังส่วนหนึ่ง ที่ได้เข้าสู่เนื้อหาช่วงสุดท้ายแล้ว นั่นคือ นารุโตะ ที่ อ.คิชิโมโตะ เผยว่า จะเขียนต่ออีกราวปีครึ่ง แล้วก็ บลีช ที่ฉบับมังงะ อยู่ในช่วงภาคสุดท้ายอย่างเข้มข้น และที่สำคัญ ฉบับอนิเมซีรี่ย์จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมี Vampire Knight ที่กำลังเข้าสู่เนื้อหาไคลแมกซ์กันต้นปี 2013 , อย่างไรก็ตามก็มีซีรี่ย์ที่ยืนยันว่าจะจบในปี 2013 อย่างแน่นอน ประกอบด้วย หนีตายเกาะนรก ล้านปี , Kodomo no Jikan, Durarara!! - Saika Arc

  อย่างไรก็ดี ก็มีซีรี่ย์อีกเรื่องหนึ่ง ที่มีข่าวจากหลายสำนักได้รายงานว่าจะจบในปีที่ผ่านมาเช่นกัน นั่นคือ เรื่อง Claymore แต่เอาเข้าจริง ปรากฏว่า เรื่องนี้ไม่ได้อวสานแต่อย่างใด เป็นเพียงความเข้าใจผิดของแหล่งข่าวต่างประเทศ ที่เล่นเอาแฟนๆเรื่องนี้โดนสับขาหลอกไปตามๆกัน


  List คนวงการการ์ตูนอนิเม ผู้จากไปในปี 2012


  ในปี 2012 ที่ผ่านมา ได้มีคนวงการการ์ตูนอนิเมได้จากไปพอสมควร เราจึงได้รวบรวมชื่อ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี ผลงานที่พวกเขาได้ฝากเอาไว้ยามที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ :

    อัตซึโอะ โอคุนากะ ผกก.ไอ้มดแดง V3

    Sayuri นักพากย์อนิเมรุ่นเก๋าจาก Mobile Suit Gundam Wing , The Simpsons เวอร์ชั่นเสียงภาษาญี่ปุ่น ,Crayon Shin-chan

    โนโบรุ อิชิกุโระ ผกก.Yamato, Macross

    ชิเงรุ อารากิ นักแสดงนำจาก Kamen Rider Stronger

    ชูอิจิ ฮิกุราชิ ศิลปินผู้วาดภาพปกให้กับนิตยสาร Big Comic

    Donna Summer ราชินีเพลงดิสโก้ เจ้าของเพลง Power of One เพลงประกอบหนังอนิเม Pokemon 2000 ที่ฉายในอเมริกา

    ชินโง มินามิโนะ โปรดิวเซอร์ดนตรี Nitroplus

    อากิระ ไดคุบาระ อนิเมเตอร์ประสบการณ์สูง มีส่วนเกี่ยวข้องกับอนิเมหลากเรื่องของ Nihon Dogasha กับ Toei Animation

    จุนโกะ นากาโนะ ผู้แต่ง Chisa x Pon/Hetakoi

    ทาโร่ อาราคาว่า นักพากย์ประสบการณ์สูงจากอนิเมญี่ปุ่นยุคคลาสสิค เป็นที่รู้จักจากบทบาทการพากย์เป็น โนริสุเกะ นามิโนะ จาก Sazae-san

    เคย์จิ นากาซาว่า ผู้แต่ง Barefoot Gen หรือ เก็น เจ้าหนูสู้ชีวิต ซึ่งผลงานดังกล่าว ได้หยิบมาจากประสบการณ์ชีวิตจริงของผู้แต่ง ที่เป็นหนึ่งในบุคคลผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

     


นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนตลอดปี 2012 ในปี น้องงูที่กำลังจะมาถึงนี้ วงการการ์ตูนจะก้าวไปในทิศทางไหนกัน ก็ต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไปครับ ซึ่งเราก็ขอให้ทุกคนจงมีแต่ความสุข ความโชคดี จะทำอะไรขอให้ปลอดอุปสรรคทั้งปวง ตลอดปีพ.ศ. ๒๕๕๖ หวังว่าขอให้รัก สามัคคี กันนะครับ !!!!!!!!!!!............ (ยังมีตอนต่ออีกเน้อ)



สำนักข่าว KD News
 
free hit counter javascript