สรุปข่าววงการการ์ตูนประจำปี 2560 (1): เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ ข่าวสำคัญ วงการการ์ตูนประจำปี 2560

ปี 2017 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย โดยเกือบตลอดทั้งปี บ้านเราจะอยู่ในบรรยากาศการไว้อาลัยให้แก่ในหลวงรัชกาลที่ 9 กัน ในระหว่างนั้น เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเรานั้น ยังคงมีแต่เรื่องเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ทั้งเรื่องของการเมือง การเห็นต่าง การกระทบกระทั่ง การแซะกันอย่างมีมูลและไม่มีมูล , เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ที่ยังต้องแก้ไขปัญหากันต่อไป แล้วก็ดราม่าเล็กๆน้อยๆ ที่ออกจะไปในแนวไม่มีสาระซักเท่าไหร่ ถึงกระนั้น ในสภาพบ้านเมืองของเราในตอนนี้ อย่างน้อยก็พอมีฮีโร่ที่เราควรยกย่องและประพฤติตนเป็นแบบอย่าง อย่างเช่น พี่ตูน บอดี้สแลม ที่ออกวิ่งช่วยเหลือด้านการแพทย์ที่กำลังขาดแคลน รวมถึง ทัพนักกีฬาซีเกมส์ 2017 แล้วก็ เจ ชนาธิป ที่ได้ไปค้าแข้งฟุตบอลที่ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งกลุ่มคนเรานี้ คือสิ่งที่เราควรจะยกย่องเชิดชู มากกว่า พวกเน็ตไอด้อลสายเสื่อม ฆาตกรหน้าสวย ตามที่พวกสื่อชอบประโคมข่าวกัน !!!!

ในส่วนของข่าวคราวในวงการการ์ตูน รอบปี 2017 ก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นหลายอย่าง ก็เลยถือโอกาสขอเก็บรวบรวมเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในวงการการ์ตูนประจำปี 2016 มาสรุปกันให้ได้รับทราบพอสังเขป ในตอนแรกนี้ จะเป็นการสรุปข่าวและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนตลอดทั้งปี 2017
ส่วนตอนสอง จะเป็นการสรุป LC - อนิเม และ สื่อที่เกี่ยวข้องในบ้านเรารอบปี 2017 ครับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปทบทวนกันเลยครับ!!!

สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook


หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ


   เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ ข่าวสำคัญ วงการการ์ตูนประจำปี 2560

   #ครบรอบ 100 ปี อนิเมชั่นญี่ปุ่น

100 years anime

สรุปข่าวแรกประจำปีนี้ จะเรียกว่าเป็นข่าว 'อันดับ 0' ก็ว่าได้ (เพราะเป็นข้อมูลที่น้อยคนนักจะรู้) ....ท่ามกลางเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในรอบปีไก่ ระกา ซึ่งมีอยู่มากมายนั้น แต่สำหรับวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่น ในปี 2017 นี้ ถือเป็นปีสำคัญ เพราะว่า เป็นปีที่อนิเมชั่นญี่ปุ่นได้ถือกำเนิดขึ้นครบ 100 ปี แล้ว นับตั้งแต่ปี 1917 จากผลงานหนังอนิเมชั่นสั้นเรื่อง Namakura Gatana ซึ่งถือเป็นหนังอนิเมชั่นเก่าแก่ของญี่ปุ่นเพียงไม่กี่เรื่องที่ยังคงหลงเหลือ และ ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ (จริงๆ ยังมีเรื่องที่เก่ากว่านั้น เพียงแต่หลักฐานข้อมูลต่างๆไม่แน่ชัด จึงไม่ได้รับการรับรองแต่อย่างใด)

หลังจากนั้น อนิเมชั่นญี่ปุ่นก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นลำดับขั้น นับจาก Chikara to Onna no Yo no Naka อนิเมญี่ปุ่นเรื่องแรกที่มีการบันทึกเสียงพากย์ เมื่อปี 1933 , Momotaro's Divine Sea Warriors หนังอนิเมชั่นเต็มรูปแบบเรื่องแรกของญี่ปุ่น เมื่อปี 1944 จนกระทั่งการมาของอนิเมซีรี่ย์ เจ้าหนูอะตอม (Tetsuwan Atom / Astro Boy) ซึ่งเป็นอนิเมทีวี ความยาว 30 นาที เรื่องแรกของญี่ปุ่นนั่นเอง ก็นำไปสู่ทำให้กระแสอนิเมทีวีบูมอย่างถึงขีดสุด ในญี่ปุ่นช่วงยุค 70-80 โดยมีการจัดทำอนิเมชั่นมากมายหลายเรื่อง ทั้งออริจินอล หรือ ดัดแปลงจากมังงะดัง ออกฉายทางทีวีให้ผู้ชมได้สัมผัส ประทับใจกันอย่างมากมายมิรู้ลืม จวบจนถึงปัจจุบัน ทั้ง โดราเอมอน , กัปตันฮาร์ล็อค , กันดั้ม ,ผีน้อยคิทาโร่ , ดราก้อนบอล ฯลฯ ก่อนที่อนิเมญี่ปุ่นจะถูกเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รับรู้ มากยิ่งขึ้น ช่วงยุค 90 จนกระทั่ง ประสบความสำเร็จสูงที่สุด ด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ สาขาหนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม เมื่อปี 2003 จากเรื่อง Spirited Away

ปัจจุบัน แม้ว่าอนิเมญี่ปุ่นในทุกวันนี้ ค่อนข้างจะหลากหลายแนว เข้าถึงรสนิยมผู้ชมได้กว้างกว่าเมื่อก่อน แต่ถึงกระนั้น สิ่งหนึ่งที่วงการอนิเมญี่ปุ่นยังคงประสบปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก และถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นทุกๆปี นั่นคือ เรื่องของสภาพการทำงานและสวัสดิการของอนิเมเตอร์ ที่นับวันใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากกว่าที่คิด จากการที่พวกเขาได้รับค่าจ้างต่ำ สวนทางกับเวลาการทำงานที่หนักขึ้นยิ่งกว่าเก่า (จากการที่มีโปรเจ็คอนิเมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน) ซึ่งประเด็นนี้ เป็นประเด็นหนึ่งที่คนในวงการ พยายามถกหาทางออก เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขกันอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนหนึ่งที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบ Production Committee ที่เอื้อประโยชน์ให้สตูดิโอกับสปอนเซอร์ มากกว่า อนิเมเตอร์เสียอีก รวมไปถึงเรื่องของสภาวะทางเศรษฐกิจ กับ การบริหารอันขาดประสิทธิภาพของสตูดิโออนิเมบางแห่ง จึงทำให้มีสตูดิโออนิเมจำนวนหนึ่ง ต้องประสบกับสภาวะล้มละลาย หรือไม่ก็ มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริการ แล้วก็การปรับโครงสร้างภายใน เพื่อความอยู่รอดของตนเอง

 

 



  
# Netflix & จีนแผ่นดินใหญ่ : ช่องทางบุกเบิกใหม่ของเหล่าผู้สร้างหนัง-อนิเม

Netflix

 

ยังคงต่อเนื่องไปกับแวดวงอนิเมญี่ปุ่นในรอบปี 2017 ซึ่งปัจจุบันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจะหารายได้จากอนิเม หรือ หนัง ซักเรื่องนั้น จะใช้แต่ช่องทางการทำเงินแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว!!! หรือหากจะใช้แต่แบบเดิมก็ทำได้ เพียงแต่มันอาจไม่เพียงพอก็เป็นได้!! แน่ล่ะว่า ปัจจุบัน ช่องการการเผยแพร่คอนเท้นต์ สื่อต่างๆ นั้นมีมากขึ้น ทั้ง โทรทัศน์ , วีดีโอ ,โรงภาพยนตร์ แล้วก็ การสตรีมมิ่งทางออนไลน์แล้ว โดยช่องทางหนึ่งที่ถือว่ามาแรงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมานี้ เห็นจะเป็น Netflix ซึ่งขณะนี้ก็มีบทบาทสำคัญที่อาจมาแทนร้านเช่าวีดีโอในอนาคต รวมไปถึง ทางผู้สร้างได้เล็งเห็นโอกาสในการทำรายได้ก้อนโต จากการออกฉายยังต่างประเทศ ซึ่งประเทศที่มีโอกาสจะช่วยให้พวกเขาได้โกยกำไรได้มากที่สุด นั่นคือ จีนแผ่นดินใหญ่ !! (ดังจะกล่าวต่อไปในภายหลัง)

ปัจจุบัน Netflix มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี และได้รับกำไรอย่างอื้อซ่า จนมีงบมากพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถจัดทำรายการใหม่ๆเป็นของตัวเองได้หลากหลายรายการ นอกเสียจากจะให้บริการรับชมหนัง ซีรี่ย์ หรือ การ์ตูนทางออนไลน์ เป็นหลัก และนั่นก็ทำให้ Netflix กลายเป็นช่องทางบุกเบิกของบรรดาผู้สร้างหนัง ผู้สร้างอนิเม ในการร่วมทุน สร้างสรรค์ และ เผยแพร่รายการใหม่ๆของพวกเขา ให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัส ได้พิจารณากัน เรียกได้ว่า เป็นการจัดคอนเท้นต์แบบออริจินอล ที่จะได้รับชมกันเฉพาะใน Netflix เท่านั้น โดยรายการของ Netflix ที่เรียกเสียงฮือฮามากที่สุดในรอบปี เห็นจะเป็น Death Note ฉบับอเมริกัน ซึ่งหนักไปทางเสียงวิจารณ์จากแฟนๆการ์ตูนเรื่องนี้มากกว่า แถมแฟนๆบางคนก็ด่าแบบสาดเสียเทเสีย ซะจน Adam Wingard ผกก.ของหนังเรื่องนี้ จำต้องลบ twitter ของตัวเอง นอกนั้นก็มีละครซีรี่ย์คนแสดง ที่ดัดแปลงมาจากมังงะ Boku dake ga Inai Machi หรือ รีไววัล ย้อนอดีตไขปริศนา ที่จัดทำและออกฉายทาง Netflix ด้วย เป็นต้น

ในปี 2018 นี้ มีรายงานว่า Netflix เตรียมจะนำงบราว 7-8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการจัดทำรายการใหม่ๆของพวกเขา ซึ่งประกอบด้วย อนิเมจำนวน 30 เรื่อง รวมถึง หนังของตัวเอง จำนวนราว 80 เรื่อง ออกฉายกันอย่างอิ่มเอม โดยอนิเมเรื่องใหม่ๆมี่มีการยืนยันว่า จะได้รับชม ผ่านทาง Netflix ในปี 2018 นี้ ประกอบด้วย Rilakkuma Series,Lost Song,Baki,Devilman: Crybaby , Saint Seiya ฉบับอนิเม CG , Sword Gai The Animation,A.I.C.O.: Incarnation และ B: The Beginning เป็นต้น

 


จาก Netflix ก็ขอข้ามฟากไปที่จีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งกำลังกลายเป็นตลาดทำเงินขนาดใหญ่ของบรรดาผู้สร้างหนังญี่ปุ่น จากการที่จีนมีจำนวนประชากรเยอะเป็นอันดับ 1 ของโลก รวมถึงกระแสการตอบรับของชาวจีนที่มีต่อหนังญี่ปุ่น ก็ดีขึ้นเป็นลำดับๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนัง Kimi no Na Wa / Your Name สามารถทำรายได้อย่างมหาศาลที่เมืองจีนเช่นกัน จึงทำให้ ในรอบปีไก่ที่ผ่านมานี้ มีหนังอนิเม-หนังคนแสดงจากญี่ปุ่น เข้ามาฉายโกยเงินหยวนที่จีนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ หนังคนแสดง Gintama ที่สร้างสถิติใหม่ ด้วยการเป็นหนังที่มีจำนวนรอบฉายในวันแรกสูงที่สุด ในบรรดาหนังญี่ปุ่นเรื่องใดๆที่เข้าฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยจำนวน 12,000 รอบ จากโรงหนัง 8,000 แห่ง และโกยตังค์ 3 วันแรก อย่างงามถึง 61.39 ล้านหยวน หรือ 1.03 พันล้านเยน ส่วนหนังญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆที่ออกฉายในจีน ก็ทำผลงานเด่นไม่แพ้กัน อาทิ หนังอนิเม รักไร้เสียง ทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรก ที่ 32 ล้านหยวน จากการออกฉายบนโรงหนัง 3,000 แห่งในจีน , Sword Art Online The Movie: Ordinal Scale โกยเงินจากการออกฉายสุดสัปดาห์แรก 40 ล้านหยวนจากการออกฉายบนโรงหนัง 6,000 แห่งในแดนมังกร เป็นต้น

และจากการที่หนังญี่ปุ่นสามารถทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในจีน จึงเป็นนิมิตรหมายอันดีที่บรรดาผู้สร้างหนังญี่ปุ่น จะนำเอาภาพยนตร์ของพวกเขาเข้าฉายในจีนมากขึ้นในปีต่อๆไป เช่นเดียวกับ บรรดาชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ก็จะได้สัมผัสรับชมหนังจากญี่ปุ่นมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเช่นกัน เรียกว่า win-win กันไป (ถึงกระนั้น สิ่งที่ต้องลุ้นกว่า ก็คือ ตัวหนังจะถูกเซ็นเซอร์ หั่นฉากจาก รบ.จีน มากน้อยแค่ไหนกัน !?)

japanese film in china



  #หนังสัญชาติญี่ปุ่น ณ สยาม : แม้เข้าโรงต่อเนื่อง แต่กระแสไม่แรงนัก

japanese live action in thai


ผลพวงมาจากกระแสหนังอนิเม Kimi no Na Wa / Your Name ที่เข้าฉายบนโรงหนังบ้านเรา เมื่อปี 2016 จนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก เรียกคนดู - เพิ่มโรงฉายมากขึ้น จนทำให้ Your Name ประสบความสำเร็จอย่างงดงามที่เมืองไทย ด้วยรายได้กว่า 40 ล้านบาท แถมยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนังญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงที่สุดในไทย

และจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ Your Name นี่เอง ก็ทำเอาบรรดาบริษัทนำเข้าหนัง หรือ ค่ายนำเข้าอนิเมในบ้านเรา เล็งเห็นช่องทางอันสดใส ในการเผยแพร่หนังญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น หนังอนิเม หรือ หนังคนแสดง กันบนโรงภาพยนตร์มากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นการเอาใจเหล่าคออนิเม คอหนังญี่ปุ่น ให้ได้รับชมกันที่บ้านเรา(เสียที)แล้ว ยังเป็นการต่อสู้กับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์เรื้อรัง ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมวีดีโอในบ้านเราถึงคราวซบเซาอย่างแท้จริงในยุคนี้ ไปในตัว จึงทำให้ในรอบปีไก่ 2017 นี้ คอหนังบ้านเรา ต่างได้สัมผัสกับหนังอนิเม - หนังคนแสดงจากญี่ปุ่นหลายเรื่อง โดยมี M-Pictures เป็นแกนนำในการนำเข้าหนังญี่ปุ่นเข้าฉายบนโรงในบ้านเราจำนวนหลายสิบเรื่อง เช่น Koe no Katachi / รักไร้เสียง , Yu Gi Oh! The Dark Side of Dimensions, Kuroko no Basket: Last Game,Mary and the Witch's Flower,Fireworks, Tokyo Ghoul คนแสดง , Gintama คนแสดง , JoJo คนแสดง , Ajin คนแสดง เป็นต้น ขณะที่ ค่ายอนิเมในบ้านเรา อย่าง DEX หรือ Tiga รวมถึง ค่ายอื่นๆอย่าง Kantana ก็เล็งเห็นโอกาสนี้ ด้วยการนำเอาหนังอนิเมชั่นฉายบนโรงเช่นกัน อาทิ Sword Art Online the Movie: Ordinal Scale (DEX) , Fairy Tail: Dragon Cry (DEX) , หนังอนิเม โดราเอมอน ภาค โนบิตะผู้กล้าแห่งอวกาศ (Kantana) , โดราเอมอน ภาค กำเนิดประเทศญี่ปุ่น 2016 (Kantana) รวมถึง หนังจอเงินของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (Tiga) ที่ยังคงออกฉายต่อเนื่องทุกปี กับ ปริศนาเพลงกลอนซ่อนรัก

japanese anime film in thai

แม้ว่าคอหนังจะได้รับชมหนังสัญชาติญี่ปุ่นบนโรงหนังมากกว่าทุกๆปี แต่หากนับเฉพาะรายได้ของหนังแต่ละเรื่องที่เข้าฉายนั้น ต้องบอกว่า ทำเงินไม่มากนัก (ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ Your Name ในบ้านเราด้วยซ้ำ) ซึ่งก็ถือว่ากระแสหนังญี่ปุ่นในบ้านเรานั้น ยังคงเฉพาะกลุ่ม ตามเดิม กอปรกับการประชาสัมพันธ์ที่ทำได้ไม่ดีพอ จึงทำให้หนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายในบ้านเราหลายเรื่อง ได้รับกระแสไม่แรงเท่าที่ควร ซึ่งนั่นส่งผลถึงแผนการในปีต่อๆไปของค่ายนำเข้าหนังในบ้านเรา (อย่างเช่น M-Pictures ) ที่อาจพิจารณาลดกำลังการนำเข้าหนังญี่ปุ่น มาเข้าฉายบนโรงบ้านเรา น้อยลงไปจากเดิม

ในปีหน้า (2018) มีการยืนยันว่า แฟนอนิเมบ้านเราจะได้รับชม No Game No Life: Zero , Fate/kaleid liner PRISMA☆ILLYA: The Vow in the Snow, Mazinger Z/Infinity กันบนโรงภาพยนตร์ อาจรวมถึง Mirai to Mirai หนังใหม่ของผกก.มาโมรุ โฮโซดะ (Summer Wars , Wolf Children , The Boy and The Beast) ที่มีสิทธิ์เข้าฉายบนโรงในบ้านเราเช่นกัน ซึ่งคออนิเม-หนังญี่ปุ่น ได้แต่ภาวนากันว่า หนังญี่ปุ่นที่จะเข้าฉายบนโรงในปี 2018 จะไม่หมดลงแค่เพียงเรื่องข้างต้น กันหรอกนะ!!!!



  #รักไร้เสียง : อนิเมน้ำดี มาพร้อมกับดราม่าละเอียดอ่อนอย่างคาดไม่ถึง


 

Koe no Katachi / Silence Voice

ในบรรดาหนังอนิเมญี่ปุ่นที่เข้าฉายบนโรงบ้านเรานับสิบเรื่อง ในรอบปีระกา 2017 มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ถือได้ว่ามีกระแสเรียกร้องจากคออนิเมที่อยากรับชมหนังเรื่องนี้กันบนโรง มากพอๆกับ Kimi no Na Wa / Your Name ในช่วงเวลานั้น
นั่นคือ Koe no Katachi หรือ รักไร้เสียง หนังอนิเมดัดแปลงจากการ์ตูนแนวดราม่าชีวิตวัยรุ่นของ อ.โยชิโทกิ โออิมะ ที่ได้นำเสนอเรื่องราวสะท้อนชีวิตหนุ่มสาวตัวเอกของเรื่อง ที่ต่างมีแผลในใจจากการโดนกลั่นแกล้ง และ การยอมรับจากคนรอบข้าง ประกอบด้วย นิชิมิยะ โชโกะ สาวหูหนวก มาตั้งแต่เกิด จนถูกเพื่อนๆสมัยเด็ก ซึ่งนำโดย อิชิดะ โชยะ พระเอกของเรื่อง กลั่นแกล้งเธออย่างเมามันส์ และผลพวงจากการที่เขากลั่นแกล้งเธอนั้น ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงการโดนกลั่นแกล้งกลับ และกลายเป็นคนไม่เปิดใจให้กับใครในตอนวัยรุ่น โชคดีที่เขาได้พบเจอกับ นิชิมิยะ อีกครั้ง ตอน ม.ปลาย และได้มีโอกาสขอโทษขอโพยเรื่องในอดีต พร้อมกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยมีเพื่อนๆของทั้งคู่เข้ามาเป็นสีสันแก่เนื้อเรื่อง

ฉบับหนังอนิเมเรื่องนี้ จัดทำโดย Kyoto Animation และเข้าฉายในบ้านเราเมื่อ 23 มี.ค. 2017 (ญี่ปุ่นฉายปี 2016) โดยสามารถทำรายได้เปิดตัววันแรก ที่ 1.44 ล้านบาท (FB ชมรมวิจารณ์บันเทิง) โดยฟีดแบ็คนั้น ก็มีทั้งประทับใจ ซาบซึ้ง กับตัวหนังอนิเม มากพอๆกับ รู้สึกไม่ชอบใจที่ตัวหนังจบลงอย่างห้วนๆ จัดทำออกมาไม่ได้อารมณ์ เมื่อเทียบกับมังงะ โดยทั้งฉบับหนังและมังงะต้นฉบับของเรื่องนี้ จัดเป็นเรื่องน้ำดีที่ได้ให้ข้อคิดแก่บรรดาเด็กวัยรุ่น หรือใครต่อใคร ในแง่ของการยอมรับ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ,การให้กำลังใจแก่กัน (โดยเฉพาะ กลุ่มคนผู้มีร่างกายไม่ครบ 32 และ คนใกล้ชิด) รวมถึง การเผชิญหน้ารับมือกับปัญหาต่างๆที่รายล้อมรอบกับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนที่หนังอนิเมเรื่องนี้จะเข้าฉายในบ้านเรานั้น ก็ดันเกิดดราม่าอันไม่คาดคิด จากการที่มีผู้ชมบางกลุ่มผู้ไม่รู้จักแยกแยะ ได้ออกมาหยอกล้อภาษามือของ นิชิมิยะ ที่ทาง FB เพจของหนัง ได้นำเสนอ ในเชิงสองแง่สองง่าม ซึ่งทำเอาโลกโซเชียลถึงคราเดือดในช่วงสั้นๆ โดยมีแฟนๆบางส่วนพยายามปราม ในทำนองว่า พฤติกรรมการใช้ภาษามือของนิชิมิยะนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเอามาล้อเล่น เพราะไม่ต่างอะไรกับการไปดูถูกดูหมิ่นคนพิการจริงๆเลย ในขณะที่ฝั่งคนล้อเลียน ก็พยายามตะแบง แก้ตัวไป โดยอ้างถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของแต่ละบุคคล

จากดราม่าข้างต้นนั้น ก็สรุปได้ว่า ไม่ว่าตัวหนังจะนำเสนอเนื้อหาดีเพียงใด แต่ถ้าผู้ชมส่วนหนึ่ง ยังคงไม่รู้จักแยกแยะ ไม่มีกาลเทศะ หรือ ไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คงเป็นเรื่องยากที่ผู้ชมกลุ่มนี้จะได้รับคุณค่าจากตัวหนังที่ได้รับชมใดๆ.......


 


  #Kemono Friends : ปรากฏการณ์สุโก้ยชั่วข้ามคืนของเหล่าสัตว์โลกโมเอะ

Kemono Friends

อนิเมหลากหลายเรื่องที่ได้ออกฉายสู่สายตาคอเมะรอบปี 2017 นั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ถือได้ว่าได้รับการพูดถึงมากเป็นพิเศษ และเป็นเรื่องที่ใครหลายคนคงคาดไม่ถึงว่า มันจะมาฮ็อตถึงจุดนี้ได้!!!!!.......ใช่แล้ว เรากำลังจะพูดถึงหนึ่งในอนิเมซีรี่ย์ที่ทำผลงานได้อย่าง Sugoiii.....Tanoshiiiii !!!!!! หรือ สุดยอดจริงๆ (อ่านแบบดัดเสียงตามแม่แมวป่าสาว Serval จัง) ในรอบปีที่ผ่านมา กับ Kemono Friends !!!!!!!!!

การมาของฉบับอนิเมของ Kemono Friends นั้น เรียกได้ว่า เป็นการช่วยฟื้นคืนชีพแฟรนไชส์สัตว์โลกโมเอะแสนน่ารักเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์ เพราะ แรกเริ่มเดิมที แฟรนไชส์นี้ เริ่มต้นด้วย เกมบนมือถือของ Nexon ที่มียอดจำหน่ายไม่ดีนัก ส่อเค้าจะหมดโอกาสได้รับการต่อยอดต่อ จนกระทั่ง เกมนี้มีการดัดแปลงเป็นอนิเมทีวีซีรี่ย์ โดยทีมงานสต๊าฟเพียงหยิบมือ ซึ่งนำโดย ผกก. TATSUKI กับ สตูดิโอ Yaoyorozu พร้อมกับเหล่านักพากย์โนเนมจำนวนหนึ่ง ซึ่งทีมงานกลุ่มนี้ ได้ร่วมด้วยช่วยกันนำเอา อนิเมที่ดูแวบแรกเหมือนแนวเด็กๆ ไม่น่าสนใจ (แต่ดันฉายตอนดึก) มาสร้างสรรค์เรื่องราวให้เหล่าสิ่งมีชีวิต Friends ออกมาน่ารัก น่าติดตาม ไปกับการตามหาตัวตนของ Kaban จัง ผูกติดกับมิตรภาพความสัมพันธ์ของเหล่า Friends แสนน่ารักโมเอ้โมเอะโดนใจ (ที่ได้ อ.โยชิซากิ มิเนะ ผู้วาด เคโรโระ เป็นคนออกแบบ) จึงทำให้เหล่าสัตว์โลก Friends มีพลังอันล้นเหลือ ในการส่งพลัง'ตก'ให้แก่ผู้ชม!!!! เล่นเอา แฟนๆอนิเมจำนวนหนึ่ง ที่เคยสบประมาทอนิเมเรื่องนี้ พากันติดใจ ติดตามและหลงรักอนิเมเรื่องนี้มากขึ้นทุกตอน ยันจนถึงตอนจบเรื่อง ส่งผลให้อนิเมเรื่องนี้กลายเป็นอนิเมซีรี่ย์ที่มาแรงที่สุดเรื่องหนึ่งในช่วงฤดูหนาว 2017 เลย

จากความนิยมของเรื่องนี้ ได้ส่งผล impact ไปหลายๆด้าน ตั้งแต่ แฟรนไชส์เรื่องนี้ ได้รับการต่อยอดเพิ่มเติม ในรูปแบบละครเวที , เกมสมาร์ทโฟนชุดใหม่ , OVA , มังงะ รวมถึง โปรเจ็คอนิเมใหม่ ที่กำลังมาในอนาคต อีกทั้ง ด้วยความน่ารักของเหล่า Friends ในเรื่อง ก็ส่งผลให้สินค้าคาแร็คเตอร์ประจำเรื่องขายดิบขายดีตามที่ต่างๆ จนสินค้าบางชิ้นกลายเป็นของแรร์อย่างรวดเร็ว!!! รวมถึงยังส่งผลให้ Kemono Friends สร้างสถิติเป็นอนิเมเรื่องแรกที่สามารถเหมาอันดับ 1 และ 2 ของชาร์ตอัลบั้มเพลงขายดีประจำสัปดาห์ของ Oricon จากเพลงคาแร็คเตอร์ Japari Café กับ อัลบั้มซาวด์แทร็คของอนิเม เท่านั้นไม่พอ เรื่องนี้สามารถคว้าแชมป์คำเสิร์ชยอดฮิตประเภทอนิเมประจำปี 2017 ของ Yahoo.co.jp แล้วก็ ตัวอักษรคันจิ ที่มีคนนิยมค้นหา มากที่สุดประจำปี จากคำว่า Kemono อีกด้วย

 

อย่างที่ทราบกันดีว่า ตัวละครในเรื่องนั้น ต่างเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายกับเด็กผู้หญิง เลยทำให้บรรดาสวนสัตว์ในญี่ปุ่นบางแห่ง ถือโอกาสนี้ ด้วยการจัดทำแคมเปญพิเศษร่วมกับอนิเมเรื่องนี้ เป็นการช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมสวนสัตว์ไปในตัว ซึ่งแคมเปญดัวงกล่าวนี้ ก็ออกมาเวิร์คซะด้วย เพราะช่วยกระตุ้นให้คนเข้ามาเที่ยวสวนสัตว์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยมีรายงานว่า สวนสัตว์ Tobu ในจ.ไซตามะ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม อย่างล้นหลามถึง 113,404 คน ในช่วง Golden Week ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจำนวนมากขึ้น 23.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2016

......ซึ่งอย่าว่าแต่ พวก Friends จะทำให้ผู้ชมตกหลุมรักไปตามๆกันแล้ว ยังสามารถทำให้'สัตว์'จริงๆ ตกหลุมรักเช่นกัน!!!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Grape-kun นกเพนกวินพันธุ์ พันธุ์ Humboldt (หรือ พันธุ์เปรู) ประจำสวนสัตว์ Tobu ที่ออกอาการตกหลุมรักสแตนดี้ Hululu ตัวละครสาวเพนกวินประจำเรื่อง ที่ทางสวนสัตว์เอามาตั้งไว้บนรังเพนกวินของเขาอย่างจริงๆจังๆ จนกลายเป็นไวรัล ถูกล้อเลี่ยนไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตหลายสัปดาห์ และ สแตนดี้ Hululu นั้น ยังคงเป็นสแตนดี้จากเรื่องนี้หนึ่งเดียว ที่ได้ยืนอยู่คู่กับ Grape-kun มาโดยตลอด ตราบจนถึงวาระสุดท้ายในชีวิตของนกเพนกวินชราภาพตัวน้อยผู้นี้.......

 

Kemono Friend Zoo

โดยรวมนั้น เรื่องนี้ได้รับกระแสไปในทางบวกมาโดยตลอดทั้งปี แต่ถึงกระนั้น พวกเขาต้องประสบกับดราม่าภายใน จากการที่ TATSUKI ผกก.อนิเมเรื่องนี้ได้ยืนยันว่า เขาไม่มีส่วนร่วมกับโปรเจ็คนี้อีกต่อไป แถมแฟนๆเรื่องนี้ก็ดันถูกขยี้จิตใจซ้ำสอง จากการที่ สตูดิโอ Yaoyorozu ได้ประกาศถอนตัวจากโปรเจ็คนี้ เช่นกัน และจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ Kadokawa ผู้ดูแลลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ Kemono Friends ถูกแฟนๆวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในแง่ของการพยายามเข้ามาก้าวก่าย ชุบมือเปิบ เอาผลงานมาเป็นของตัวเอง (โดยเขี่ยคนที่สร้างผลงานตัวจริงออกไป) ทั้งๆที่ แรกเริ่มเดิมที Kadokawa แทบจะไม่ใยดีกับแฟรนไซส์นี้ ที่กำลังอยู่ในช่วงล้มลุกคลุกคลานในตอนนั้น พร้อมกับมีการเรียกร้องให้ TATSUKI กับ Yaoyorozu กลับมาทำอนิเมชุดใหม่ของเรื่องนี้ตามเดิม ถึงแม้ว่าทางฝ่ายผู้บริหาร Kadokawa จะพยายามหาทางออกด้วยการเจรจากับบรรดาผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่ทราบผลลัพธ์ที่แน่ชัดใดๆ แต่ที่แน่ๆ จากดราม่าที่เกิดขึ้น ส่งผลให้แฟนๆของซีรี่ย์สัตว์โลกโมเอะชุดนี้ ต้องรออนิเมใหม่กันต่อไป........................



  #สู่ครึ่งทศวรรษ Shonen Jump : มาพร้อมงานฉลอง และ ดราม่าเล็กน้อย

Shonen Jump

Shonen Jump นิตยสารการ์ตูนยอดฮิตอันดับ 1 ของญี่ปุ่น และได้ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักและซึมซับกับ "มิตรภาพ อุตสาหะ ชัยชนะ" จากซีรี่ย์การ์ตูนดังๆหลายหลายเรื่องที่เคยผ่านตาในนิตยสารหัวนี้ ทั้ง ดราก้อนบอล , โจโจ้ , สแลมดังก์ , วันพีซ , นารุโตะ ฯลฯ ก็กำลังเดินทางเข้าสู่ขวบปีที่ 50 ในปี 2018 นี้ และเนื่องในโอกาสที่ Jump กำลังจะมีอายุครบ 50 ปี ในปีหน้านี้เอง ทำให้ในรอบปีที่ผ่านมา สนพ.Shueisha ต้นสังกัดของ Jump จึงได้จัดโปรเจ็คเฉลิมฉลองใหญ่มากมายเอาใจแฟนๆหลากหลายอย่าง ทั้ง นิทรรศการ , Jump ฉบับรีปริ้นท์ ที่ประกอบด้วย ฉบับแรกสุด , ฉบับขายดีที่สุด , ฉบับตีพิมพ์ตอนแรกของ โจโจ้ , วันพีซ และ ฉบับที่ตีพิมพ์ฉากโมเม้นต์สำคัญของการ์ตูนดัง อย่าง ดราก้อนบอล , หมัดดาวเหนือ เป็นต้น แล้วก็ โปรแกรม JUMP Paint โปรแกรมวาดภาพของ MediBang ที่ให้แฟนๆสามารถวาดเขียนการ์ตูนในสไตล์ใกล้เคียงกับการ์ตูน Jump , ขบวนเรื่องสั้นจากนักเขียนในสังกัด , อัลบั้มเพลง ฯลฯ

นอกจากนี้ ในช่วงปี 2017-2018 ก็มีซีรี่ย์การ์ตูน Jump ต่างได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมทยอยออกฉาย ในช่วงแห่งการฉลอง 50 ปีของ Jump ได้แก่ Black Clover , อนิเมซีซั่น 2 ของ My Hero Academia , อนิเมซีซั่น 3 ของ Shokugeki no Soma , Yuragi-sō no Yūna-san , อนิเมพิเศษของ Yu Yu Hakusho , อนิเมชุดใหม่ของ หมัดดาวเหนือภาค 2 , OVA ตอนใหม่ของ Prince of Tennis , หนังชุดใหม่ของ Dragon Ball เป็นต้น

แม้ตลอดทั้งปี บรรยากาศการเฉลิมฉลองของ Jump เป็นไปอย่างชื่นมื่น ถึงกระนั้น ก็มีประเด็นดราม่าด่างๆที่เกี่ยวข้องกับนิตยสารหัวนี้ แทรกขึ้นมาเล็กๆน้อยๆ ตั้งแต่ ประเด็นที่เกิดขึ้นกับ Yuragi-sō no Yūna-san มังงะแนวจัดหนักแฟนเซอร์วิส ที่แฟนๆจำนวนหนึ่งมองว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมกับผู้อ่านวัยเด็ก โดยที่มีแฟนอีกส่วนหนึ่งแย้งว่า มังงะ Jump สมัยก่อนบางเรื่อง วาบหวิวเรทแรงยิ่งกว่าเรื่องนี้ซะอีก!!!! , Nobuhiro Watsuki ผู้แต่งมังงะ Rurouni Kenshin หรือ ซามูไรพเนจร ถูกตำรวจรวบตัว โทษฐานครอบครอง DVD ภาพลามกเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี รวมถึง Akira Toriyama ผู้แต่งมังงะ Dragon Ball, Dr. Slump เป็นหนึ่งในผู้มีรายชื่อติดอยู่ในเอกสาร Paradise Papers (หนึ่งในเอกสารข้อมูลทุจริตขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก Panama Papers) ร่วมกับชาวญี่ปุ่นอีก 11 คน




  #One Piece : ล่องทะเลชื่นมื่น ขวบปีที่ 20

One Piece 20th 1

ปี 2017 เรียกว่าเป็นปีแห่งความชื่นมื่นคืนสุขของ Shueisha อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะจัดงานฉลองครบ 50 ปี แก่นิตยสาร Shonen Jump แล้ว พวกเขายังเป็นสักขีพยาน กับการเดินทางบนท้องทะเลของลูฟี่กับลูกเรือของเขา จากวันพีซ ที่ได้เดินทางมาครบ 20 ปีพอดิบพอดี ในปี 2017 นี้!!!!! และแน่นอนว่า เนื่องในโอกาสอันดีนี้ Shueisha ไม่พลาดที่จะจัดงานฉลองใหญ่ให้แก่ชาวคณะหมวกฟางกลุ่มนี้ เช่นกัน ซึ่งก็มีอยู่หลากหลายโปรเจ็ค อาทิ :

- นิตยสาร Jump ฉบับที่มีการนำปกวันพีซตอนแรกสุด มาตีพิมพ์อีกครั้ง

- ภาพแฟนอาร์ตลูฟี่จากแฟนๆ ได้รับการตีพิมพ์ขึ้นปก Jump เล่ม 52/2017

- มังงะพิเศษที่เขียนโดย อ.Mitsutoshi Shimabukuro (Toriko) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความทรงจำของเขา ที่มีต่อ อ.Oda ซึ่งเป็นเพื่อนซี้กันในชีวิตจริง

- มังงะสปินออฟชุด One Piece Party

- นิยาย One Piece Novel "A" ที่นำเสนอเรื่องราวในอดีตของ Ace

- นิทรรศการ

- เกมวีดีโอใหม่

- อีเว้นต์พิเศษในสวนสนุก Tokyo One Piece Tower

- One Piece เล่ม 1-60 แบบดิจิตอล จำหน่ายบนเว็บไซต์ ในราคาฟรี!! ในช่วงเวลาจำกัด

- ฟิกเกอร์ไลน์ใหม่

- อนิเมพิเศษ One Piece Episode of East Blue: Luffy to 4-nin no Nakama no Daibōken ที่เป็นการนำบท East Blue เรื่องราวช่วงแรกสุดของเรื่อง One Piece มาจัดทำใหม่

- กิจกรรมพิเศษ ทำร่วมกับเมืองเกียวโต

- กิจกรรมพิเศษ บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว จ.คุมาโมโตะ บ้านเกิดของ อ.เอย์อิจิโร่ โอดะ ผู้แต่งวันพีซ

- ฉบับละครคาบุกิ ชุด Super Kabuki II One Piece ''Idai Naru Sekai"

- ละครซีรี่ย์ฉบับฮอลลิวู้ด!!!!!

ฯลฯ

 

นับตั้งแต่ที่ ลูฟี่ ได้เริ่มเดินทางตามความฝันการเป็นจ้าวแห่งโจรสลัด ณ นิตยสารจัมป์ ฉบับที่ 34 ของปี 1997 เป็นต้นมา ซึ่งในช่วงเวลาแรกเริ่มนั้น เขาออกเดินทางเพียงคนเดียว แต่ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมานั้น ลูฟี่ได้รู้จักกับเพื่อนๆมากมาย คอยเดินทางร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเขา และผ่านพ้นการผจญภัย การต่อสู้หนักหนาสาหัส ต่างๆนานา จนสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่านหลายคนทั่วโลก จนถึงขณะนี้ เรื่องราวของวันพีซ ได้ดำเนินมาอย่างยาวๆ เรื่อยๆ ราว 65% แล้ว และมียอดตีพิมพ์ฉบับมังงะมากถึง 430 ล้านเล่มทั่วโลก อีกทั้ง อ.โอดะ ได้ออกมายืนยันว่า เรื่องราวของวันพีซ จะเข้าสู่บท 'วาโนะ' แน่นอน ในปี 2018 ซึ่งในบทดังกล่าว พวกลูฟี่จะได้เผชิญกับคู่ต่อกร ผู้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ 'หนวดขาว' และจะเนรมิตรเรื่องราวให้ออกมายิ่งใหญ่ ไม่แพ้ช่วงมารีนฟอร์ด

และจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับวันพีซในอนาคตนี้ แน่นอนว่า แฟนพันธุ์แท้ของลูกเรือโจรสลัดหมวกฟาง คงต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป ไปพร้อมๆกับ ขอบคุณในความเหน็ดเหนื่อยของ อ.โอดะ ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานเรื่องนี้ มาตลอด 20 ปี แบบชนิดที่เรียกว่าได้พักผ่อนอย่างน้อยนิดไม่กี่ชั่วโมงเอง
(ถึงกระนั้น อ.ก็ควรจะพักผ่อนบ้างนะครับ จะช้าหรือเร็ว แฟนๆพร้อมที่จะติดตามเรื่องนี้ต่อเสมอ)

One Piece 20th 2



   #Conan : สืบคดี ตามหาชุดดำ ผ่านหลักพันตอน!!

ปี 2017 นี้ นอกจากเป็นปีสำคัญของการ์ตูนดังอย่าง วันพีซ แล้ว ก็ยังถือเป็นปีสำคัญของการ์ตูนดังขวัญใจนักอ่านบ้านเราอีกเรื่องหนึ่งอย่าง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ...... แม้ว่าในตลอดระยะเวลาพักหลัง เรื่องนี้จะถูกคนอ่านจำนวนหนึ่งค่อนแคะในเรื่องเดิมๆ ทั้งเนื้อเรื่องวนในอ่าง , พล็อตคดีไม่หลากหลายเหมือนเมื่อก่อน รวมถึง ตามหาชายชุดดำล่าช้าไม่ทันใจ บ้างไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ เจ้าหนูแว่นโคนัน ได้ออกมาคลี่คลายคดีต่างๆ ไปพร้อมๆกับตามหาเบาะแสของชายชุดดำ จนผ่านพ้นหลัก 1,000 ตอนแล้ว!!!!!!! แถมยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับนิตยสาร Shonen Sunday ต้นสังกัดของเรื่องนี้ ด้วยการเป็นมังงะเรื่องแรกของนิตยสาร (อายุกว่า 58 ปี) ที่มีการตีพิมพ์ถึงหลักพันตอน เลยทีเดียว!!!!!!

นอกจาก โคนันจะได้รับการตีพิมพ์ผ่านหลักพันตอนไม่พอ แต่ถ้าหากพิจารณาถึงเนื้อเรื่องปัจจุบันของโคนัน นั้น ต้องบอกว่า มีความน่าสนใจ และน่าติดตามมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งการได้เห็นพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่าง ชินอิจิ กับ รัน คู่พระนางประจำเรื่อง ได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น(ซะที) ยันจนถึง ปริศนาลับขั้นสุดยอดที่นักอ่านหลายต่อหลายคนติดตามมานาน อย่าง หัวหน้ากลุ่มชุดดำ ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เช่นกัน เรียกได้ว่า ทำเอาคนที่คอยบ่นเรื่องนี้มาตลอด ต้องหันกลับไปติดตามอีกครั้ง!!

และที่สำคัญ ในปี 2017 นี้ โคนัน ก็มีการจัดทำโปรเจ็คต่างๆออกมามากมาย ไม่แพ้ปีก่อนๆ ทั้ง ภาพยนตร์อนิเม ปริศนาเพลงกลอนซ่อนรัก ที่สามารถสร้างสถิติรายได้สูงสุด ในบรรดาหนังโคนันทุกภาค อีกครั้ง , โคนัน หนังสือการ์ตูนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ , มังงะสปินออฟ ชุด Detective Conan - Hannin no Hanzawa-san ที่เป็นการนำเอา 'มนุษย์เงาผู้ต้องสงสัย' อันเป็น signature ประจำเรื่อง ขึ้นชั้นเป็นตัวเอกหลักของเรื่องนี้!!!!!! เล่นเอาแฟนๆพากันขำกลิ้งไปตามๆกัน!!!!!!!!!!!!

จากการที่โคนันยังคงเป็นซีรี่ย์การ์ตูนเรตติ้งอันดับต้นๆ ทำเงินให้กับสนพ.มากมาย จนส่งผลให้ ผลงานการ์ตูนทุกเรื่องของ 'อ.โกโช อาโอยามะ' มียอดตีพิมพ์ทั่วโลกรวมกันถึง 200 ล้านเล่ม...... เชื่อว่า ทางสนพ. Shogakukan กับ นิตยสาร Sunday คงไม่ปล่อยให้เจ้าหนูโคนัน ตามจับชายชุดดำให้ได้โดยไว โดยให้โคนันคอยรับหน้าที่เป็นซีรี่ย์การ์ตูน "The แบก" ประจำ Sunday ไปอีกยาว จากการที่ในรอบปี 2017 นี้ Sunday ได้สูญเสียการ์ตูนดังจำนวนหนึ่ง ที่อวสานไปแล้ว อาทิ ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน , Magi , Rinne , Keijo , มุชิบุเกียว หน่วยพิฆาตแมลงอสูร ภาคตั้งค่ายอาตมัน และ สุดยอดโอตากุเซนเซ เป็นต้น

(จริงๆ Sunday ยังมี ผลงานของ อ.รูมิโกะ ทาคาฮาชิ (Ranma1/2 , Inuyasha , Rinne) , อ.มิซึรุ อาดาจิ (Touch , Mix) และ อ.คาซึฮิโระ ฟูจิตะ (ล่าอสูรกาย , โซโบเทย์) คอยแบกเล่มมาแต่ไหนแต่ไร แต่หากพิจารณาจากผลงานเรื่องล่าสุดของแต่ละคนนั้น คงไม่มีเรื่องไหนที่คู่ควรจะเป็นเรื่องแบกนิตยสารมากเท่ากับ โคนัน อีกแล้ว ในขณะนี้ )

Detective Conan




  
  #Moment of the Year : Ultra Instinct Goku !!!!!

Ultra Instinct Goku


ในรอบปีที่ผ่านมา การ์ตูน-อนิเมหลากหลายเรื่อง ได้นำเสนอเนื้อหาเรื่องราว ออกสู่สายตาใครต่อใคร แน่ล่ะว่า ในเรื่องราวเหล่านี้ ย่อมต้องมีฉาก เหตุการณ์ หรือ โมเม้นต์สำคัญๆ ให้ผู้อ่านหรือผู้ชม รู้สึกอึ้งทึ่ง ประทับใจ กลายเป็นที่จดจำและถูกกล่าวขวัญถึงไปทั่ว จนกลายเป็น talk of the town ในหมู่คอการ์ตูน ...... โดยหนึ่งในโมเม้นต์สำคัญจากการ์ตูน-อนิเม ที่เราคิดว่า เป็นที่จดจำและถูกกล่าวถึงมากที่สุด ประจำปี 2017 นี้ คงหนีไม่พ้น รูปโฉมพลังใหม่ของ ซุน โกคู อย่างโหมด Ultra Instinct ( Migatte no Gokui ) จากอนิเม Dragon Ball Super อย่างแน่นอน!!!!!!

โดย Dragon Ball Super อนิเมชุดล่าสุดของซีรี่ย์มหากาพย์ลูกแก้วมังกร ดราก้อนบอล ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จนเกินกว่า 100 ตอนแล้ว ซึ่งภาคนี้ นอกจาก โกคู กับ พรรคพวก ได้พบเจอและต่อสู้กับบรรดาตัวละครใหม่ ที่มาจากต่างจักรวาลกัน หลากหลายจักรวาล กันแล้ว ภาคนี้ก็ยังขึ้นชื่อว่า เป็นภาคที่เน้นขายพลังซูเปอร์ไซย่ามากมายจนเกร่อ หลายสีผม ที่ไม่ได้มีแค่ Super Saiyan God / Super Saiyan Red ยัน Super Saiyan God Super Saiyan / Super Saiyan Blue เท่านั้น !!!!! ล่าสุด โกคู ได้ระเบิดพลังใหม่ของตัวเองออกมา กับโหมดล่าสุด Ultra Instinct ซึ่งเป็นพลังขั้นสุดยอดอันเหนือกว่าซูเปอร์ไซย่าขั้นที่ผ่านๆมา!!!!! โดยปรากฏครั้งแรกในตอนที่ 110 ของ DB Super ซึ่งเป็นฉากที่โกคู กำลังต่อสู้กับ จิเรน

การมาของโหมดนี้ก็ได้รับการกล่าวถึงจากแฟนๆเป็นอย่างมาก (แต่ยังไม่พีคเท่า ช่วงที่ โกคูแปลงเป็นซูเปอร์ไซย่าครั้งแรก ที่ดาวนาเมก) และมีฟีดแบ็คจากแฟนๆเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของโหมดนี้อย่างหลากหลาย มีทั้งคนชอบ แล้วก็ไม่ชอบ โดยฝ่ายที่กด like โกคูโหมดนี้ ส่วนใหญ่รู้สึกถูกใจกับสีผมโกคู ที่กลับมาเป็นผมสีดำธรรมชาติอีกครั้ง พร้อมกับนัยน์ตาสีเงินเทา โดยไม่ต้องย้อมสีผม-ใส่คอนแท็คเลนส์หลากสี เหมือนซูเปอร์ไซย่าขั้นต่างๆ อันเป็นการกลับคืนสู่สามัญอย่างน่าเกรงขามของเขาเลย แม้ว่าอาจยังเป็นพลังที่ไม่สมบูรณ์อยู่ก็ตาม ส่วนฝ่ายที่ไม่ชอบโกคูโหมดนี้ มองว่า รูปลักษณ์ธรรมดาเกินไป โหมดกึ่งคนกึ่งลิงยักษ์แบบ ซูเปอร์ไซย่า ร่าง 4 จากภาค GT ยังดูครีเอทเสียกว่า!!!!

และจากการที่เนื้อหาของ DB Super ยังดำเนินต่อไป เชื่อว่า โกคู คงจะได้โหมดพลังใหม่ ขั้นสุดยอดมากขึ้นเรื่อยๆ (ดีไม่ดี อาจมีโหมด ซูเปอร์ไซย่า ร่าง 4 จากภาค GT รวมอยู่ด้วย !?) เล่นเอาเพื่อนซี้อย่าง เบจิต้า ได้หัวร้อนตลอดภาคกันเลยทีเดียว!!!!.....แต่สำหรับแฟนๆดราก้อนบอลในบ้านเรา ที่อยากจะเห็นช็อตนี้บนจอทีวี ช่อง TNT ของบ้านเรา คงต้องรอกันอีกซักระยะใหญ่........


 



   #Hayao Miyazaki : คนคัมแบ็ค(จนได้) 2017

Hayao Miyazaki


ช่วงระยะเวลาปี สองปีให้หลัง ก็มีข่าวคราวของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ยอดผู้กำกับแห่ง Studio Ghibli ที่ออกอาการทำท่าว่าจะกลับมาทำหนังอนิเมเต็มตัวอีกคำรบ หลังจากประกาศเกษียณตัวเอง เมื่อปี 2013 จากผลงานหนังเรื่อง The Wind Rises ซึ่งข่าวคราวดังกล่าวมีการหลุดออกมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งข่าวคราวดังกล่าวเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น จากรายการทีวี Owaranai Hito Miyazaki Hayao (The Man Who Is Not Done: Hayao Miyazaki) ที่ออกฉายเมื่อ พ.ย. 2016 โดยมีการระบุจาก โทชิโอะ ซึซึกิ โปรดิวเซอร์ของ Ghibli ว่า นอกจาก มิยาซากิ จะทำหนังอนิเมสั้นชุด Kemushi no Boro ให้กับพิพิธภัณฑ์ Ghibli (ราวปี 2018) แล้ว ตัวเขาก็เตรียมรีเทรินทำหนังใหญ่อีกครั้ง กับโปรเจ็คหนังอนิเม ซึ่งมีการเปิดเผยชื่อในภายหลัง คือ Kimi-tachi wa Dō Ikiru ka (How Do You Live?) ซึ่งดัดแปลงมาจากผลงานหนังสือของ นักเขียน Genzaburō Yoshino

โปรเจ็คหนังอนิเมดังกล่าว มิยาซากิ วางแผนคร่าวๆว่าจะทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน กีฬาโอลิมปิค 2020 ที่โตเกียว จะเริ่มขึ้น แต่ทาง ซึซึกิ มองว่า คงเป็นไปได้ยากที่ตัวหนังจะสร้างเสร็จทันตามกำหนด อันเนื่องมาจากสภาพร่างกายกับสังขารของ มิยาซากิ ในวัย 70 กว่า ในขณะนี้ ที่ไม่อาจทำงานได้เยอะ ได้ว่องไว มากเท่าเหมือนเมื่อก่อน และเพื่อที่จะทำให้โปรเจ็คหนังอนิเม(ที่คาดว่าจะเป็นเรื่องสุดท้าย?)ของ มิยาซากิ ให้เกิดขึ้นจริง และ เสร็จให้ทันออกฉายตามกำหนด ทำให้ Ghibli ได้ประกาศรับสมัครอนิเมเตอร์จำนวนหลายตำแหน่ง-อัตรา มาช่วยทำงานนี้โดยเฉพาะ และมีอนิเมเตอร์จำนวนมากทั้งญี่ปุ่น-ต่างประเทศให้ความสนใจร่วมทำโปรเจ็คนี้ ซึ่งตัวหนังนั้นได้เริ่มเดินหน้าทำกันแล้ว เมื่อ ต.ค. 2017 ที่ผ่านมา อีกทั้ง โปรเจ็คนี้ยังได้ โกโร่ มิยาซากิ บุตรชายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ มารับหน้าที่ในส่วนของการทำ CG ด้วย เฉกเช่นเดียวกับ ทาง Studio Ghibli ก็มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้บริหารสตูดิโอ และพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้งานต่างๆของ Ghibli (รวมถึงโปรเจ็คหนังชุดนี้) ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น พร้อมกับเป็นการสร้างคลื่นลูกใหม่ของสตูดิโอไปในตัว

เกี่ยวกับประเด็นการกลับมากำกับหนังของ มิยาซากิ นั้น ก็มีการขุดคุ้ยในภายหลังจากรายการทีวี Wide na Show ว่า ตัวเขาเคยประกาศรีไทร์มาแล้วหลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่ได้รีไทร์อย่างจริงๆจังๆ ซะที!!!! และมักจะพูดทำนองนี้ หลังจากผลงานหนังของเขาออกฉายบนโรงที่ญี่ปุ่น Castle in the Sky, Porco Rosso, Princess Mononoke, Spirited Away, Howl's Moving Castle, Ponyo, รวมถึง The Wind Rises และจากพฤติกรรมชอบกลับลำของเขานั่นเอง ก็ทำให้เขาถูกพิธีกรรายการดังกล่าวนำมาหยอกล้อขำๆกัน ทว่า ภายหลัง เรื่องตลกที่ทางรายการดังกล่าวได้ก่อขึ้น กลับกลายเป็นเรื่องไม่ตลก เมื่อทางรายการถูกจับได้ว่า ไปแอบอ้างคำพูดจากผู้ใช้ twitter รายหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นคำพูดจาก มิยาซากิ โดยตรง!!!!!

......ไม่ว่า ตัวผกก.มิยาซากิ จะรีไทร์ หรือ กลับลำมาทำหนังต่อ ซักกี่ครั้ง เชื่อว่า แฟนๆของผกก.ท่านนี้ รวมถึง แฟนๆของ Ghibli พร้อมที่จะให้การต้อนรับเสมอ!!!!!



  

  #มหากาพย์ลิขสิทธิ์อุลตร้าแมน ไม่จบสิ้น 2017

ultraman


ศึกพิพาทยื้อแย่งลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของฮีโร่ตระกูล อุลตร้าแมน นั้น ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะได้รับทราบผลการตัดสินคดีที่เกิดขึ้นจากศาลญี่ปุ่นกับไทย กันไปบ้างแล้ว โดยได้ข้อสรุปคร่าวๆ(เมื่อนานมาแล้ว) ว่า บ.ไชโย ของไทย สามารถเผยแพร่ซีรี่ย์ Ultraman นอกญี่ปุ่น ได้เพียง 6 เรื่องเก่า ( Ultra Q , Ultraman , Ultra Seven , Ultraman Jack, Ultraman Ace ,Ultraman Taro) รวมถึง Jumbo A และ หนุมานพบ7ยอดมนุษย์ (หนัง 2 เรื่องที่ไชโยทำร่วมกับ Tsuburaya ) เท่านั้น โดยที่ทาง ไชโย หมดสิทธิ์ที่จะสร้างหนังเรื่องใหม่ๆ เรื่องใดๆ ภายใต้ชื่อ Ultraman ในขณะที่ Tsuburaya ซึ่งเป็นบริษัทหนังผู้ให้กำเนิด Ultraman ได้สิทธิ์ในการเผยแพร่ซีรี่ย์อุลตร้าแมนเรื่องอื่นๆนอกจาก 6 เรื่องข้างต้น และสามารถสร้างซีรี่ย์ Ultraman ของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม คดีความลิขสิทธิ์อุลตร้าแมน ยังคงมีการต่อสู้คดีกันอยู่ โดยที่ Tsuburaya ได้ดำเนินการจดลิขสิทธิ์ อุลตร้าแมน 6 ภาคเก่า เสียใหม่ ให้เป็นของตัวเอง ในต่างประเทศ อย่างจ่อเนื่อง ทว่า ระหว่างนั้น ก็เกิดเรื่องที่ทำเอา Tsuburaya ถึงกับควันออกหู เมื่อทราบข่าวว่า BlueArc บริษัทหนังจากเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ได้หยิบเอาคาแร็คเตอร์อุลตร้าแมน ไปใช้ในหนัง Dragon Force: So Long, Ultraman โดยพละการ แถมยังดัดแปลงคาแร็คเตอร์อุลตร้าแมนในหนัง ให้กลายเป็นตัวร้าย ตามใจชอบ อีก เล่นเอา Tsuburaya ออกมาเรียกร้องให้บริษัทหนังจากจีน หยุดการกระทำดังกล่าวพร้อมเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่คำขอร้องของ Tsuburaya นั้น ก็ไร้ผล เมื่อตัวหนังดังกล่าวยังคงออกฉายที่จีนต่อไป โดยทางจีนอ้างว่า พวกเขาได้สิทธิ์ในการใช้คาแร็คเตอร์อุลตร้าแมนอย่างถูกต้อง มาจากบริษัทหนึ่งของไทย ซึ่งเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์อุลตร้าแมน ในต่างประเทศ (ยกเว้นญี่ปุ่น) แถม ศาลสูงของจีน ยังได้ตัดสินให้พวกเขาสามารถใช้คาแร็คเตอร์อุลตร้าแมน อย่างถูกกฎหมายอีกด้วย

แม้ว่า การต่อสู้คดีลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนกับทางจีนจะไร้ผล แต่อย่างน้อย Tsuburaya สามารถเอาชนะคดีลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่วโลก จากศาลแคลิฟอร์เนีย เหนือ UM Corporation (UMC) เมื่อ พ.ย. 2017 ที่ผ่านมา จากกรณีการเผยแพร่ซีรี่ย์อุลตร้าแมนเรื่องเก่าๆ บน Youtube โดยไม่ได้รับการยินยอมจากพวกเขา แถมบริษัทดังกล่าวยังได้อ้างถึงสัญญาข้อตกลง ที่เป็นการทำร่วมกันระหว่าง คุณสมโภชน์ แสงเดือนฉาย นักธุรกิจชาวไทย (และ บ.ไชโย) กับ Noboru Tsuburaya ประธานของ Tsuburaya ในขณะนั้น เมื่อปี 1976 (สัญญาฉบับดังกล่าว ถูกศาลหลายแห่งพิจารณาว่า เป็นสัญญาไม่ถูกต้อง เนื่องจากขาดหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงพอ (โดยเฉพาะฝั่งไทย))

โดยเรื่องราวของคดีพิพาทลิขสิทธิ์อุลตร้าแมน อันเป็นมหากาพย์มานานนั้น เชื่อว่า ยังคงไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ .......แต่สำหรับใครที่ติดตาม อุลตร้าแมน มาโดยตลอด ก็คงจะรู้อยู่แก่ใจว่า ใครคือผู้คู่ควรที่จะเป็นเจ้าของอุลตร้าแมน ตัวจริง !?



  #Fairy Tail ปิดกิลด์พลังมิตรภาพอย่างสวยสุข

Fairy Tail

 


ในปีไก่ไฟ ที่ลุกช่วงโชติราวกับ นกฟีนิกซ์ นั้น ก็มีซีรี่ย์การ์ตูนดังจำนวนหนึ่งได้จบลง และ อำลาผู้อ่านไป โดยหนึ่งในการ์ตูนที่ถือว่าเป็นไฮไลต์เด่นประจำปีที่ผ่านมานั้น คงหนีไม่พ้น การปิดฉากอำลาของเหล่าจอมเวทแห่งกิลด์หางนางฟ้า แฟรี่เทล หลังดำเนินเรื่องราวการต่อสู้ ผจญภัย มานานถึง 11 ปีเต็ม!!!!!

โดยเรื่องราวชาวกิลด์หางนางฟ้า FT ก็จบลงอย่างบริบูรณ์ แฮปปี้เอ็นสะดิ้ง สมใจ ราวกับกิลด์ FT เต็มไปด้วยทุ่งลาเวนเดอร์กำลังเบ่งบาน (ว่าไปนั่น!!) แม้ว่า ในช่วงท้ายๆของเรื่องนี้ จะถูกคนอ่านบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในแง่ของการดำเนินเรื่องแบบเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เอาแต่เน้นอัดพลังมิตรภาพอย่างไม่เนียน ,ศึกตัดสินสุดท้ายจบลงอย่างไวว่อง น่าผิดหวัง หรือไม่ก็ ไม่ฟินกับคู่อวยตัวละครบางคู่ในเรื่อง เป็นต้น.....แม้ว่าตอนจบของเรื่องนี้ จะมีฟีดแบ็คหลากหลาย แต่เราก็ขอขอบคุณ อ.ฮิโระ มาชิมะ ที่ได้เหน็ดเหนื่อย สร้างสรรค์เรื่องราวการต่อสู้ผจญภัยของแฟรี่เทล มาตลอด 11 ปี !!! พร้อมกับฉบับรวมเล่มมากถึง 63 เล่ม!!!! นับเป็นผลงานการ์ตูนเรื่องที่ยาวที่สุด และ มีจำนวนฉบับรวมเล่มมากที่สุด มากกว่าผลงานการ์ตูนเรื่องใดๆของ อ.มาชิมะ เลย!!!!!!

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ มังงะแฟรี่เทลจะจบลงนั้น แฟนๆของเรื่องนี้ ทั้งญี่ปุ่นและไทย ต่างได้สัมผัสกับหนังจอเงินของเรื่องนี้ ชุด Fairy Tail: Dragon Cry บนโรงภาพยนตร์กัน .... แม้ว่ามังงะเรื่องนี้จะจบลงไปแล้ว แต่ชาวกิลด์แฟรี่เทล ยังคงไม่จากไปไหนไกล เพราะ เรื่องนี้กำลังจะมีอนิเมซีรี่ย์ชุดสุดท้ายออกมาให้ได้รับชมกัน ในปี 2018 นี้! รวมถึงโปรเจ็คที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง ตามที่ อ.มาชิมะ ได้ว่าเอาไว้ ให้แฟนๆได้เฝ้าติดตามกันต่อไป!!!!

ในส่วนบ้านเรา ทาง สนพ.วิบูลย์กิจ ได้ร่วมฉลองตอนจบของเรื่องนี้ ด้วยการประกาศลิขสิทธิ์-วางขาย มังงะภาคแยกของเรื่องนี้ ประกอบด้วย Fairy Tail Zero , FAIRY GIRLS และ Fairy Tail Gaiden ที่จะนำเสนอไซด์สตอรี่ของตัวละครบางตัวในเรื่อง ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน อีกทั้ง ร้าน Animate สาขากรุงเทพ ยังได้จัดนิทรรศการภาพวาดจากแฟรี่เทล ในเดือน ธ.ค. 2017 เช่นกัน

จากการอวสานลงของแฟรี่เทล นั้น ก็ส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงถึง Shonen Magazine นิตยสารต้นสังกัด ที่ต้องขาดซีรี่ย์การ์ตูนแม่เหล็กประจำเล่มไป ซึ่งแฟรี่เทลนั้น เป็นหนึ่งในซีรี่ย์การ์ตูนดังของนิตยสาร Magazine ที่ได้อวสานลงไปในปีนี้ อันประกอบด้วย ยามาดะคุง กับ แม่มดทั้ง 7 , Acma:Game , The Knight in the Area สิงห์สนาม ,Baby Steps และ Aho-Girl เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการบ้านครั้งใหญ่ของ Magazine ที่จะต้องเสาะหา ปั้นซีรี่ย์การ์ตูนดังๆ มาทดแทนเรื่องที่จบลงให้จงได้

(ปัจจุบัน Magazine มี 'ศึกตำนาน 7 อัศวิน' คอยแบกเล่มเอาไว้ ในขณะที่ 'ก้าวแรกสู่สังเวียน' ซีรี่ย์คู่บุญที่ตีพิมพ์ลงหัวนี้มาอย่างยาวนาน ก็มีข่าวลือไม่สู้ดี เกี่ยวกับอนาคตของซีรี่ย์การ์ตูนเรื่องนี้ ออกมา เช่นกัน)


ซีรี่ย์การ์ตูนอวสานเรื่องอื่นๆ ในปี 2017 :

I Am a Hero ,Pastel , Nijiiro Days รักสุดใจคนวัยซ่า , Akagi , Denpa Kyōshi สุดยอดโอตากุเซนเซ , Tokyo Ravens , ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน , Rinne , Magi , Kannagi , Fate/Zero , Keijo!! , Angel Heart , Taboo Tattoo ศึกรอยสัก ต้องสาป , Inuyashiki , Spice & Wolf , "ร้านหนังสือป่วนก๊วนตัวแสบ , Accel World , Say "I love you" , Kimi ni Todoke , Sakura Trick , LDK มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา , มุชิบุเกียว หน่วยพิฆาตแมลงอสูร ภาคตั้งค่ายอาตมัน, Umaru-chan (จบภาคแรก) , Biorg Trinity โรคร้ายกลายพันธุ์มนุษย์, Spice & Wolf , Netsuzou Trap

 

 


  #สรุปข่าวการ์ตูนไทย รอบปี 2017


- เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ของหนังสือการ์ตูน"ขายหัวเราะ - มหาสนุก" อันประกอบไปด้วย การปรับราคา จาก 15 บาท ไปเป็น 20 บาท , เปลี่ยนจากการ์ตูนรายสัปดาห์ ไปเป็นรายปักษ์แทน รวมถึงมีการนำเสนอรูปแบบของการ์ตูนแก๊กในแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย และเพิ่มเนื้อหาสาระมากขึ้น โดยขายหัวเราะ ฉบับ 1421 นั้น ได้ "พี่ตูน Bodyslam" มาขึ้นปกขายหัวเราะซึ่งถือเป็นขายหัวเราะเล่มแรกในรอบหลายสิบปี ที่มีภาพบุคคลจริงอยู่บนปก

 

- อีกทั้ง ปี 2017 นี้ ถือเป็นปีแห่งการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของ สนพ.บรรลือสาส์น ต้นสังกัดของ ขายหัวเราะ - มหาสนุก เมื่อได้สูญเสียบุคลากรคนสำคัญอย่างไม่มีวันกลับ ถึง 2 ท่าน ประกอบด้วย คุณ สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ หรือ หมู นินจา นักเขียนการ์ตูนไทยในสังกัด
และ คุณ บันลือ อุตสาหจิต ผู้ก่อตั้ง สนพ.บรรลือสาส์น แห่งนี้

 

- โดย ขายหัวเราะ จัดเป็น 1 ในผู้สนับสนุนโครงการ "ก้าว คนละ ก้าว" ของพี่ตูน bodyslam โดยมีการจัดทำสติ๊กเกอร์ Line พี่ตูน จากฝีมือของคุณต่าย ขายหัวเราะ

- "คุณแม่วัยใส" ผลงานการ์ตูนของ Theterm ที่ได้สร้างประเด็นอันร้อนแรงแก่ชาวโซเชี่ยล จาก Line Webtoon ได้ถูกสร้างเป็นละครซีรี่ย์คนแสดง ออกฉายทาง Line TV และจากการมาของข่าวนี้ ก็ทำให้ละครถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มผู้ชม ผู้อ่านการ์ตูน ในแง่ของความเป็นห่วงเป็นใยในการนำเสนอเนื้อหา ก่อนที่ตัวละครจะออกฉายเสียอีก

- กระแสมาสค็อต "น้องเกี่ยวก้อย" อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการปรองดองทางการเมือง อันมีรูปโฉมที่มักง่าย ทำเอาใครต่อใครเห็นแล้ว ต่างพากันส่ายหัว (+กังขาถึงงบประมาณการจัดทำ) ได้มีการเปิดโอกาสให้ปชช.ได้ร่วมออกแบบประกวดรูปโฉมใหม่กัน จนได้ผลงานของผู้ชนะออกมาแบบนี้ ชนิดที่ดูแล้วไฉไล พอจะช่วยปรองดองได้....(มั้ง)

 

- The Executional มหาสงครามออนไลน์ถล่มจักรวาล ได้รับการจัดพิมพ์ใหม่ในรูปแบบ Remaster ที่มีการวาดภาพแก้ไขหลายจุดให้ดูดีขึ้นกว่าเก่า และ จัดทำรูปเล่มแบบน่าเก็บสะสมกว่าเดิม รวมไปถึง การ์ตูนไทยจำนวนหนึ่ง ได้รับการจัดพิมพ์ในรูปแบบของ Co-Novel โดย สนพ.สยามอินเตอร์ฯ

- ต้นปีหน้า 2018 เราจะได้รับชมหนังอนิเมชั่น 3D ฝีมือคนไทย เรื่อง ๙ ศาสตรา ซึ่งดูจากงานภาพและตัวอย่างแล้ว ค่อนข้างน่าสนใจเอาเรื่อง ส่วนจะทำรายได้ดีขนาดไหน ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของพวกคุณ!!!!! (รวมถึง การนำเสนอเนื้อเรื่องของตัวหนังเอง ซึ่งถือเป็นจุดบอดของอนิเมชั่นไทยมานานนม)




 

   รวมข่าวเบ็ดเตล็ด รอบปี 2017


  • ห้าง DiverCity Tokyo ได้มีการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของหุ่นกันดั้มยักษ์หน้าห้าง เมื่อ หุ่นกันดั้มรุ่น RX-78-2 ขนาดเท่าตัวจริง ที่ยืนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มานาน ตั้งแต่ปี 2012 ได้ปลดประจำการลง โดยมี หุ่น Gundam Unicorn ขนาดเท่าตัวจริง มายืนประจำการแทน โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อ 24 ก.ย. 2017

  • ข่าวฮือฮาที่เกิดขึ้นในวงการนักพากย์ญี่ปุ่น เมื่อ Kensho Ono นักพากย์หนุ่มสุดฮ็อตจากอนิเม Kuroko no Basket ยืนยันว่า กำลังคบหาดูใจกับ Kana Hanazawa นักพากย์สาวคนดังจากอนิเมหลายเรื่อง

  • Masako Nozawa บันทึกสถิติ ให้เสียงตัวละครเกมตัวเดียว + ทำงานพากย์เกม ยาวนานที่สุดในโลก จากการพากย์เสียงในบท โกคู จาก ดราก้อนบอล

  • ข่าวช็อควงการบันเทิงญี่ปุ่น เมื่อ Fumika Shimizu นักแสดงนำหญิง จากหนังคนแสดง Tokyo Ghoul (ในบท โทกะ) ประกาศลาวงการบันเทิง อุทิศตัวเข้าร่วมลัทธิศาสนาหนึ่ง ซึ่งทำเอาทีมงานผู้สร้างหนังถึงกับวุ่น อย่างไรก็ตาม เธอยังคงรับบทเป็น โทกะ ใน Tokyo Ghoul ภาคแรก เหมือนเดิม

  • อ. รูมิโกะ ทาคาฮาชิ (รันม่า1/2 , อินุยาฉะ) ทำผลงาน ไม่น้อยหน้าไปกว่า อ.โกโช อาโอยามะ เมื่อ มียอดตีพิมพ์จากผลงานการ์ตูนทุกเรื่องของเธอ รวมกันมากกว่า 200 ล้านเล่ม ทั่วโลก เช่นกัน

  • Jan-Ken-Pon ผลงานการ์ตูนแก๊ก 4 ช่อง ของ อ.โชจิ อิซึมิ ได้รับการบันทึกสถิติลง Guinness World Record / Guinness Book ในฐานะที่การ์ตูนเรื่องนี้ เป็น "การ์ตูนแก๊กสี่ช่องเรื่องเดียว ที่มีจำนวนตอนมากที่สุด" ซึ่งเรื่องนี้ มีการรับรองสถิติ จำนวนตอน มากถึง 15,000 ตอน เมื่อ 24 พ.ย. 2016

  • ไม คุรากิ ถูกบันทึกสถิติ Guinness Book ฐานะ นักร้องผู้ขับร้องเพลงประกอบให้กับอนิเมเรื่องเดียว จำนวนมากที่สุดในโลก โดยเธอผูกปีกับการขับร้องเพลงให้กับอนิเมยอดนักสืบจิ๋วโคนัน จำนวนถึง 21 เพลง ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา 

  • เจ้าหน้าที่ตำรวจ.ญี่ปุ่น ได้สร้างผลงานชิ้นโบว์แดง ด้วยการกวาดล้าง เว็บไซต์ "Haruka Yume no Ato" ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวมลิ้งค์มังงะสแกนเถื่อนอย่างผิดกฎหมาย ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยสามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัย มากถึง 9 ราย ด้วยกัน

  • Toshiba บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้เตรียมยกเลิกการเป็นสปอนเซอร์ให้กับอนิเม Sazae-san หลัง เป็นสปอนเซอร์คู่บุญให้กับอนิเมเรื่องนี้มานานถึง 48 ปี โดยพวกเขาจะสนับสนุน Sazae-san จนถึงช่วงสิ้นเดือน มี.ค. 2018

  • Makoto Shinkai ผกก.หนังอนิเม Your Name , Daisuke Namikawa นักพากย์อนิเม และ อ.Kosuke Fujishima ผู้แต่งมังงะ Oh! My Goddess ต่างมีข่าวพัวพันกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยคนแรกออกมาปฏิเสธข่าว ส่วนคนต่อมา ออกมาขอโทษจากสิ่งที่เกิดขึ้น และ คนสุดท้าย....กลับต้องสู้คดีบนชั้นศาลกับอดีตภรรยาของตนเอง!!!!!!!!!

 


   list คนวงการการ์ตูนอนิเม ผู้จากไปในปี 2017



  ในปี 2017 ที่ผ่านมา ได้มีคนวงการการ์ตูนอนิเมได้จากโลกนี้ไปจำนวนหนึ่ง ด้วยสังขาร โรคร้าย หรือ อุบัติเหตุ ซึ่งเราได้รวบรวมชื่อมาพอสังเขป เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี รวมไปถึง ผลงานของพวกเขา ที่ได้ฝากเอาไว้ในช่วงที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ :

  • โยชิฮิโระ โนซากิ - โปรดิวเซอร์อนิเมจาก Mushi Production, Sunrise
  • มาซายะ นากามูระ - ผู้ก่อตั้ง Namco และ ผู้ให้กำเนิด Pacman
  • จิโร่ ทานิงุจิ - นักเขียนการ์ตูนดีกรีรางวัลยอดเยี่ยมหลายสถาบัน จากเรื่อง The Times of Botchan กับ Kodoku no Gourmet
  • Torishimo - ผู้วาดภาพและออกแบบตัวละครให้กับไลท์โนเวล Dokuro-chan
  • ไดสุเกะ ซาโต้ - ผู้แต่งมังงะ Highschool of the Dead
  • โนริโอะ ชิโอยามะ - อนิเมเตอร์รุ่นเก๋าวัย 77 ปี
  • มาซายูกิ ทามิยะ - ประธานบริษัท Tamiya ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยมี รถแข่ง Mini 4WD คือสินค้า signature ประจำบริษัท
  • เซย์จิ โยโกยามะ - คนทำดนตรีประกอบจากอนิเม Uchuu Kaizoku Captain Harlock กับ Saint Seiya
  • ฮินาตะ ทาเคดะ - ผู้วาดภาพประกอบนิยาย Gosick
  • โชอิจิ มาสุโอะ - ผกก. & อนิเมเตอร์ มากความสามารถ จาก Gainax และ Studio Khara
  • ฮารุโอะ นากาจิมะ - สตันท์แมนรุ่นเก๋า ผู้เคยรับบท Godzilla ออกอาละวาดในหนัง Godzilla ภาคเก่าคลาสสิค จำนวนหลายภาค
  • - ศิลปินผู้วาดภาพ ฉบับมังงะของ Wolf Children
  • ฮิโรมิ ทสึรุ - นักพากย์สาว เจ้าของเสียงพากย์ Bulma (Dragon Ball) , Ayukawa Madoka (Orange Road) , Mikami (GS Mikami)
  • มิจิรุ ชิมาดะ - คนเขียนบทจากอนิเมดังหลายเรื่อง อาทิ Dr. Slump, One Piece, Detective Conan, Rurouni Kenshin: Meiji Kenkaku Romantan, Uta no☆Prince-sama♪ Maji Love 1000%, the Little Busters, และ Little Witch Academia
  • ทามิโอะ โอกิ - นักพากย์รุ่นปู่ วัย 89 ปี จากอนิเมยุคคลาสสิคหลายเรื่อง มีชื่อเสียงจากการพากย์บท "หัวหน้า Aramaki" จาก Ghost in the Shell

  • Dick Bruna - นักเขียนและนักวาดชาวดัตช์ ผู้ให้กำเนิด Miffy ตัวการ์ตูนกระต่าย ขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลก
  • "หมู นินจา" สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ - นักเขียนการ์ตูนไทยคนดังจากหนังสือขายหัวเราะ กับ มหาสนุก เป็นที่รู้จักและคุ้นเคย กับ ผลงานการ์ตูนแก๊กสารพัดมุก เกี่ยวข้องกับ จอมยุทธ กับ นินจา ซึ่งต่อมา การ์ตูนแก๊กดังกล่าว ได้นำไปตีพิมพ์รูปแบบรูปเล่มในชื่อ "กระบี่หยามยุทธภพ"
  • บันลือ อุตสาหจิต - ผู้ก่อตั้ง สนพ.บรรลือสาส์น ผู้จัดพิมพ์หนังสือการ์ตูน ขายหัวเราะ และ มหาสนุก


 


  นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนตลอดปี 2017 ในปีสุนัขที่กำลังจะมาถึง วงการการ์ตูนจะก้าวไปในทิศทางไหนกัน ก็ต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไปครับ ซึ่งเราก็ขอให้ทุกคนจงมีแต่ความสุข ความโชคดี จะทำอะไรขอให้ปลอดอุปสรรคทั้งปวง ตลอดปีพ.ศ. ๒๕๖๑ ครับ !!!!!!!!!!!............(ยังมีต่อตอนที่ 2 เน้อ)

สำนักข่าว KD News
 
free hit counter javascript