Cartoon Focus - โดราเอมอน (Doraemon)

ผู้แต่ง
ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ (Fujiko Fujio)
ประเภท
ตลก ดราม่า ผจญภัย
จำนวนเล่ม
ภาคปกติ 45เล่ม (จบ)
Plus 2 เล่ม
Bigbook 16 เล่ม
ชุดพิเศษ 24 เล่ม
the theater 2 เล่ม
แก็งป่วนก๊วนโดราเอมอน 3 เล่ม
Doraemon The Gang ผจญภัยสุดขอบฟ้า  3 เล่ม
Color Collections 2 เล่ม
ENGLISH THAI COMICS DORAEMON 6 เล่ม
ชุดเปิดกระเป๋าหรรษา  4 เล่ม
สำนักพิมพ์
เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนต์(ไทย)/
Shogakukan(ญี่ปุ่น)
อนิเมลิขสิทธิ์ Rose VDO
ข้อมูลอ้างอิงบางส่วน https://th.wikipedia.org/โดราเอมอน

ที่มาของชื่อ

ชื่อของโดราเอมอน หรือ โดเรม่อนที่หลายๆคนเรียกติดปาก นั้น มาจากคำศัพท์ของญี่ปุ่น2คำมารวมกัน นั่นคือ โดราเนโกะ ซึ่งแปลว่า แมวหลงทาง และ เอม่อน ซึ่งเป็นคำเรียกของเด็กผู้ชายในสมัยก่อน โดย อ.ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ได้แรงบันดาลใจจากตุ๊กตาของลูกสาวเขา ในขณะที่กำลังคิดค้นผลงานเรื่องใหม่อยู่ในขณะนั้นพอดี (คือ เห็นตุ๊กตา แล้วนึกถึง ตุ๊กตาแมวล้มลุก --> โดราเอมอน)
ป.ล.ข้อมูลบางแหล่งยังบอกว่า อ.ฟูจิโกะ คิดค้นโดราเอมอน โดยได้คอนเซปต์จาก ตุ๊กตาลูกสาวเขาที่มีรูปร่างคล้ายแมว +ได้ยินเสียงแมวของเพื่อนบ้านกัดกัน และ เขากำลังนึกถึงเครื่องจักรกลวิเศษที่ทำให้เขาคิดผลงานเรื่องใหม่ออก จึงทำให้เกิดเป็นหุ่นยนต์แมวที่มีของวิเศษจำนวนมากเก็บไว้ในกระเป๋า 4 มิติ นามนั้นคือ "โดราเอมอน"

ลักษณะเฉพาะตัวของโดราเอมอน

เกิด 3 กันยายน ปี 2112(พ.ศ.2655) ในศตวรรษที่22
ความสูง 129.3 ซ.ม.
น้ำหนัก 129.3 กก.
ความเร็วสูงสุด 129.3กม./ชม.
กระโดดได้สูงที่สุด 129.3 ซ.ม.
ความสามารถพิเศษ มีกระเป๋า4มิติ ซึ่งสามารถเก็บของวิเศษ หรืออย่างอื่นได้ จำนวนนับพันชิ้น
ข้อด้อย เนื่องจากมืออันกลมดิ๊กของโดราเอมอน จึงไม่สามารถเล่นพันด้ายแบบโนบิตะได้
สิ่งที่ชอบ โดรายากิ,แมวน่ารักๆ
สิ่งที่เกลียด หนู
เกียรติยศ - ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ ฉบับปี2002 ให้เป็นฮีโร่แห่งเอเชีย
- ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลที่น่ากอดที่สุด จากนิตยสารไทม์ในปี2003 อีกเช่นกัน
- ได้รับเลือกให้เป็นทูตอนิเมคนแรกของญี่ปุ่น
จำนวนตอนภาคปกติ มากกว่า 1000 กว่าตอน (45 เล่มในหนังสือการ์ตูนฉบับลิขสิทธิ์ ฉบับแรกพิมพ์ในปี 1969)
จำนวนตอนภาคหนังโรง 29 ตอน
ฉายทางทีวีครั้งแรก(ที่ญี่ปุ่น) ปี1973(พ.ศ.2516)
ฉายทางทีวีครั้งแรก(ที่ไทย) ปี1982(พ.ศ.2525) วันที่ 23 ส.ค.
ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย คุณ โนบุโยะ โอยาม่า
ปัจจุบัน พากย์โดย คุณ วาซาบิ มิซึตะ (2005-....)
ให้เสียงภาษาไทยโดย คุณ ฉันทนา ธาราจันทร์ "น้าติ๋ม"

Inside Doraemon

โครงสร้างภายในของหุ่นโดราเอมอน ซึ่งสร้างจากเทคโนโลยีระดับสูง แต่เนื่องจากขั้นตอนในการผลิตโดราเอมอนนั้นเกิดความผิดพลาด ทำให้ฟังก์ชั่นการทำงานของส่วนประกอบต่างๆบางส่วนของโดราเอมอน นั้นยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย

ตา เป็นตาแสงอินฟราเรด สามารถมองเห็นได้แม้แต่ในที่มืด

จมูก เป็นลูกกลมๆ สีแดงเช่นเดียวกับปลายหาง มีความไวในการรับรู้กลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์ 20 เท่า แต่ปัจจุบันชำรุด จึงสามารถดมกลิ่นได้เท่าจมูกคนเท่านั้น

หนวด มี 6 เส้นเหมือนกับแมว สามารถจับวัตถุระยะไกลได้คล้ายๆกับเรดาห์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอซ่อมแซม

ร่างกาย ผิวหนังเป็นโลหะผสมพิเศษต้านแรงดึงดูด ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถจับเกาะได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อแรงกดอากาศสูง แม้อยู่ในอวกาศหรือใต้ทะเลลึกก็ไม่เป็นปัญหา (จากตอนพิเศษ "ตะลุยปราสาทใต้สมุทร") ทนต่อสารละลายจำพวกกรด (จากตอนพิเศษ "ไซอิ๋ว") แต่แพ้อากาศได้ง่าย (จากตอนพิเศษ "ตะลุยปราสาทใต้สมุทร" และ "นางฟ้านำทาง") หากโดนไฟฟ้าช็อตก็จะเสียหาย (จากตอนพิเศษ "บุกอาณาจักรเมฆ","ฝ่าแดนเขาวงกต" และ ผจญภัยในดินแดนสุนัขและแมว)

มือ มือของโดราเอมอนรูปร่างเป็นทรงกลมสีขาวไม่มีนิ้วมือ แม้จะไม่สามารถเล่นพันด้าย กับ เป่ายิ้งฉุบได้ แต่ก็สามารถดูดจับสิ่งของได้ทุกอย่าง ถึงโดราเอมอนจะดูเหมือนถนัดขวา แต่จริงๆ แล้วเขาถนัดทั้ง 2 ข้าง

ปาก สามารถรับประทานได้ทุกอย่าง โดยจะเปลี่ยนสารอาหารที่กินเป็นพลังงานปรมาณู ภายในปากจะมีฟันที่เรียกว่า "ฟู้ดคัตเตอร์" ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะเวลาที่โกรธจนต้องยิงฟันเท่านั้น แต่ในตอนพิเศษ "ไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2006" โดราเอมอนกลับถูกวาดให้มองเห็นซี่ฟันอย่างชัดเจน

กระพรวน มีสีเหลือง ไว้ห้อยคอ ส่วนสายคาดมีสีแดง เมื่อสั่นกระพรวนจะสามารถเรียกแมวที่อยู่ใกล้เคียงมาชุมนุมกันได้ โดยจะปล่อยคลื่นเสียงพิเศษ แต่น่าเสียดายตอนนี้ใช้งานไม่ได้เพราะตอนผลิตในโรงงานชิ้นส่วนหลุดไป 1 ชิ้น

กระเป๋าหน้าท้อง เป็นกระเป๋าสี่มิติ ไว้สำหรับเก็บของวิเศษ พื้นที่เก็บของไม่มีจำกัด สามารถถอดไปทำความสะอาดได้ โดยมีกระเป๋าสี่มิติใบสำรอง หรือ"กระเป๋าสำรอง" มาใช้แทน ซึ่งกระเป๋าทั้งสอง จะมีมิติที่เชื่อมต่อกัน ของที่เอาใส่ในกระเป๋าใบหนึ่ง จะสามารถนำออกมาจากกระเป๋าอีกใบหนึ่งได้

เท้า ลักษณะแบนเรียบ สีขาว มีพลังต้านแรงดึงดูด ส่งผลให้เท้าอยู่ลอยจากพื้น 3 มิลลิเมตร เลยไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าเพราะไม่มีฝุ่นผงติดเท้า เดิมทีเท้าของโดราเอมอนจะเป็นแบบที่สามารถเดินได้โดยไม่มีเสียงเหมือนกับแมวย่อง แต่ปัจจุบันชำรุดไปแล้ว ทำให้เวลาเดินจึงเกิดเสียงจากแรงเสียดสีกับอากาศ เวลาขี่จักรยานต้องใช้ปากจับแฮนด์ และใช้มือถีบที่ปั่นจักรยานแทน เนื่องจากขาสั้นเกิน (จากตอน "จิโซ เทพเด็กทิ่มสวรรค์")

หาง สวิตช์ปิด-เปิด ถ้าถูกดึง ทุกอย่างจะหยุดทำงาน แต่ตัวโดราเอมอ่นเองกลับไม่สามารถดึงหางเพื่อเปิดเองได้ (ในกรณีที่หยุดการทำงานแล้ว)

กำเนิดโดราเอมอน

   จริงๆแล้ว แต่เดิมนั้นโดราเอมอนนั้นมีผิวสีเหลือง และมีหูเหมือนแมว โดยถือกำเนิดขึ้นจากโรงงานผลิตหุ่นยนต์ในศตวรรษที่22 โดยโดราเอมอนนั้นเป็นหุ่นที่สร้างมาเพื่อเลี้ยงเด็กๆเท่านั้น แต่ทว่า ตัวโดราเอมอนเองนั้นมีขั้นตอนการผลิตที่ผิดพลาด ในขณะที่ทำการผลิตอยู่นั้นได้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นทำให้หุ่นโดราเอมอนตัวหนึ่งโดนไฟช็อต และกำลังหล่นลงไปในเตาหลอมขยะ ในขณะที่กำลังจะหล่นไปนั้น โดราเอมอนได้รับการช่วยเหลือจาก หุ่นยนต์แมวนักเต้นชื่อ โดราเนียโกะ โดราเอมอนได้รู้จักเพื่อนคนแรกที่นี่ และโดราเนียโกะได้มอบขนมแป้งทอดหรือ โดรายากิ โดราเอมอนเพื่อเป็นการฉลองวันที่โดราเอมอนถือกำเนิดขึ้นมา (เหตุนี้ล่ะ จึงทำให้โดราเอมอนชอบกินขนมโดรายากิเป็นต้นมา)

  ในเมื่อคนเรา การที่จะทำสิ่งใดเป็น จะต้องผ่านการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานมาก่อน หุ่นยนต์อย่างโดราเอมอนก็เช่นกัน ก็ต้องไปอบรม เรียนที่โรงเรียนฝึกหุ่นยนต์ แต่เนื่องจากอุบัติเหตุจากการผลิตในครั้งนั้น ทำให้ความสามารถของโดราเอมอนนั้นคล้ายๆกับโนบิตะ คือโดราเอมอนได้ทำผิดพลาดทุกอย่าง เช่น ให้หยิบประตูทุกหนแห่ง แต่ดัน หยิบห่วงผ่านตลอดออกมา เป็นต้น และได้ถูกครูใหญ่เรียกตัวไปพบและให้ย้ายไปชั้นเรียนพิเศษ ซึ่งเป็นห้องที่รวบรวมเด็กมีปัญหาเอาไว้ และโดราเนียโกะ ก็ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย ที่ห้องนี้โดราเอมอนได้พบกับเพื่อนแท้อีกหกคน คือ

  • โดราเดอะคิด เป็นหุ่นยนต์ที่ชอบคาวบอยเป็นอย่างมาก รักความสันโดด และเป็นโรคกลัวความสูง
  • โดราเหม็ด ที่สาม เป็นพ่อมดที่มีเวทมนคาถามากมาย และกลัวน้ำมาก เมื่อโมโหจะขยายร่างอาละวาด
  • หวังโดรา เก่งในด้านกังฟูมาก แต่แพ้ผู้หญิง มีนิสัยขี้อาย
  • เอล มาทาโดรา เป็นนัดสู้วัวกระทิงที่มีใจรักความยุติธรรมมาก อยู่ในสเปน เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจะเปลี่ยนเป็นไดเคทสึโดรา ผู้ผดุงความยุติธรรม
  • โดรานิคอฟ หุ่นยนต์แมวที่มีความลับเยอะมาก ไม่เคยพูด มีผ้าพันคออยู่ตลอดเวลา เวลาเห็นของกลมๆ จะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าและถ้ากินของเผ็ดจะพ่นไฟได้
  • โดราริเนียว(โดรารินโญ่) เป็นนักฟุตบอลที่เก่งมาก จะอยู่กับทีมฟุตบอลของเขาคือมินิโดราทั้ง 7 มีนิสัยขี้ลืมมาก


  และต่อมาโดราเอมอนและเพื่อนทั้ง6ก็ได้รวมพลังกัน เป็นโดราเอมอน ทีม และมีการ์ดแห่งเพื่อนอยู่ เพื่อติดต่อถึงกันได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ยุคใดก็ตาม ซึ่งหาอ่านได้จาก หนังสือการ์ตูนของ line art planning(ไม่มีลิขสิทธ์) และ เนชั่นฯ

  ในพิธีจบการศึกษา หุ่นต่างๆต้องมาแสดงความสามารถให้ชม เพื่อที่จะรับการติดต่อไปทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการ เพื่อนๆในชั้นทุกคนมีคนมาติดต่อไปหมดแล้ว เหลือแต่โดราเอมอนเป็นคนสุดท้าย เมื่อโดราเอมอนแสดงจบ ได้มีสัญญานจากเด็กโดยตรงติดต่อมา แต่ทว่ากลับกลายเป็นเด็กกดปุ่มผิดเลือกมา เด็กคนนั้นก็คือเซวาชิ(ซึ่งก็คือรุ่นหลานๆๆๆของโนบิตะนั่นเอง)นั่นเอง โดราเอมอนจึงรับหน้าที่ดูแลเซวาชิ
  เมื่อเซวาชิอยู่ชั้นประถม ครูได้สั่งให้ปั้นดินน้ำมันส่ง เซวาชิตัดสินใจที่จะปั้นโดราเอมอนขึ้นมา แต่ก็ทำพลาดตรงหูนี่เอง จึงได้ใช้ให้หุ่นยนต์หนูไปทำให้หูของรูปปั้นเหมือนของโดราเอมอน แต่หุ่นยนต์หนูเข้าใจผิด ไปกัดหูของโดราเอมอนแหว่ง โดราเอมอนตกใจมาก เมื่อไปหาหมอ ขณะที่ทำการรักษาอยู่นั้น ได้เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้หูของโดราเอมอนหายไปเลย เมื่อใครต่อใครเห็นก็ต่างพากันหัวเราะเยาะกันยกใหญ่ โดราเอมอนเสียใจมากจึงวิ่งออกไปแล้วก็ร้องไห้อยู่คนเดียว โดราเอมอนร้องไห้มากจนทำให้สีเหลืองที่ชุบตัวลอกออกมาเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งเราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ และโดรามีก็ออกมาปลอบใจและบอกกับโดราเอมอนว่าตัวเองเป็นน้องสาวของโดราเอมอน

   ในด้านเซวาชิได้ออกตามหาโดราเอมอน ในขณะที่ตามหาอยู่นั้น ได้มีผู้ก่อการร้ายซึ่งกำลังหนีตำรวจจับเป็นตัวประกันไว้ โดราเอมอนก็ได้ไปช่วยออกมา (จริงๆแล้วไม่ได้ช่วยหรอก หลังจากที่หนีออกมา โดราเอมอนตั้งใจจะดื่มน้ำยาร่าเริง แต่หยิบผิดเป็นน้ำยาเศร้าโศก และเมื่อพบกลับโดรามีก็จะกินน้ำยาร่าเริงอีกครั้ง แต่ดันกลายเป็น น้ำยาเร่งความเร็ว ทำให้ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ จนไปชนยานของผู้ก่อการร้ายพัง ) หลังจากจับผู้ร้ายได้แล้ว ทางครูใหญ่ได้จัดการฉลองให้โดราเอมอน และมอบหุ่นยนต์มินิโดรา ให้เพื่อเป็นเกียรติแก่โดราเอมอนที่จับผู้ร้ายได้
  โดราเอมอนตั้งใจจะให้ของขวัญแก่เซวาชิบ้าง จึงคิดที่จะกลับไปโลกอดีตเพื่อแก้ไขบรรพบุรุษของเซวาชิให้ดีขึ้น และที่นี่เอง โดราเอมอนกับ โนบิตะ ได้พบกันเป็นครั้งแรก

ตัวละครหลัก

โนบิ โนบิตะ
เป็นเด็กชั้นป.4 เป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว ขี้เกียจ ขี้แย ตื่นสาย สอบได้ 0 คะแนนเป็นประจำจึงทำให้โดนคุณแม่และคุณครูประจำชั้นดุบ่อยๆ นอกจากนั้น โดนไจแอนท์และซูเนโอะแกล้งบ่อยๆ ด้วย และชอบชิซุกะเป็นที่สุด แต่อนาคตได้แต่งงานกับไจโกะ(ถ้าโดราเอมอนไม่มาเปลี่ยนอนาคต) และเนื่องด้วยพฤติกรรมที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวของโนบิตะนั้นทำให้มีผลต่อรุ่นต่อๆมารวมถึงรุ่นของเซวาชิ เซวาชิจึงตัดสินใจต้องส่งโดราเอมอนไปดูแลโนบิตะ ให้มีชีวิตในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น โดยวันเกิดของเขาก็คือ 7 ส.ค.1964 และมีความสามารถพิเศษคือ การนอนหลับ การเล่นพันด้าย การยิงปืน แถมเป็นคนที่รักสัตว์เป็นที่สุด
(เสียงพากย์ไทย โดย คุณ ศันสนีย์ วัฒนานุกุล "น้านิด" (นามสกุลเดิม สมานวรวงศ์) )

 

มินาโมโตะ ชิซุกะ
เป็นเด็กผู้หญิง หน้าตาน่ารักๆ เป็นที่รักใคร่ของเด็กผู้ชายในกลุ่ม เป็นคนเรียบร้อย เรียนเก่ง และที่สำคัญชอบอาบน้ำเป็นประจำ มีมันเผาเป็นของโปรดอย่าบอกใคร และที่สำคัญความสามารถในด้านการสีไวโอลีนของเธอนั้นก็เลวร้ายพอกับเพลงของไจแอนท์เลย
(ปัจจุบันให้เสียงพากย์ไทย โดย คุณ ศรีอาภา เรือนนาค "น้าผึ้ง")

 

โฮเนคาว่า ซูเนโอะ
เป็นเด็กผู้ชายตัวเตี้ย ปากแหลม มีนิสัยขี้ประจบ โอ้อวด มีฐานะทางบ้านรวย เรียนเก่งพอควร มีเพื่อนสนิทเป็นไจแอนท์ แต่ก็ถูกไจแอนท์แย่งของเล่นเป็นประจำ พอการมาของโดราเอมอน ทำให้ซึเนโอะคิดอยากจะให้โดราเอมอนไปอยู่กับเขา แทนที่จะไปอยู่กับโนบิตะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จ และ ซูเนโอะ ก็มีน้องชาย ซูเนซึงุ อาศัยอยู่ที่อเมริกา
(ปัจจุบันให้เสียงพากย์ไทย โดย คุณ อรุณี นันทวาส "น้าตุ๊ก")

 

โกดะ ทาเคชิ /ไจแอนท์
เป็นเด็กหัวโจก ในกลุ่มเด็กผู้ชาย มีลักษณะผมเกรียน ตัวใหญ่ๆ ผิวเข้ม เป็นเด็กเกเร ชอบรังแกผู้อื่นโดยการใช้กำลัง และชอบแย่งของของคนอื่นทั้งๆที่ไม่ใช่ของตน เรียนก็งั้นๆ(แต่ก็ดีกว่าโนบิตะหน่อยนึง) แต่กลับกลัวคุณแม่ของตัวเองเป็นที่สุด และมีบ้านเป็นร้านขายของชำ โดยสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือ การร้องเพลง(แต่ร้องเพลงห่วยแตกมาก จนเพื่อนๆหลายคนกลัว)
(ให้เสียงพากย์ไทยโดย คุณ นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ "น้าต๋อย เซมเบ้")
(ปัจจุบัน ให้เสียงพากย์ไทยโดย คุณ ธนกฤษ เจนคลองธรรม "พี่อ๋อ")

 

โนบิ โนบิสึเกะ
คุณพ่อของโนบิตะ เป็นพนักงานในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เดิมนั้นเคยอยากเป็นจิตรกร เป็นคนใจเย็น ผิดกับคุณแม่ของโนบิตะ
(ให้เสียงพากย์ไทย โดย คุณ หฤษฏ์ ภูมิดิษฐ์ "น้าอู๊ด")

 

โนบิ ทามาโกะ
คุณแม่ของโนบิตะ เป็นคุณแม่ที่ดุและเข้มงวดมากๆ เป็นคนที่มีอำนาจเหนือใครในบ้าน เกลียดสัตว์เลี้ยงสุดๆ ถึงภายนอกจะเป็นอย่างนั้น แต่จริงๆแล้ว ก็เป็นคุณแม่ที่ใจดี(บ้าง)เหมือนกัน
(ให้เสียงพากย์ไทย โดย คุณ สุลักษณา เทพหัสดิน "น้าหน่อย")

 

ตัวละครอื่นๆ

ฮิเดโทชิ เดคิซึงิ
เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดี เรียนหนังสือเก่ง สอบได้100คะแนนเป็นประจำ มีเพื่อนสนิทคือ ชิซุกะ และเป็นกขค.อันดับหนึ่งในสายตาของโนบิตะ
(ให้เสียงพากย์ไทย โดย คุณ สุลักษณา เทพหัสดิน "น้าหน่อย")

ป.ล. ภาพยนตร์ Stand by Me Doraemon แปลนามสกุลของเขาเป็น เอย์ซากิ

 

โดรามี
เป็นน้องสาวของโดราเอมอน และมาดูแลโนบิตะแทนโดราเอมอนเป็นบางตอน และชอบเมล่อนปังเป็นที่สุด

 

ไจโกะ
เป็นน้องสาวของไจแอนท์ เป็นคนที่มีความมานะพยายามสูง รักการวาดการ์ตูนเป็นที่สุด โดยทีแรกนั้นเป็นภรรยาของโนบิตะในอนาคต แต่เพราะการมาของโดราเอมอนนั้น ทำให้ไจโกะไม่ได้เป็นภรรยาของโนบิตะอีกเลย

 

ซึรุกิ
เป็นตัวละครที่มักจะมาแทนซูเนโอะในตอนที่มีโดรามีมาแทนโดราเอมอน มีลักษณะนิสัยและหน้าตาคล้ายๆซึเนโอะ แต่ต่างกันตรงที่ ซึรุกินั้นจะสูงกว่า และสวมแว่นตาทำให้ดูแล้วฉลาดกว่า

 

คุณยายของโนบิตะ
เป็นคุณยายที่ใจดีมากถึงมากที่สุด โนบิตะรักคุณยายคนนี้มาก(มากกว่าแม่ตัวเองซะอีก) แต่จริงๆเสียไปแล้ว เราจะเห็นคุณยายในฉากที่โนบิตะและโดราเอมอนนั่งไทม์แม็คชีนกลับไปยังอดีต

 

คุณครูของโนบิตะ
ครูประจำชั้นของโนบิตะ และเพื่อนๆของเขา สอนหลายวิชา(แต่หลักๆก็คือ คณิตศาสตร์ และ พละ) เป็นคุณครูที่เข้มงวดกวดขันสุดๆ

 

เซวาชิ
หลานชายของโนบิตะ (เอาจริงๆ คือ ลื่อ)อาศัยอยู่ในโลกอนาคต และเป็นคนพาโดราเอมอนมาอยู่กับโนบิตะ เพื่อทำให้ชีวิตของโนบิตะนั้นดียิ่งขึ้น โดยการมาของเซวาชินั้น ยืนยันได้ว่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอนาคตในรูปแบบไหน ยังไง สุดท้าย เขาก็ได้เกิดอยู่ดี (โดยนำเอาไปเปรียบเทียบเทียบกับ การเดินทางจากโตเกียวยังโอซาก้า ซึ่งมีอยู่หลากหลายวิธี)

 

โนบิ โนบิสึเกะ Jr.
ลูกชายของโนบิตะ โดยใช้ชื่อตามคุณพ่อของตัวเอง มีบทบาทในตอนที่เกี่ยวกับอนาคตของโนบิตะ

 

คามินาริ
คุณลุงขี้ยั๊วะที่อยู่บ้าน ข้างลานท่อปูนที่พวกโนบิตะไปเล่นกันบ่อย เมื่อพวกโนบิตะทำลูกเบสบอลตกลงบ้านทำต้นบอนไซเสียหาย หรือ ไม่ก็ทำกระจกของคุณลุงแตกทีไร ก็เตรียมโดนคุณลุงเล่นงานได้

 

 

ของวิเศษ

เราไม่สามารถปฎิเสธไปได้ว่า ถ้าใครได้ชมหรืออ่านเรื่องนี้ ทุกคนก็จะต้องคิดถึงของวิเศษของโดราเอมอนเป็นแน่ ซึ่งของวิเศษที่ว่านั้นก็คือสินค้าอันไฮเทคของศตวรรษที่22 ซึ่งอำนวยความสะดวกได้ดีกว่า และของวิเศษของโดราเอมอนนั้นหลายชิ้นมีทั้งประโยชน์และโทษ สังเกตได้ว่าในหลายๆตอนนั้น(จริงๆน่าจะเรียกว่าแทบทุกตอน) โนบิตะมักขอยืมของวิเศษของโดราเอมอนเอาไปใช้เพื่อแก้แค้นไจแอนท์ หรือทำในสิ่งที่ตนต้องการ แต่บางทีก็ทำเพื่อส่วนรวมบ้างเหมือนกัน ในจุดนี้แหล่ะ จากการที่เห็นโนบิตะได้ใช้ของวิเศษของโดราเอมอน ทำให้เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆคนเห็นแล้วอยากได้

   ซึ่งในที่นี้ ก็จะขอยกตัวอย่างของวิเศษของโดราเอมอนแค่บางชิ้นที่คุ้นเคยเท่านั้น(เพราะจริงๆแล้วมีมากกว่า1800รายการ!!!) ถ้าอยากอ่านรายละเอียดเพิ่ม ก็ลองหาหนังสือ
"รายละเอียดของวิเศษของโดราเอมอน"ของสำนักพิมพ์ เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนต์

กระเป๋า4มิติ
เป็นกระเป๋าหน้าท้องของโดราเอมอน ซึ่งเก็บของวิเศษและสิ่งของอื่นได้หลายชิ้น

ประตูสารพัดที่
ประตูที่สามารถไปที่ไหนก็ได้ ตามใจนึก

คอปเตอร์ไม้ไผ่
เป็นใบพัดขนาดจิ๋ว เมื่อติดส่วนใดของร่างกายเรา ทำให้เราสามารถบินได้

ไฟฉายย่อส่วน
เป็นไฟฉายเมื่อฉายไปที่วัตถุใด วัตถุนั้นก็จะขยายให้ใหญ่ขึ้น หรือ หดตัวลง

ผ้าคลุมกาลเวลา
เป็นผ้าคลุมที่ใช้ในการห่อของที่เราต้องการจะเปลี่ยนให้ใหม่หรือเก่า

ไทม์แมกชีน
พาหนะที่ท่องเทียวไปยังสถานที่ที่มียุคสมัยแตกต่างกัน เป็นพาหนะที่โดราเอมอนใช้ในการไปบ้านของโนบิตะ โดยออกจากทางลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือของโนบิตะ

ขนมโมโมทาโร่
ขนมที่ทำให้สัตว์ต่างไม่ว่าจะดุร้ายแค่ไหน ก็ทำให้เชื่องได้ ใช้บ่อยมากในภาคพิเศษ

ห่วงผ่านตลอด
ห่วงที่ใช้วาร์ปหรือทะลุมิติไปยังอีกที่แห่งหนึ่ง

 

โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์

เนื่องจากความดังของเรื่องนี้นับตั้งแต่ออกฉายที่ญี่ปุ่นปี1973 ก็เลยทำให้ต้องสร้างภาคที่ฉายทางภาพยนตร์ตามมา โดยเนื้อเรื่องเน้นไปที่การผจญภัยของโดราเอมอนและผองเพื่อนเป็นหลัก โดยภาคแรกที่ทำออกมานั้น ชื่อว่า "ไดโนเสาร์ของโนบิตะ" โดยฉายออกในปี 1980(พ.ศ.2523) และจนถึงทุกวันนี้ พวกเขา(โดราเอมอน)ก็มีภาพยนตร์ซึ่งเป็นภาคพิเศษมาทั้งหมด 25 ภาคแล้ว




1.ไดโนเสาร์ของโนบิตะ(Nobita's Dinosaur) - 1980
โนบิตะได้ค้นพบกับฟอสซิลไข่ไดโนเสาร์โดยบังเอิญ และจากนั้นก็ใช้ผ้าคลุมกาลเวลาให้กลายเป็นไข่ แล้วฟักตัวออกมาเป็นไดโนเสาร์คอยาวน่ารักๆที่ชื่อ พีสุเกะ และโนบิตะก็ได้เลี้ยงดูมันจนเติบโต จนกระทั่งมันตัวใหญ่เกินกว่าที่จะดูแลได้ จนต้องตัดสินใจส่งกลับไปยังยุคของมัน แต่ทว่าดันส่งท้องถิ่นที่ผิด โนบิตะ โดราเอมอนและเพื่อนๆจึงต้องพามันกลับไปยังถิ่นจริงๆที่มันอยู่คือทะเลญี่ปุ่นโบราณ พร้อมกับ ต้องหลีกหนีการตามล่าของเศรษฐีหนุ่มจากโลกอนาคตที่ต้องการตัวพีสุเกะเพื่อนำไปค้าขายอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งภาคนี้ก็เป็นอีกภาคหนึ่งที่หลายๆคนชอบ เนื่องจากได้เน้นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตต่างยุค และในปี2006 Fujiko F Fujio Pro.ก็ตัดสินใจเอามาปัดฝุ่นทำใหม่ พร้อมกับเปิดตัวทีมพากย์โดราเอมอนชุดใหม่ของญี่ปุ่นอีกด้วย(แต่จริงๆทีมใหม่ทีมนี้ก็เริ่มพากย์ในโดราเอมอนภาคปกติแล้วนะ)



2.ผจญภัยในแดนพิศวง(The Record of Nobita: Spaceblazer ) - 1981
โนบิตะกับโดราเอมอนได้ไปที่ดาวดวงหนึ่งที่ชื่อว่า โคยะโคยะโดยผ่านทางมิติที่เชื่อมกับพื้นที่ใต้เสื่อของห้องของโนบิตะ และได้รู้จักกับเด็กคนหนึ่งที่ชื่อโรพอล และที่ดาวดวงนั้นก็มีสิ่งมีชิวิตที่แปลกและแรงดึงดูดต่ำจนทำให้มนุษย์โลกที่ไม่เอาไหนอย่างโนบิตะนั้นสามารถเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ได้ แต่ความสุขนั้นก็ช่างไม่ยั้งยืนเลย ก็เพราะว่ามีพวกคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการทำลายดาวดวงนี้เพื่อต้องการทำเป็นเหมืองถลุงแร่ ทำให้โนบิตะ โดราเอมอน และเพื่อนๆที่เหลือจะต้องเข้าไปช่วยปกป้องดาวดวงนี้ เป็นอีกภาคหนึ่งที่ทาง Fujiko F Fujio Pro. ตัดสินใจนำมารีเมคใหม่ ออกฉายในปี 2009



3.ผจญภัยในแดนลึกลับ(Nobita and the Haunts of Evil ) - 1982

โนบิตะกับเพื่อนๆก็คิดจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยการไปสำรวจดินแดนลึกลับแถวป่าดงดิบในแอฟริกา ก่อนการเดินทางนั้น โนบิตะและโดราเอมอนก็ได้พาสุนัขตัวหนึ่งซึ่งได้พบเจอกันในขณะที่มันกำลังหิวโซ และทั้งหมดก็ได้ผจญภัยกัน และภายหลังสุนัขตัวนั้นก็สารภาพความจริงว่า ตัวเองเป็นเจ้าชายในอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งถูกยึดอำนาจ และปกครองอย่างเผด็จการ



4.ปราสาทใต้สมุทร(Nobita's Monstrous Underwater Castle) - 1983

โนบิตะกับเพื่อนตกลงใจกันไปเที่ยวตามท้องทะเลลึก ตามคำแนะนำของโดราเอมอน แต่ไจแอนท์และซูเนโอะก็ได้ไปดินแดนต้องห้าม ซึ่งก็คือแถวๆสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และทั้งหมดก็ถูกจับโดยชายชาวอาณาจักรมู(อาฌาจักรใต้ท้องทะเล)คนหนึ่งซึ่งคิดว่าพวกโนบิตะคือพวกก่อความไม่สงบ แต่ต่อมาพวกเขาก็หนีไปได้ และคอยสืบหาความจริงว่า ที่ใต้ทะเลลึกนี้มันมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งคาแร็คเตอร์เด่นๆของภาคนี้ก็คือ เจ้ารถบักกี้สีแดง ที่ถึงแม้จะเอาแต่ใจบ้าง แต่ก็เป็นคนเสียสละชีวิต เพื่อความสงบสุขของโลก



5.ตะลุยแดนเวทมนตร์(Nobita's Great Adventure into the Underworld ) - 1984

โนบิตะได้คิดที่จะอยากให้โลกนี้เป็นโลกเวทมนตร์ จึงขอร้องให้โดราเอมอนเอาตู้โทรศัพท์สมใจนึกมาใช้ แต่ปรากฎว่ากลับทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น แถมโนบิตะกับโดราเอมอนจะต้องพิสูจน์ถึงเรื่องลึกลับที่มีรูปปั้นของเขาทั้ง2เข้ามาในบ้าน แต่ต่อมาก็รู้ว่าจากมิโยโกะ สาวน้อยคนหนึ่งที่ถูกเสกให้กลายเป็นแมวว่า ปีศาจแห่งโลกเวทมนตร์กำลังจะมายึดครองโลก เป็นอีกภาคหนึ่งที่ทาง Fujiko F Fujio Pro. ตัดสินใจนำมารีเมคใหม่ และ ออกฉายในปี 2007



6.ผจญภัยในอวกาศ(Nobita's Little "Star Wars") - 1985
โนบิตะกับเพื่อนๆกำลังเล่นหุ่นจำลองอยู่ ต่อมาก็ได้เจอกับพาพิ มนุษย์ต่างดาวคนหนึ่ง ซึ่งได้ความว่าตัวเองเป็นประธานาธิบดีของดาวพิริก้า กำลังจะหลบหนีการตามล่าของทหารของคณะปฎิวัติ ซึ่งพวกของโนบิตะก็ให้การช่วยเหลือ แต่ต่อมา ทหารของคณะปฏิวัติก็ตามจับได้ และทำให้โนบิตะและเพื่อนๆรวมถึงสุนัขต่างดาวแต่พูดได้ของประธานาธิบดีนั้นต้องเข้าไปช่วยเหลือทันที



7.สงครามหุ่นยนต์(Nobita and the Platoon of Iron Men) - 1986

มีวัตถุแปลกประหลาดตกลงมาบนห้องของโนบิตะ และโนบิตะและโดราเอมอนก็ได้ช่วยกันต่อเป็นหุ่นยนต์รบตัวหนึ่ง โดยตั้งชื่อว่า ซานตา ครอส(ชื่อของมันจริงๆ คือ จูล) แต่ต่อมาก็มีสาวลึกลับคนหนึ่งชื่อริลุ มาหาโนบิตะพร้อมทั้งตามหาหุ่นยนต์ตัวนี้ และจากนั้นโนบิตะก็ได้รับข่าวร้ายว่า ริลุ เป็น1ในสปายของกองทัพหุ่นยนต์ กำลังสร้างฐานทัพที่โลก เพื่อหวังครองโลกให้ได้ และสงครามระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ได้เริ่มต้นขึ้น
เป็นอีกภาคหนึ่งที่ทาง Fujiko F Fujio Pro. ตัดสินใจนำมารีเมคใหม่ ออกฉายในปี - 2011



8.ผจญภัยในอาณาจักรไดโนเสาร์(Nobita and the Knights of Dinosaurs ) - 1987
โนบิตะกับโดราเอมอนได้สร้างห้องใต้ดินไว้ แต่ซูเนโอะก็ได้เห็นเครื่องบินบังคับวิทยุของตัวเองที่ตกลงไปในทะเลสาบนั้น บินได้เองทั้งๆที่อยู่ใต้ดิน จึงต้องสืบหาดู และต่อมาเขาถูกจับตัวไป ทำให้โดราเอมอนและเพื่อนๆต้องช่วยกันตามหา และได้พบว่า พวกเขาได้หลุดเข้าไปในโลกของไดโนเสาร์ที่มีวิวัฒนาการเหนือกว่ามนุษย์แล้ว



9.ไซอิ๋วผจญภัย(Nobita's Version of "Journey to the West") - 1988

เป็นภาคเดียวที่ไม่ได้ตีพิมพ์เป็นคอมิค ส่วนเนื่อเรื่องก็คล้ายๆกับไซอิ๋ว ตำนานจีนโบราณนะแหละ เพียงแต่เอาพวกโดราเอมอนไปสวมบทบาทแทน



10.กำเนิดประเทศญี่ปุ่น(Nobita at the Birth of Japan ) - 1989
โนบิตะและเพื่อนๆได้ย้อนยุคไปยังอดีตอันโบราณของญี่ปุ่นเนื่องจากงอนพ่อแม่ พร้อมทั้งพัฒนาสร้างห้องลับ พันธุ์พืช แปลงอาหาร สัตว์ประหลาดไว้ที่นั่น แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือเผ่าแสงสว่างจากเผ่าแห่งความมืด และช่วยเหลือได้สำเร็จ และเนื่องจากที่โดราเอมอนมีของวิเศษ ทำให้คนในยุคนั้นจึงขนานนามใหม่ให้โดราเอมอนว่า "โดราซอมบี้" แต่ทว่าเผ่าแห่งความมืดก็ตามมารังควานไม่เลิก ทำให้พวกของโนบิตะต้องเข้าไปช่วยอีกครั้ง พร้อมทั้งไขปริศนาเกี่ยวกับกิกะซอมบี้ด้วย



11.ผจญภัยในดาวสิงสาราสัตว์(Nobita and the Animal Planet ) - 1990
โนบิตะและเพื่อนๆได้ไปดวงดาวแห่งสัตว์ และก็ได้รู้จักกับชิโปะ มนุษย์สุนัข ต่อมาก็ได้รับรู้ความจริงอันน่ากลัวว่า ดาวกำลังจะถูกยึดครองอีกแล้ว



12.ผจญภัยในแดนอาหรับราตรี(Nobita in Dorabian Nights) - 1991

โนบิตะและชิซุกะ กำลังผจญภัยในหนังสือนิทาน แต่ระหว่างทางนั้น ชิซุกะเกิดอุบัติเหตุ ทำให้รองเท้าเข้านิยายนั้นหลุดไป ซึ่งทำให้โนบิตะและเพื่อนๆจึงต้องหาทางช่วยชิซุกะ และต่อมาก็ได้รู้ว่า ชิซุกะนั้นถูกอาบูจีลจอมโจรจอมกะล่อน จับตัวไปเป็นทาสในดินแดนอาหรับ ทำให้โนบิตะและเพื่อนๆต้องออกผจญภัยกัน และได้รับการช่วยเหลือจากซินแบด จึงสามารถช่วยชิซุกะออกมาได้ ซึ่งทำให้อาบูจีลแค้นนัก จึงหวังที่จะขโมยทรัพย์สินของซินแบดมาเป็นของตนให้ได้



13.ผจญภัยในแดนสวรรค์(Nobita and the Kingdom of Clouds) - 1992
โนบิตะและโดราเอมอนได้สร้างบ้านเมฆและเพื่อนๆก็เข้ามาแจม แต่ต่อมาก็มีเหตุการณ์เหมือนกับทุกๆภาคว่า ต้องมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น
ซึ่งเป็นภาคแรกที่ผู้เขียนป่วยขณะที่กำลังแต่งเรื่องอยู่



14.ผจญภัยในแดนวงกต(Nobita's Tin-Plate Labyrinth ) - 1993
โนบิตะกับเพื่อนๆได้ไปที่มิติหนึ่งที่เป็นเมืองของเล่นสังกะสี ต่อมาโดราเอมอนก็ถูกจับโดยพวกเหล่าร้าย และถูกทำลายจนเสียหาย ทำให้โนบิตะและเพื่อนๆต้องตามหา และได้เจอกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง และเด็กผู้ชายคนนั้นก็เล่าว่า คนกลุ่มนั้นกำลังจะทำลายชีวิตมนุษย์ และสถาปนาเป็นเมืองหุ่นยนต์เครื่องจักรแทน จัดได้ว่าเป็นภาคหนึ่งที่เนื้อหาค่อนข้างจะดราม่า



15.3อัศวินในจินตนาการ(Nobita's Fantastic Three Musketeers ) - 1994
ภาคนี้เป็นการผจญภัยในโลกแห่งความฝัน ซึ่งอัศวินโนบิตาเนี่ยน(โนบิตะ)จะต้องร่วมมือกับ ไจแอนท์ ซูเนโอะ จะต้องไปปราบปีศาจ เพื่อความสงบสุขของอาณาจักรและได้เจ้าหญิงชิซุกาเรีย(ชิซุกะ)ไปครอง



16.บันทึกการสร้างโลก(Nobita's Genesis Diary ) - 1995

ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน โนบิตะจะต้องทำรายงานเรื่องหนึ่งส่งอาจารย์ ซึ่งรายงานนั้นก็คือ บันทึกความเป็นไปของโลกตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน แต่ก็มีพวกมนุษย์สายแมลงนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย



17.ตะลุยรถไฟสายกาแล็กซี่(Nobita's Galactic Express ) - 1996

โนบิตะและเพื่อนๆได้ตั๋วรถไฟSLสายกาแล็กซี่ และในระหว่างทางพวกเขาก็ต้องต่อสู้กับโจรสลัดอวกาศ ชาวยาโดริ ที่หวังจะครอบครองจักรวาลด้วย



18.ตะลุยเมืองตุ๊กตาไขลาน(Nobita's Adventure in Clockwork City) - 1997
เป็นภาคสุดท้ายที่อ.ฟูจิโกะได้ร่างต้นฉบับในคอมิคไว้ แต่ก็ได้ทีมงานของอ.ฟูจิโกะมาช่วยสานงานต่อ ซึ่งถ้าอ่านในคอมิคก็จะพบว่าลายเส้นรวมทั้งสัดส่วนของตัวละครในเรื่องได้ผิดเพี้ยนไปมาก ซึ่งมีเนื้อเรื่องก็คือ โนบิตะและเพื่อนๆได้สร้างเมืองตุ๊กตาไขลาน แต่ต่อมาก็มีโจรที่กำลังหลบหนีการจับกุมของตำรวจมาทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ เลยไปโผล่ไปในเมืองตุ๊กตาของโนบิตะ แถมตัวเองยังมีร่างหลายๆร่างอีก จึงทำให้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น



19.ตะลุยยุคโจรสลัด(Nobita's South Sea Adventure) - 1998
เป็นภาคที่สองที่ทีมงานของอ.ฟูจิโกะมาสานต่อ แต่เนื้อเรื่องนั้น ยังให้เครดิตอ.ฟูจิโกะ เป็นคนแต่ง โนบิตะกับโดราเอมอน ได้ผจญภัยไปหาสมบัติตามเกาะต่างๆ แต่ปรากฎว่าทั้ง2คนก็ได้พลัดพรากกัน แถมพวกของโดราเอมอนก็ได้ไปเจอกับกลุ่มโจรสลัดจริงๆที่กำลังตามหาลูกชายและลูกเรือที่หายไปอีก ส่วนฝ่ายของโนบิตะก็ได้รับการช่วยเหลือจากลูกชายของหัวหน้าโจรสลัดคนนั้นที่เกาะแห่งหนึ่ง และก็ออกตามหาโดราเอมอน และก็พบว่า ที่เกาะแห่งนี้ได้มีคนชั่วที่คิดจะจับสิ่งมีชีวิตมาผสมกัน และลักลอบขายโดยผิดกฎหมาย



20.ท่องอวกาศ(Nobita's Adventure: Drifts in the Universe) - 1999
ภาคนี้เป็นภาคแรกที่ ทีมงานของอ.ฟูจิโกะมาทำทั้งงานภาพและเนื้อเรื่องทั้งหมด โนบิตะและเพื่อนๆกำลังเล่นเกมส์ไล่ล่าทางอวกาศ แต่ต่อมาพวกเขาก็หลงมิติไปพบกับพวกของไบรอัน ชายชาวต่างดาว และก็ต้องช่วยกันปราบจอมมารที่คิดจะยึดทั้งจักรวาล



21.เจ้าชายสุริยกษัตริย์(Nobita and the Legend of the Sun King ) - 2000
โนบิตะกับโดราเอมอนได้พลัดหลงไปยังอาณาจักรมายานะยุคโบราณ และได้เจอกับเจ้าชายทีโอที่มีหน้าตาเหมือนกับโนบิตะมาก และทั้ง2ก็ได้ตกลงกันว่าขอเปลี่ยนตัวชั่วคราว และก็สร้างเรื่องเดือดร้อนให้กับคนอื่นๆ จนโดราเอมอนต้องบอกความจริงและพาเพื่อนคนอื่นๆไปมายานะ และในขณะเดียวกัน แม่มดเลดีน่าก็ต้องการตัวทีโอเพื่อหวังที่จะมีอำนาจมาก



22.ตะลุยแดนวิหก(Nobita and the Winged Braves) - 2001
กุซึเกะ มนุษย์วิหก ได้นั่งเครื่องบินที่เขาประดิษฐ์เอง(แต่เขาไม่สามารถบินเองได้ เพราะความฝังใจในอดีต) แต่เกิดทะลุมิติมายังโลกมนุษย์ และได้พวกโนบิตะมาช่วยเหลือ แต่ต่อมานกคานาเรียของชิซุกะได้หนีออกจากกรงไป ทุกคนช่วยกันตามหาและก็ได้หลุดไปยังโลกวิหกของกุซึเกะ และวันหนึ่งก็ได้มีการประลองเพื่อหาคนไปเป็นหน่วยลาดตะเวนนก ซึ่งจัดโดยจิกริด มนุษย์นกแร้ง ที่เคียดแค้นมนุษย์มาก เพื่อหวังที่จะได้คนไปตามหาปีศาจนกยักษ์ ไปทำลายโลกมนุษย์ ทำให้โนบิตะและผองเพื่อน รวมถึง อิคารอส เทพนกในตำนานจะต้องหยุดแผนการนี้ให้จงได้



23.ผจญภัยในดินแดนหุ่นยนต์เหล็ก(Nobita and the Robot Kingdom) - 2002
โนบิตะและเพื่อนๆได้ช่วยเหลือหุ่นยนต์เด็กน้อย และพากลับมาที่โลกของหุ่นยนต์ แต่ที่นั่นก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อเจ้าหญิงเจนซึ่งถูกหุ่นตัวหนึ่งยั่วยุ ให้ดำเนินการแผนการปฏิรูปหุ่นยนต์ ซึ่งทำให้หุ่นยนต์หลายๆตัวในอาณาจักรนี้ถูกจับไปทำลาย โนบิโนบิตะและเพื่อนๆจะต้องไปยับยั้งแผนการนี้ให้สำเร็จ เพื่อคนและหุ่นยนต์จะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ



24.ผจญภัยในดินแดนลูกพระพาย(Nobita and the Mysterious Wind Masters) - 2003
เป็นอีกภาคหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากตอนธรรมดาตอนหนึ่งซึ่งอ.ฟูจิโกะเป็นผู้แต่ง โนบิตะได้เก็บไข่ของพายุมาโดยบังเอิญ และต่อมาก็ได้ลูกพายุโดยตั้งชื่อว่า ฟูโกะ และให้อยู่ในร่างของตุ๊กตา จากนั้นโนบิตะและเพื่อนๆก็ได้ไปอาณาจักรแห่งลมและได้พบกับเพื่อนที่นั่น แต่ต่อมาซูเนโอะก็ได้ถูกผีมาเข้าสิง และหวังที่จะเอาตัวฟูโกะมา เพื่อที่จะได้รวมตัวไปกับลูกพายุอีก2ตัวให้กลายมาเป็นลมพายุอันรุนแรงที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างพินาศได้ และเราก็จะได้เห็นฉากน่าสะเทือนใจในตอนท้ายๆด้วย



25.ผจญภัยในดินแดนสุนัขและแมว(Nobita's Wannyan Space-Time Odyssey) - 2004
เป็นอีกภาคหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากตอนธรรมดาตอนหนึ่งซึ่งอ.ฟูจิโกะเป็นผู้แต่ง โนบิตะและโดราเอมอนได้เก็บสุนัขจรจัดมาเลี้ยง และเพื่อให้รอดพ้นจากสายตาของแม่ของโนบิตะ ทั้ง2จึงพาเหล่าสุนัขและแมวไปที่ดินแดนหนึ่งพร้อมทั้งปืนเร่งวิวัฒนาการเพื่อให้สุนัขและแมวสามารถพัฒนาดินแดนนี้ให้เป็นเมืองของสัตว์ทั้ง2 แต่ต่อมาโนบิตะและเพื่อนๆก็มาที่ดินแดนนี้และพบว่าเมืองสุนัขแมวนั้นมีวิวัฒนาการที่เหนือกว่ามนุษย์มาก และพวกเขาจะต้องช่วยเหลือเมืองๆนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือจากแมวจอมโลภตัวหนึ่งพร้อมทั้งจับแมวสาวไอด้อลซึ่งเป็นขวัญใจของโดราเอมอนด้วย

 

26.ไดโนเสาร์ของโนบิตะ(Nobita's Dinosaur) - 2006
เป็นตอนที่ทีมงานFujiko F Fujio Pro. รีเมคใหม่จากตอนเดียวกันซึ่งเคยฉายเมื่อปี 1980
ซึ่งถือโอกาสเปิดตัวโดราเอมอนและผองเพื่อน ในรูปแบบรีเมคใหม่ ตามแบบฉบับอนิเมทีวี เวอร์ชั่นปี 2005 รวมถึง นักพากย์ชุดใหม่ ยกชุด



27.ตะลุยแดนเวทมนตร์(Nobita's Great Adventure into the Underworld ) - 2007

เป็นตอนที่ทีมงานFujiko F Fujio Pro. รีเมคใหม่จากตอนเดียวกันซึ่งเคยฉายเมื่อปี 1984

 

28.Nobita and the Green Giant Legend - 2008
ดัดแปลงจากตอนธรรมดาตอนหนึ่ง ที่โนบิตะ ได้เก็บต้นกล้าต้นไม้ต้นหนึ่งจากภูเขาหลังโรงเรียน เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกตัดไม้ทำลายป่า โดราเอมอน ได้ช่วยเหลือด้วยการหยดน้ำยาวิเศษทำให้มันขยับตัวเองได้ และตั้งชื่อว่า คีโบ ทว่าในขณะที่โดราเอมอน โนบิตะ และ เพื่อนๆ กำลังไปที่ภูเขาหลังโรงเรียน จู่ๆได้พบกับน้ำวนประหลาด พาพวกโนบิตะไปยังอีกโลกหนึ่ง ซึ่งพืชปกครองตัวเอง
อนึ่ง คีโบ เคยปรากฏในหนังภาค ผจญภัยในแดนสวรรค์ อีกด้วย

 

29.ผจญภัยในแดนพิศวง (The Record of Nobita: Spaceblazer ) - 2009
เป็นตอนที่ทีมงานFujiko F Fujio Pro. รีเมคใหม่จากตอนเดียวกันซึ่งเคยฉายเมื่อปี 1981

 

30.สงครามเงือกใต้สมุทร (Nobita's Great Battle of the Mermaid King ) - 2010
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อโนบิตะบอกว่าอยากเป็นนักดำน้ำ โดราเอมอนจึงใช้ของวิเศษทำให้เมืองจมลงสู่ก้นทะเล ในขณะที่กำลังว่ายน้ำอยู่กับฝูงปลาอย่างสนุกสนาน พวกโนบิตะก็ได้พบกับโซเฟีย เจ้าหญิงแห่งชนเผ่าเงือกที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในทะเลบนโลกตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีก่อน และแล้วเรื่องราวการผจญภัยได้เริ่มต้นขึ้น จากการที่ชิซึกะถูกจับตัวไป แถมยังได้รับรู้ถึงดาบแห่งตำนานของชนเผ่าเงือกซึ่งเป็นสิ่งที่ชนเผ่าปลาปีศาจต้องการจะครอบครองอีก ทำให้พวกโนบิตะตัดสินใจที่จะสู้เพื่อปกป้องดาบแห่งตำนานเอาไว้

 

31.โนบิตะผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก –ปีกแห่งนางฟ้า (Nobita and the New Steel Troops -Angel Wings) - 2011
เป็นการนำหนังภาคสงครามหุ่นยนต์มารีเมคใหม่อีกครั้ง โดยการต่อเติมเนื้อหาให้ลึกซึ้งมากกว่าและมีสีสันสดใสกว่าเดิม หนังออกฉายญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกับที่มีภัยพิบัติสึนามิและกัมมันตรังสีรั่วไหลที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้กระแสความนิยมไม่ฮือฮาเท่าที่ควร


32.โนบิตะผจญภัยในเกาะมหัศจรรย์ –แอนนิมอลแอดเวนเจอร์- (Nobita and the Island of Miracles Animal Adventure ) - 2012
โดราเอมอน,  โนบิตะและผองเพื่อนต้องหลุดเข้าไปในเกาะลึกลับแสนมหัศจรรย์ซึ่งเต็มไปด้วย เหล่าสิงสาราสัตว์ยุคโบราณ แล้วเรื่องราวก็ปั่นป่วนเมื่อพวกเขาพบเด็กหนุ่มที่มีหน้าเหมือนโนบิตะ และเหล่าร้ายที่หมายยึดครองเกาะแห่งนี้ การต่อสู้บทใหม่จึงกำเนิดขึ้น หนังภาคนี้ดัดแปลงมาจากตอนสั้นตอนหนึ่ง ที่เป็นเรื่องราวของเกาะที่โนบิตะได้พาเอาพวกสัตว์ยุคโบราณที่ใกล้สูญพันธุ์เช่น นกอีมู เสือเขี้ยวดาบ นกโดโด อาร์มาดิลโลยักษ์ และอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้ไปอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัย

 

33.Nobita's Secret Gadget Museum - 2013
หนังจอเงินประจำปี 2013 ที่โดราเอมอนกลายเป็นเจ้าทุกข์ซะเอง เมื่อจู่ๆ โดราเอมอนถูกบุคคลลึกลับขโมยกระดิ่งประจำตัวไป ร้อนถึงโนบิตะ ที่ต้องมาสวมวิญญาณเป็นนักสืบ คอยตามหากระดิ่งของโดราเอมอนให้เจอ โดยได้รับความช่วยเหลือจากผองเพื่อนด้วย ซึ่งพิพิธภัณฑ์ของวิเศษจากโลกอนาคตนั้น คือเบาะแสสำคัญในการไขปริศนานี้ให้คลี่คลาย....

 

34.โดราเอมอน ตอน โนบิตะบุกดินแดนมหัศจรรย์ เปโกะกับห้าสหายนักสำรวจ - 2014
เป็นการนำภาค ผจญภัยในแดนลึกลับ ที่เคยออกฉายเมื่อปี 1982 มาจัดทำใหม่

 

35.ผู้กล้าแห่งอวกาศ (Doraemon: Nobita no Space Heroes ) - 2015
โนบิตะและเพื่อนๆ กำลังถ่ายทำหนังเล่นๆกัน โดยมาในธีมซูเปอร์ฮีโร่อวกาศ ในระหว่างนั้น ก็มีผู้พิทักษ์สันติราษฏร์จากต่างดาว นาม อารอน ปรากฏตัวขึ้น พร้อมขอความช่วยเหลือพวกโดราเอมอน ให้ไปกอบกู้ดวงดาวของเขา ให้รอดพ้นจากเผ่าพันธุ์ผู้ชั่วร้าย ที่มาในมาดของเศรษฐีใจบุญ โดยหลงคิดว่า พวกโดราเอมอนเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง

 

36.กำเนิดประเทศญี่ปุ่น - 2016
เป็นการนำภาคกำเนิดประเทศญี่ปุ่น ที่เคยออกฉายเมื่อปี 1989 มาจัดทำใหม่ ซึ่งก็ทำรายได้ถล่มทลายไม่แพ้เวอร์ชั่นเก่า

 

37.Doraemon: Nobita and the Great Adventure in the Antarctic Kachi Kochi - 2017
หนังจอเงินประจำปี 2017 เรื่องราวเริ่มต้นช่วงฤดูร้อนอันร้อนจัด โดราเอมอนและเพื่อนๆจึงได้ออกไปเที่ยวหนีร้อน ไปกันที่ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่กำลังล่องลอยกลางมหาสมุทร และในระหว่างที่พวกเขากำลังเล่นสนุกอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ค้นพบแหวนปริศนาเข้าให้ นำไปสู่การผจญภัยที่ขั้วโลกใต้ ทวีปแอนตาร์คติกา เพื่อตามหาเจ้าของแหวนตัวจริง พร้อมกับไขปริศนาลึกลับเกี่ยวกับอารยธรรมบนทวีปน้ำแข็ง และทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องวิกฤติโลกที่กำลังจะกลายเป็นน้ำแข็ง

 

38.Doraemon the Movie: Nobita's Treasure Island - 2018
หนังอนิเมโดราเอมอน ที่หวนกลับมาใช้ธีมโจรสลัดอีกครั้ง โดยดัดแปลงจากผลงานนิยายแนวผจญภัยล่าสมบัติของ Robert Louis Stevenson เรื่อง Treasure Island ......โนบิตะ ผู้ซึ่งกำลังอินเรื่องราวของเกาะมหาสมบัติ ประกอบกับมีข่าวการค้นพบเกาะแห่งหนึ่งพอดี นำไปสู่การผจญภัยของโนบิตะ โดราเอมอน และ เพื่อนๆ ในการเดินทางไปสำรวจเกาะ ระหว่างทาง พวกเขาก็ถูกโจมตีโดยโจรสลัดกลุ่มหนึ่ง แถม ชิซุกะ ยังถูกจับตัวไปอีก ทำให้พวกเขาพยายามที่จะช่วยเหลือชิซุกะ ไปพร้อมกับหยุดแผนการชั่วของโจรสลัดกลุ่มนี้ ซึ่งแท้จริงแล้ว คือ นักท่องกาลเวลา ผู้พยายามจะขโมยสมบัติล้ำค่าจากพื้นทะเล และ ดำเนินแผนการทำลายล้างโลก

 

39.Doraemon: Nobita's Chronicle of the Moon Exploration - 2019
หนังจอเงินโดราเอมอน เรื่องสุดท้ายของยุคเฮย์เซย์ เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของโนบิตะ ผู้เชื่อมั่นในทฤษฎีกระต่ายบนดวงจันทร์ เขาจึงใช้ของวิเศษของโดราเอมอน ในการเนรมิตรอาณาจักรกระต่ายบนดวงจันทร์ของตัวเอง ต่อมา โนบิตะ ได้ชักชวน ลูก้า นักเรียกที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ไปยังอาณาจักรกระต่ายร่วมกับโนบิตะและผองเพื่อน ซึ่งที่นั่นเอง โนบิตะได้พบกับ ชนเผ่าเอสปัล ซึ่งมีพลังวิเศษโดยบังเอิญ พวกโนบิตะ ได้ทำการผูกมิตรกับเผ่าเอสปัล แต่จู่ๆ ยานอวกาศปริศนาก็ปรากฏตัวขึ้น ชนเผ่าเอสปัลถูกจับตัวไปหมดพร้อมกับโดราเอมอนและผองเพื่อน ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือพวกเขา ลูก้าจึงยอมถูกจับตัวไปเสียเอง นำไปสู่ ภารกิจของโนบิตะและผองเพื่อน ในการช่วยลูก้า กลับมา

 

40.Doraemon: Nobita's New Dinosaur - 2020
หนังจอเงินประจำปี 2020 และ เป็นหนังโดรเอมอนเรื่องแรกของยุคเรวะ ญี่ปุ่น โดยเป็นหนังฉลองครบ 40 ปี ของโดราเอมอนฉบับหนังโรง รวมถึง ยังเป็นการฉลอง 50 ปี ของซีรี่ย์โดราเอมอนด้วย ซึ่งหนังภาคนี้ ก็วกกลับมายังคอนเซ็ปต์ไดโนเสาร์อีกครั้ง แต่คราวนี้เดินเรื่องโดย ไดโนเสาร์น้อย 2 ตัว นาม มิว กับ คิว (แต่เนื้อหาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ หนัง ไดโนเสาร์ของโนบิตะ)
ฟอสซิลไข่หนึ่งใบที่โนบิตะขุดพบที่งานนิทรรศการไดโนเสาร์ หลังจากใช้ของวิเศษของโดราเอมอน ทำให้ฟอสซิลไข่กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ไดโนเสาร์ฝาแฝดคู่หนึ่งก็ถือกำเนิดขึ้น แถมเป็นสายพันธ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน ตัวหนึ่งคือ 'คิว' ที่พึ่งพาไม่ได้ กับ 'มิว' จอมซน และแล้วการผจญภัยของ 2 ไดโนเสาร์กับโนบิตะและผองเพื่อน ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

หนัง โดราเอมอน ภาคนี้ เดิมทีมีกำหนดฉายบนโรง เดือน มี.ค. เหมือนเช่นทุกปี แต่จากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ตัวหนังต้องเลื่อนฉายไปยังช่วงฤดูร้อน ในเดือน ส.ค. 2020

 

41.Doraemon: Nobita's Little Star Wars 2021 - 2022
หนังจอเงินประจำปี 2021 ที่หยิบเอาหนังอนิเมภาคเก่ามารีเมคใหม่อีกครั้ง คราวนี้ถึงคิวหนัง Nobita's Little Star Wars หรือ สงครามอวกาศ เมื่อปี 1985 มารีเมคใหม่ให้ไฉไลขึ้นตามยุคสมัย ซึ่งหนังภาคนี้ ก็เป็นอีกภาคหนึ่ง ที่ไม่ได้ฉายในเดือน มี.ค. ตามปกติ อันเนื่องจากวิกฤตการระบาดของ COVID-19 ในญี่ปุ่น จึงทำให้ตัวหนังต้องเลื่อนฉายข้ามปี ไปเป็นปี 2022 แทน


 

 

 

 

* Stand by Me Doraemon - 2014
หนังอนิเมชั่น 3DCG ชุดแรกในประวัติศาสตร์ของโดราเอมอน ออกฉายเมื่อปี 2014 โดยเป็นการหยิบเอาสุดยอดตอนธรรมดาของโดราเอมอน ที่เคยสร้างความประทับใจให้แก่แฟนๆ จำนวน 7 ตอนมารวมกันเป็นเนื้อเรื่องเดียว พร้อมกับเนรมิตร โดราเอมอน โนบิตะ และเพื่อนๆ กลายเป็นตัวละคร 3D มีมิติมากขึ้น และด้วยความซึ้งที่เกิดขึ้น ผสมโรงกับอารมณ์รำลึกความหลังของผู้ชมรุ่นเก่า จนมีรายงานว่า มีผู้ชมร้องไห้บนโรง ขณะรับชมหนังเรื่องนี้กันถึงครึ่งนึงเลย อีกทั้งหนังชุดนี้ ยังเป็นหนังโดราเอมอนที่ได้ออกฉายมากกว่า 50 ประเทศด้วยกัน รวมถึง คว้ารางวัลสาขาอนิเมชั่นแห่งปี ของ Japan Academy Prize ครั้งที่ 38 เมื่อปี 2015 อีกด้วย

 

* Stand by Me Doraemon 2 - 2020
หนังอนิเมชั่น 3DCG ภาคต่อของ Stand by Me Doraemon ที่ยังคงเน้นความซึ้ง ความประทับใจของผู้ชมผู้เติบโตมากับโดราเอมอน เช่นเคย ซึ่งภาคนี้ จะนำเสนอเรื่องราวของโนบิตะ ที่ย้อนอดีตไปหาคุณยาย ซึ่งก็ผสมโรงไปกับเรื่องราวโมเม้นต์วันแต่งงานระหว่าง โนบิตะ - ชิซุกะ ตอนโต อีกด้วย โดยหนังภาคนี้ ก็จะเล่าในมุมมองของโนบิตะ ตอนโต ผู้ซึ่งไม่มีโดราเอมอนอยู่เคียงข้าง และกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับงานแต่งงานของตัวเอง จึงตัดสินใจเดินทางมายังยุคปัจจุบันด้วย

 

ทำไมหลายๆคนถึงชอบเรื่องนี้

1.เรื่องนี้ได้ให้จินตนาการอันกว้างไกล
สังเกตให้ดีๆว่าผู้เขียนท่านนี้เป็นคนช่างคิดช่างจินตนาการเกี่ยวกับโลกอนาคต ความเป็นอยู่ในอนาคตข้างหน้าว่า อยู่อย่างสะดวกสบาย มีอุปกรณ์วิเศษ ทำให้หลายคนอ่านแล้วอยากได้โดราเอมอนมาเป็นเพื่อน รวมถึงยังจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ในดินแดนแปลกๆที่ไม่ใช่โลกมนุษย์ ทำให้ดูเหมือนว่ามันมีจริงๆ และอ่านสนุก ได้คิดตามไปด้วย

2.วิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์
คล้ายๆกับข้อแรก เพียงแต่ได้เน้นถึงความสามารถของนักวิทยาศาสตร์ในอนาคตว่า สามารถประดิษฐ์สิ่งเหล่านั้นได้ ซึ่งทำให้เป็นแรงผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์หลายๆคนในญี่ปุ่นต้องการที่จะพัฒนาให้ของวิเศษของโดราเอมอนนั้นมีจริง รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านบางคนเรียนวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเพื่องานด้านนี้โดยเฉพาะ

3.สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
ในหลายๆตอนของโดราเอมอนนั้นจะเห็นได้ว่า มีการเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆคือ ความพยายามในการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ แม้ว่าเราจะมีปมด้อยหรือมีอุปสรรค์ขวางกั้นมากน้อยก็ตาม เช่น ไจโกะพยายามอยากเป็นนักวาดการ์ตูน ไจแอนท์พยายามเป็นนักร้องแม้ว่าจะร้องห่วย และผู้อ่านพยายามขยันเรียนเพื่อไม่ให้สอบได้คะแนนแย่แบบโนบิตะ เป็นต้น

4.เน้นความสัมพันธ์กันระหว่าง เพื่อนและครอบครัว
ในข้อนี้นั้นจะพบว่ามีแทบทุกตอน โดยเนื้อเรื่องของโดราเอมอนนั้น ได้สอนจริยธรรมในด้านนี้ด้วย โดยเน้นว่า ถึงเขาจะทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจเพียงใด แต่เราควรจะมีเขาเป็นที่พึ่งดีกว่าที่เราจะไม่มีพวกเขา อย่างเช่น ในโดราเอมอนภาคหนังโรง จะพบว่าไจแอนท์ที่ปกติจะชอบรังแกโนบิตะนั้น มักช่วยเหลือโนบิตะในยามที่เดือดร้อน หรือ ถึงแม้ว่า คุณแม่ของโนบิตะจะชอบดุชอบด่าโนบิตะอย่างไร แต่ก็มีบางตอนที่โนบิตะได้ช่วยเหลือคุณแม่ของเขาเองบ้าง เป็นต้น

5.ตรงกับชีวิตประจำวันของใครหลายๆคน
โดยเนื้อเรื่องของโดราเอมอนนั้น ส่วนมากจะอิงไปในชีวิตประจำวันของเด็กๆ ซึ่งจะต้องเล่นด้วยกัน ช่วยเหลือกัน แม้ว่าจะไม่ค่อยถูกกันก็ตาม และเพื่อนในกลุ่มก็มีบุคลิกที่แตกต่างกัน เช่น ตื่นสายบ่อย มีหัวโจกที่ชอบรังแกเพื่อน มีคนเรียนเก่ง มีสาวน้อยน่ารักคนขยัน เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาแร็คเตอร์ประจำตัวของโนบิตะ ซึ่งเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้ดีไปซะทุกอย่าง สิ่งที่โนบิตะทำได้ ก็ดันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ อย่าง เล่นพันด้าย หรือยิงปืนแม่น ซึ่งตรงกับชีวิตในโลกแห่งความจริงของผู้อ่านหลายๆคน โดยส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกว่าตนเองคือผู้แพ้ ผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกรังแก ไร้ความสามารถ หน้าตาไม่ดี ไม่มีความสามารถ และย่อมต้องการ หวังว่าสักวันหนึ่งจะมีผู้มาช่วยเหลือเรื่องต่างๆให้แก่เรา ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือโดราเอมอนนั่นเอง จึงทำให้หลายๆคนชอบ

หากจะว่าไป โดราเอมอนนี้ก็เปรียบเสมือนกับผู้ปกครองคนหนึ่งของโนบิตะ เป็นได้ทั้ง "แม่ผู้ใจดี" และ "แม่ใจร้าย" คือ คอยดูแลปกป้องโนบิตะในยามที่เดือดร้อน ขัดสน และคอยสั่งสอนบทเรียนแก่โนบิตะที่มักจะก่อเรื่องวุ่นวายซ้ำๆซากๆให้รู้จักสำนึก

6.เป็นสารานุกรมย่อยๆ
มีการให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องต่างๆแทรกไปด้วย ทำให้อ่านแล้วก็จะได้สาระ ความรู้แฝงไปด้วยเช่น สิ่งมีชีวิต ไดโนเสาร์ หลักการทางวิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์ เป็นต้น


กระแสความนิยม

โดราเอมอนจัดเป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในเอเชีย ยุโรป อเมริกาใต้ รวมถึงประเทศไทย ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด โดราเอมอนก็คงได้รับนิยมอยู่มิเสื่อมคลาย ต่อให้เป็นคนที่ไม่สนใจการ์ตูนก็ยังรู้จักโดราเอมอนเลย โดยมีทั้งการพิมพ์ใหม่ หรือ นำมาฉายซ้ำอยู่เรื่อยๆ และ มีการรีเมคดัดแปลงขึ้นมาใหม่โดยการเพิ่มความทันสมัยของเนื้อเรื่องลงไปด้วย เพื่อให้เด็กยุคหลังๆได้ดู

 

สำหรับในประเทศไทยนั้น การ์ตูนโดราเอมอนฉบับหนังสือการ์ตูนภาษาไทย เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกในยุคของหนังสือการ์ตูนไพเรท(ไร้ลิขสิทธิ์)ยังเฟื่องฟู เมื่อช่วงกลางปีพ.ศ. 2524 โดยสำนักพิมพ์ธิดาน้อย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสำนักพิมพ์มิตรไมตรี โดยตั้งชื่อว่า "โดราเอมอนแมวยอมยุ่ง" ต่อมาสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจก็มีการตีพิมพ์โดราเอมอนเช่นกัน โดยใช้ชื่อว่า "โดเรมอน"(ซึ่งเป็นชื่อที่คนไทยเรียกคุ้นปากที่สุด) และในสมัยนั้นนั่นเอง ทำให้ทั้ง 2 สำนักพิมพ์จึงแข่งกันทางด้านความถี่ของการออกจัดจำหน่าย จากเดือนละเล่มในช่วงต้น ก็เปลี่ยนเป็นเดือนละ 2 เล่ม จนถึงอาทิตย์ละเล่ม สุดท้ายทางสำนักพิมพ์ธิดาน้อย ก็พิมพ์ถึงเดือนละ 3 เล่ม พิมพ์ไม่น้อยกว่า 70,000 เล่มต่อครั้ง ด้วยความถี่ในการพิมพ์ และการไม่มีการจัดลำดับถูกต้องตามต้นฉบับ ทำให้ในเวลาเพียง 7-8 เดือนการ์ตูนเรื่องนี้ก็ตีพิมพ์ครบทุกตอนตามต้นฉบับของฟูจิโกะ ฟูจิโอะที่ใช้เวลาเขียนติดต่อกันร่วม 10 ปี!!!

 

หลังจากนั้น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐก็ได้มีการตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้ลงเป็นตอนๆ ในแต่ละวันโดยเริ่มวันแรกวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2525 ซึ่งจัดเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องแรกที่มีการตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ โดยตั้งชื่อใหม่ไม่ให้ซ้ำกัน คือ "โดรามอน เจ้าแมวจอมยุ่ง" และ สยามสปอร์ตพับลิชชิง หรือสยามอินเตอร์คอมิกส์ ในปัจจุบัน เป็นสำนักพิมพ์สุดท้ายที่ตีพิมพ์โดราเอมอนฉบับหนังสือการ์ตูน ยุคไพเรท และใช้ชื่อตามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มีการแถมรูปลอกมาพร้อมในเล่ม อีกทั้งยังมีการประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่โตที่แดนเนรมิต ใช้ชื่องานว่า "โลกของโดรามอน" จัดให้มีกิจกรรมมากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีบางสำนักพิมพ์ในสมัยนั้น จับเอาโดราเอมอนไปยำรวมกับการ์ตูนดังในสมัยนั้นอย่าง ดราก้อนบอล,นินจาเต่า เป็นต้น จนกลายเป็นการCross Over ตัวการ์ตูนยำใหญ่ใส่สารพัดที่เนื้อเรื่องนั้นมั่วสุดๆ และมีที่เมืองไทยแห่งเดียว อาจเรียกได้ว่าเป็นโดจินชิฝีมือคนไทยยุคแรกๆเลย (ปัจจุบันหาอ่านได้ยากแล้ว) รวมไปถึง ยังมีการ์ตูนไทยเรื่อง "ไดโรม่อน" ที่ก็อปมาทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละครของโดราเอมอนมาดัดแปลงทั้งดุ้น แถมแต่ละช็อตก็เหมือนกันสุดๆ ทำเอาคอโดราเอมอนในตอนนั้นถึงกับรับไม่ได้เลย

ปัจจุบันการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ทั้งภาคปกติ และ รวมเล่มพิเศษอีกหลายฉบับ

 

ในปีพ.ศ. 2525 ทางไชโยภาพยนตร์ได้มีการฉายโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ขึ้นถึง 2 ตอนด้วยกัน คือตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ และโนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ทางช่อง 9 ก็ได้มีการออกอากาศโดราเอมอนฉบับการ์ตูนทีวี ทางโทรทัศน์ เริ่มเมื่อวันที่ 5 กันยายน ในปีเดียวกัน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีเช่นกัน ทำให้ช่อง 9 ได้รับการยอมรับในเรื่องของการออกอากาศภาพยนตร์การ์ตูนทางโทรทัศน์ และทีมนักพากย์การตูนอีกด้วย(นิตยสาร a day, 2545: 70) สำหรับในปัจจุบัน โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์มีการจัดฉายในโรงภาพยนตร์เป็นประจำทุกปีอีกครั้ง โดยบริษัทดับบลิวพีเอ็มฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล เริ่มในปีพ.ศ. 2544 เป็นต้นมา ส่วนโดราเอมอนฉบับการ์ตูนทีวีนั้น ก็มีการฉายซ้ำเป็นระยะ และฉายตอนใหม่อยู่เรื่อย ๆ ทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ ทีวี และลิขสิทธิ์ในตัวละครที่นำไปผลิตเป็นสินค้าเป็นของ บริษัทเอไอ (Animation International) ของประเทศฮ่องกง

free hit counter javascript