Cartoon Focus -- แชมเปี้ยนขนมปัง สูตรดังเขย่าโลก(Yakitate Japan)

ผู้แต่ง ทาคาชิ ฮาชิงูจิ
ประเภท แอ็คชั่นทำอาหาร ตลก
จำนวนเล่ม 26 เล่ม(จบ)
สำนักพิมพ์ บงกช คอมิคส์ (ไทย)/
Shogakukan(ญี่ปุ่น)
ลิขสิทธิ์อนิเม Dream Express(DEX)

 

เกร็ดความรู้

นอกจากเราจะได้สนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องแล้ว เราก็ยังได้เกร็ดความรู้ดีๆในแง่โภชนาการจากการ์ตูนเรื่องนี้อีกด้วย

 ข้อมูลจากหนังสือการ์ตูนรวมเล่ม + ข้อมูลแหล่งอื่นๆ

-ขนมปังในเรื่องนี้นั้น ล้วนมาจากไอเดีย และ ความสามารถของ คุณ โคอิจิ อุจิมูระ เจ้าของร้านขนมปัง "Pan no Mimi" ที่ญี่ปุ่น และเขาก็เคยเข้าร่วมแข่งขันรายการ TV Champions ในศึกชิงแชมป์คนทำขนมปังมาแล้ว

-โด คือ แป้งขนมปังที่มีการนวดส่วนผสมกันอย่างได้ที่ จนกลายเป็นก้อนกลม

-กลูเต็น คือ โปรตีนที่มีความเหนียว ยืดหยุด เป็นตัวกักก๊ากคาร์บอนไดออกไซต์ ทำให้แป้งโดพองตัวในเวลาหมัก ซึ่งก็คือ ตัวเนื้อขนมปังนั่นเอง

-ในการทำขนมปังนั้น จะต้องตั้งอุณหภูมิห้องครัวที่ 30 องศาเซลเซียส เพื่อจะได้ความร้อนที่เพียงพอที่จะเกิดการหมักโด

-ปกติอุณหภูมิของมือคนเราจะต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย เมื่อคำนึงถึงความร้อนที่ถ่ายเทไปยังแป้งโดแล้ว ถ้าความร้อนของมือไม่สูงกว่าร่างกาย จะไม่เกิดการหมักที่ดีเช่นในอุดมคติ แต่ในกรณีของอาสุมะนั้น มีหัตถ์ตะวัน ก็เลยมีอุณหภูมิที่มือสูงกว่าคนปกติทั่วไป จึงเกิดการหมักของแป้งโดได้

-การพิสูจน์ว่าขนมปังนั้นหมักโดได้ที่ คือการใช้นิ้วกดไปที่เนื้อขนมปัง ถ้าถูกกดแล้วกลับรูปร่างเดิม แสดงว่า หมักได้ที่ ถ้ากดแล้วไม่กลับรูปร่างเดิม แถมยังได้กลิ่นยีสต์ แสดงว่า ใช้เวลาหมักน้อยเกินไป

-ที่มาของ ครัวซอง นั้น เป็นคำเรียกที่เพี้ยนมาจากคำว่า เครสเซนต์ (Crescent) และขนมนี่ก็ทำขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่กองทัพออสเตรียเอาชนะกองทัพตุรกีได้ จึงทำขนมปังออกมาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวแบบที่อยู่บนธงชาติตุรกี

-ครัวซองจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวที่มีมาการีน เป็นส่วนประกอบ และ แบบตรงซึ่งใช้เนยเป็นส่วนประกอบ

-ขนมปังฝรั่งเศสนั้น แบบดั้งเดิมจะไม่ใส่เนย แต่สำหรับขนมปังฝรั่งเศสที่วางขายตามร้านขนมปังที่ญี่ปุ่นจะมีการใส่เนยลงไป เพื่อให้ขนมปังนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป

-แอนนาฟีแลกซี่ช็อค คือ อาการภูมิแพ้ขั้นรุนแรง โดยเกิดจากการแพ้อาหารประเภทมี นม เนย อาหารประเภทนม และ ไข่

-เชื้อหมักธรรมชาติ คือ ยีสต์ตามธรรมชาติ ซึ่งมีหลายประเภท เช่น เชื้อธรรมชาติจาก ลูกเกด แอปเปิ้ล ส่าเหล้า น้ำส้มสายชู แต่เชื้อธรรมชาติจากข้างกล้องมอลท์จะพิเศษอย่างหนึ่งตรงที่มีคุณค่าทางอาหารสูง

-ในนมแพะจะมีไม่มีสาร อัลฟ่า เอส1 คาเซน ที่พบในนมวัว ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้นมวัว แถมขนาดไขมันของนมแพะนั้นมีขนาดเล็กจึงแทรกเข้าไปในแป้งโดได้ดีกว่านมวัว ทำให้ขนมปังมีรสชาติที่เข้มข้น

-ควินี่ อามัน ขนมที่โมโกยามะ ทำนั้น มีความหมายว่า ขนมที่ทำจากเนย เป็นขนมพื้นเมืองของแคว้นบลูตานิว ฝรั่งเศส

-เคล็ดลับของ เจปังเบอร์57 เจปังหม้อหุงข้าว คือการที่แป้งโดนั้นติดที่ตัวหม้อโดยรอบ การถ่ายเทความร้อนจึงทำได้สะดวก และทำให้แป้งโดนั้นสุกได้ที่

-เชื้อราจะขยายตัวได้ดีและรวดเร็ว ในอุณหภูมิสูงกว่า 20 องศา

-ราที่ขึ้นบนแป้งสาลี จะสร้างสาร มิวโคทอกซิน ซึ่งเป็นสารที่ทนต่อความร้อน แถมก่อมะเร็งอีกตะหาก

-วาซาบิ กับ เหล้านั้น มีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค เช่น เชื้อรา

-ขนมปังปอนด์มีสองประเภทคือ ทรงภูเขา กับ ทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งทรงภูเขานั้นเป็นขนมปังดั้งเดิมของอังกฤษ แต่ด้วยความที่ขนมปังรูปทรงดังกล่าวนั้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บ ขนมปังปอนด์ทรงสี่เหลี่ยมจึงเกิดขึ้น

-หากใช้วัตถุดิบที่ระเหยง่ายมาเป็นส่วนผสมในขนมปังนั้น เวลาอบจะต้องใช้ฝาปิด รูปทรงที่ได้จะต้องเป็นก้อนสี่เหลี่ยม

-เวเปอร์แอ็คชั่น คือ เทคนิคการอบแป้งโดในอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม จนไอน้ำที่อยู่ในโดนั้นระเบิดออกมา ทำให้ขนมปังฟูขึ้น

-ชาวอิตาเลี่ยนเป็นผู้ริเริ่มการทำ พานินี่ หรือ ขนมปังฮ็อตเพรส ที่เป็นการนำขนมปังมาปิ้งและกดให้แบนไปพร้อมๆกัน

-เทคนิคของเจปังเต่าเขียว ก็คือ การอบด้วยอุณหภูมิต่ำเวลานาน เพื่อรักษาสีของขนมปัง และใช้กลูโคส เพื่อให้ขนมปังมีความชื้นขึ้น

-เพนทาไลน์ คือ หินที่สามารถปล่อยแสงอินฟราเรดออกมาได้มากกว่าเหล็ก 10 ครั้ง ขณะที่ได้รับความร้อน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หินฟันม้า

-ไวทัลกลูเต็น คือ เทคนิคในการนำกลูเต็นจากโดก้อนหนึ่งโดยวิธีนำโดมาล้างน้ำ ไปผสมกับโดอีกก้อนหนึ่ง

-คูป คือ รอยบากบนขนมปังฝรั่งเศส เหตุที่ขนมปังฝรั่งเศสต้องมีรอยบาก เพราะจะทำให้ระบายแรงดันภายในขนมปังออกมา ตัวขนมจะได้ไม่ระเบิดในขณะอบ

-พระเจ้าหลุยที่14 ทรงโปรดปรานอาหารชิ้นใหญ่โตมาก จึงรับสั่งให้พ่อครัวในวังให้ทำขนมปังฝรั่งเศสให้มีความยาวมาก หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศส จักรพรรดินโปเลียน ก็รับสั่งให้ทำขนมปังฝรั่งเศสให้สั้นลง จนเป็นขนาดอย่างที่เราเห็นกัน เนื่องจาก ขนมปังฝรั่งเศสขนาดยาวนั้นมันเก็บยาก

-เทคนิคเปลือกสองชั้น(ดับเบิ้ลครัส) ในขนมปังของคาวาจินั้นก็คือ การเจาะรูตามยาวของโด เพื่อระบายอากาศ นอกจากการเสียบเหล็กสร้างรู แล้วก็อบโดยวางโดบนถังน้ำ ซึ่งไอน้ำนั้นจะผ่านเข้ารูของโด จนเกิดครัสขึ้น

-แฮมเบอร์เกอร์ที่เรากินกันนั้น ตัวขนมปังจะแบ่งในอัตราส่วน 4:6 โดยที่ปากช่วงล่างจะมีความแข็งแรงกว่าช่วงบน

-ขนมปังของชาวตะวันตกนั้นเนื้อจะแข็งกว่าขนมปังญี่ปุ่น เพราะ ชาวตะวันตกนั้นจะมีปริมาณน้ำลายมากกว่า จึงสามารถย่อยขนมปังเนื้อแข็งๆได้อย่างสบาย

-คัสทีร่า ที่อาสุมะนำมาประยุกต์ทำเป็นขนมปังในเล่ม 8 นั้น แท้จริงแล้ว เป็นขนมของสเปน ที่เดินทางผ่านทางเรือของโปรตุเกส และผ่านมาถึงญี่ปุ่น

-ขนมปังในร้านสะดวกซื้อ จะใช้ ดราก้อนฮุค เข้าไปในมิกเซอร์และหมุนด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นการลดเวลาหมักไปในตัว

-เหตุที่ห้ามนวดโด ในการทำขนมปังไมโครเวฟ เพราะ การนวดนั้นจะทำให้ขนมปังนั้นแห้ง ขาดความชื้น รวมไปถึงไม่สามารถย่อยน้ำตาลในแป้งให้กลายเป็นกลูโคสหรือมอลโตส

-น้ำเลี้ยงของต้นมะพร้าว เป็นส่วนที่มีปริมาณน้ำตาลมากที่สุดของต้นมะพร้าว ไม่ใช่น้ำมะพร้าวที่หลายคนคิดแต่อย่างใด

-ผงไข่มุกนั้น ช่วยบำรุงให้ผิวพรรณให้งดงาม นอกจากนี้ยังช่วยลดความอ่อนล้าลงอีกด้วย

-บลูเบอร์รี่ ถั่วดำ ไวน์แดง มีสาร Anthocyanin สูง ซึ่งช่วยในการบำรุงสายตา

-ดอกอามาฉะ ที่แกรน ไกเซอร์ นำมาผสมในขนมปัง บลูลากูน นั้น เป็นพืชดอกในสกุล Hydrangea ซึ่งพิเศษตรงที่ว่า ดอกของมันนั้นสามารถเปลี่ยนสีจากสีฟ้าเป็นชมพู หรือ ชมพูเป็นฟ้าได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเป็นกรดด่างของดินที่ปลูก นอกจากนี้ดอกของมันมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้

-ผงไหม หรือ silk powder มีกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกาย

-ดิโอรามา คือ ศิลปะการใช้สีโดยการใช้ความเข้มอ่อนของสี ทำให้รูปภาพนั้นดูมีมิติขึ้น

-สโลว์ฟู้ด(Slow Food) เป็นเทคนิคการทำอาหารด้วยวิธีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ จุดกำเนิดอยู่ที่ เมืองบรา ประเทศอิตาลี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนเรารู้จักการประกอบอาหารแบบมีรสนิยมและได้รสชาติ ตลอดจนมีความรู้ทางวัฒนธรรมของอาหารในท้องถิ่นด้วย

-กรุ๊ปเลือดบอมเบย์ เป็นกรุ๊ปเลือดที่สามารถให้หรือรับได้เฉพาะกับคนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้เหมือนกันเท่านั้น และจัดว่าเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายากมาก น้อยคนนักที่มีกรุ๊ปเลือดชนิดนี้

-น้ำมันหมูดำ ถึงจะเป็นไขมันจากสัตว์ แต่มีไขมันที่ไม่อิ่มตัวเยอะ จึงมีคอเรสเตอรอลต่ำ ซึ่งดีต่อร่างกาย

-ไทมะ หรือ กัญชา นั้น สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้น สามารถเพาะปลูกได้แต่ต้องมีใบอนุญาติ

-บาเกล คือ ขนมปังที่คล้ายกับโดนัท มีลักษณะเนื้อแข็ง มีต้นกำเนิดอยู่ที่ อิสราเอล บาเกลทั่วๆไปนั้น จะเป็นการนำโดนั้นไปต้มกับน้ำก่อน แล้วค่อยทำการอบ

-Quality Season คือ ฤดูกาลที่ดีที่สุดในการเก็บใบชา

-ไรซ์ดรีม(Rice Dream) ที่เป็นส่วนผสมหลักของบาเกลข้าวของชาโดว์นั้น เป็นเครื่องดื่มไขมันต่ำดีต่อร่างกาย ทำมาจากข้าวกล้อง ดอกคำฝอย เกลือทะเล

-Trans Fatty Acid คือ ไขมันที่มีความเสถียรต่อความร้อน ไม่เป็นไข และไม่ถูก oxidation เกิดจากการใช้น้ำมันชนิดเดียวกันในการทอดอาหาร หรือประกอบอาหาร ซ้ำๆกัน ทำให้เกิดสารที่ก่อให้เกิดโทษแก่ร่างกาย เช่น โรคหัวใจ และ มะเร็ง ได้

-ปลามากุโร่ หรือ รู้จักอีกชื่อหนึ่งคือ ปลาทูน่า ช่วงเวลาที่ปลาจะอร่อยที่สุดก็อยู่ในช่วงฤดูหนาว หากอุณหภูมิสูงขึ้นไป โปรตีนในเนื้อปลาจะลดลง

-หอยเม่น มีการใส่สารที่เรียกว่า เมียวบัง เพื่อเพิ่มรสชาติขมเข้าไป

-เคล็ดลับความอร่อยของขนมปังซุปเปอร์โทโร่เผา ก็คือ เพสตรี้รวงผึ้ง ซึ่งมาจากการผสมโดทำชูครีมซึ่งให้ความเบา กับ โดเพสตรี้ชึ่งให้ความกรอบ ส่วน เคล็ดลับความอร่อยของ เจปังไข่ตุ๋น โอมะ ก็คือ การใส่น้ำในโดเยอะๆ ควักเนื้อในออก แล้วก็ทุบให้เนื้อแน่น จบด้วยการอบในถุงขยะ เพื่อเพิ่มไอน้ำ ทำให้ ขนมปังมีความหนาพอที่จะทำให้ไข่ตุ๋นไม่ซึม แถมในไข่ตุ๋นก็ยังใส่ ขนมปังกรอบ กรูตอง (มาจากเนื้อขนมปังที่ควักออกมาตั้งแต่ต้น)

-ขนมปังรูปทรงฮานิวะของอาสุมะนั้น ก็มาจากตุ๊กตาเครื่องปั้นดินเผาที่วางอยู่รอบๆหลุมศพสมัยโบราณในยุคโคฟุน เชื่อว่า ตุ๊กตาเหล่านั้นจะช่วยปกป้องจักรพรรดิในช่วงชีวิตหลังความตาย

- การตั้งเสียงให้หม้อเหล็ก คือ การผสมน้ำซุปที่กำลังเดือดข้น ไม่ให้ไหม้ได้ง่าย เป็นวิธีที่ชาวตะวันตกใช้กัน

-สมเสร็จ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ปัจจุบันเป็นสัตว์หายาก พบได้ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในบราซิลจะเรียกตัวนี้ว่า anta

- เคล็ดลับความอร่อยของขนมปังฮานิวะ ก็คือ การนำมะม่วงสุกไปแช่ในช่องแข็ง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลซึมในโดเวลาอบ และใส่ดอกเกลือคุณภาพดี มีเกล็ด เพื่อดูดซึมน้ำมะม่วงอีกที จากนั้นนำน้ำมะม่วใไปผสมกับโดโดยที่ไม่ต้องทำให้สุก แต่การใส่ยีสต์ช่วยให้ ขนมปังจับตัว และมีรสสัมผัสคล้าย วาฟเฟิล

-"ความรัก" คือส่วนที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้ รสชาติอาหารนั้นอร่อย

-อันมิกซิ่ง คือ การนวดแป้งโดเบากว่าปกติ ไม่ให้สิ่งที่อยู่ในโดเละ จึงทำให้ขนมปังไม่ขยายตัวในเวลาหมัก

-ไข่ขาว ตีตั้งยอดให้ขึ้นฟู เรียก เมอแรงก์ ส่วน ไข่ขาว ตีตั้งยอดให้ขึ้นฟู เรียก บรันชีล ซึ่ง บรันชีลจะช่วยป้องกันไม่ให้ขนมปังยุบตัว

-เทคนิค ทูร์นิว ของ ไค คือ การบิดโดไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยให้ขนมปังขึ้นฟูได้เร็ว ส่วนเทคนิคฟองดูของอาสุมะ จะเป็นการพับแป้งโด ซึ่งจะช่วยให้ขนมปังขึ้นฟูได้เร็วเช่นกัน

-ประเทศออสเตรีย ขึ้นชื่อเรื่องการทำแยมมาก โดยมี เมือง ติโรล ขึ้นชื่อว่าเป็นที่ผลิตแยมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

-สถานที่ที่มีความกดอากาศน้อย จะมีจุดเดือดต่ำ

-ไวน์คิฟุ ไม่ได้ผลิตที่จังหวัดกิฟุ แต่ผลิตที่จังหวัดนางาโนะ เป็นไวน์ที่ใช้แบคทีเรียคิฟุช่วยในการหมัก

-เฟลมเบ้ การใช้เหล้าชนิดแรงมาราดลงบนอาหารให้เกิดไฟลุกบนอาหารนั้นๆ เพื่อเพิ่มความหอมและรสชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

-คัลวาดอส คือ เหล้าแอ๊ปเปิ้ลที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง

-ควันอุ่น คือ การรมควันอาหารด้วยความร้อน 30-80 องศาเซลเซียส

-มิกิ โนริเฮ คู่แข่งของอาสุมะในศึกอุปปุรุยนั้น มีตัวตนจริงๆ เขาเป็นดาวตลก มีชื่อจริงว่า ทานุมะ ทาดาชิ ส่วนผลิตภัณฑ์แบรนด์ "โกฮัง เดซึโยะ" สาหร่ายที่กินกับขนมปังในเรื่อง ก็มีอยู่จริงเช่นกัน

-การต้มโดยใช้น้ำโคล่านั้น แก๊สจากน้ำโคล่าจะช่วยให้เนื้อสัตว์ หรือ สาหร่ายมีความนุ่มมากขึ้น

-ครีมมิ่ง คือ การตีเนยเป็นฟองแล้วมาผสมกับโดขนมปัง ช่วยให้ขนมปังมีรสสัมผัสที่นุ่มขึ้น

-รีมิกซ์ คือ การนวดโดสองครั้ง ช่วยให้กลูเต็นกระจัดกระจายอย่างคงที่ ช่วยให้ขนมปังมีรสสัมผัสที่นุ่มเช่นกัน

-ปาตาฟิโล่ เป็นขนมของชาวอาหรับ ทำจากข้าวสาลี

-ขนมปังนึ่ง คือ ขนมปังที่ใช้ผงฟูเป็นส่วนประกอบ ซึ่งผงฟูนั้นก็มาการการสกัดสารเคมีชนิดต่างๆเช่น กรดซิตริค กรดทาร์ทาริค ฯลฯ ช่วยให้ขนมปังนุ่มฟูขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยีสต์เลย

-โรเมน คือ กรรมวิธีทำโดมีคุณภาพดี มาจากชาวจีนในสมัยก่อน หลักการก็คือ ทำโดแล้วแบ่งโดเป็น 4 ส่วน โดยเก็บ 1 ใน 4 ส่วนก่อน พอทำโดใหม่ก็นำโด 1 ใน 4 ที่เราเก็บไว้ไปผสมลงไปด้วย จากนั้นก็ทำซ้ำไปเรื่อยๆ

-การนึ่งแอลป์ คือ การนึ่งโดโดยใช้ผงฟู ทำให้โดเกิดการระเบิด จะได้ขนมที่มีรูปทรงคล้ายกับเทือกเขาแอลป์ ปกติจะเกิดระบิดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

-ห้องปลอดเชื้อ ห้องควบคุมไม่ให้เกิดเชื้อโรคใดๆบนเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะกับหมูที่ติดเชื้อโรคง่าย ซึ่งหากเลี้ยงหมูในห้องนี้ ก็สามารถกินเนื้อสดๆได้ ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หมูปลอดเชื้อ

-สับปะรด เป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์ในการย่อยโปรตีนสูง สามารถย่อยสลายโปรตีนในเนื้อสัตว์ได้ มักนิยมในการหมักกับเนื้อสัตว์ จะทำให้เนื้อสัตว์มีความนุ่มขึ้น

-แซนด์วิชหมูทอด หรือ แซนด์วิชทงคัตซึ ในเรื่องนั้นจะมีสองชนิด คือ แบบฮาร์ด คือ แบบขนมปังทอดกรอบและเนื้อหมูทอดกรอบโดยใช้แป้งขนมปังแบบหยาบ และ แบบซอฟต์ คือ เนื้อขนมปังและเนื้อหมูทอดจะนุ่ม โดยเนื้อหมูทอดนั้นจะใช้แป้งขนมปังแบบละเอียด

-การทำโดแบบสปองจ์ คือการหมักโดโดยใช้น้ำกับยีสต์ผสมกับแป้งและหมักทิ้งไว้หลายชั่วโมง

-ฮอตเค้ก คือ แพนเค้กในแบบสไตล์คนญี่ปุ่น เกิดขึ้นในปี 1923 โดยแตกต่างจากแพนเค้กปกติที่เราเห็น คือ เนื้อของฮอตเค้กจะหนากว่า และหวานกว่า

-แฮมเบอร์เกอร์ ถือกำเนิดในงานExpo ปี 1904 ที่สหรัฐอเมริกา จากไอเดียของช่างทำขนมปังชาวเยอร์มัน ที่นำขนมปังสองแผ่นมาประกับกับเนื้อแฮมเบิร์ก(เนื้อบดที่ปั้นเป็นก้อนแล้วนำมาทอดหรือย่าง)

-เหตุที่เวลากินแพนเค้กต้องกินร้อนถึงจะอร่อยนั้น ก็เพราะว่า หากทิ้งไว้นาน ความชื้นจากด้านในจะซึมออกจากด้านนอก ทำให้ขนมนิ่ม ไม่กรอบอร่อย

-แป้งข้าวเจ้า และ แป้งโซบะ(บัควีท)มีคุณสมบัติดูดน้ำได้ดี ซึ่งชาวเกาหลีนั้นก็นิยมนำแป้งข้าวเจ้าไปทำเป็นจิจิมิ (อาหารชนิดหนึ่ง คล้ายๆหอยทอด)

-กาเล็ต กับ เครปนั้น รูปร่างลักษณะการทำนั้นเหมือนกัน เพียงแต่กาเล็ตนั้นทำจากแป้งบัควีท ถือกำเนิดขึ้นที่แคว้นบริตตานี ฝรั่งเศส ซึ่งต่อมากลายเป็นอาหารในวังในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่13 โดยเปลี่ยนจากบัควีทเป็นแป้งสาลี จนเกิดเป็นเครปเหมือนทุกวันนี้

-มอสซาเรลล่า ชีส เนยแข็งที่ใช้ในการประกอบอาหารหลากชนิดนั้น จริงๆแล้วทำมาจากนมควาย หรือ นมวัว ซึ่ง ชีสที่ทำมาจากนมควายนั้น จะมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม ซึ่งต้นตำรับที่อิตาลีนิยมนำนมควายมาทำชีส

-คัลซึโอเน่ พิซซ่าที่ใส่ใส้เอาไว้ข้างในเหมือนเกี๊ยวซ่า พูดง่ายๆก็คือ พิซซ่า พัฟ ของ Pizza Hut นั่นแล

-บอมเบอร์พิซซ่า คือ พิซซ่าธรรมดาทั่วๆไปที่กินกัน ส่วนทาโกะยากิเจปังของอาสุมะก็จัดอยู่ในประเภทนี้ ต่างกันตรงที่อาสุมะใช้โดอีกแผ่นปิดที่หน้าพิซซ่าทำให้อากาศเข้าไปในช่องระหว่างโด จนเกิดการพองตัวขึ้นมาคล้ายกับทาโกยากิ(ขนมครกญี่ปุ่นไส้หมึกยักษ์) และใช้มันฝรั่งทอดมาโรยหน้าเพื่อป้องกันโดฟีบลงไป

-เพททิโคท คือ เสื้อชั้นในสตรีชาวยุโรปในยุคกลาง ซึ่งช่วยให้กระโปรงนั้นบานออกมา

-ปกติการพับโดกับเนย จะต้องนำเนยไปวางไว้บนโดแล้วค่อยพับสลับกัน ส่วนเทคนิคพับกลับด้านของยูกิโนะนั้นเป็นการเอาแป้งโดมาวางทับบนเนยแล้วพับหลายๆชั้น ซึ่งเป็นเทคนิคที่น้อยคนนักจะทำได้ (เพราะ เนยจะละลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับมือที่มีอุณหภูมิสูงกว่า) ส่วนอาสุมะก็แก้ไขโดยการนำมือไปจุ่มกับน้ำแข็งแล้วพับแบบปกติ

-ผลบิวะ มีลักษณะเป็นผลสีเหลือง รูปรางยาวเป็นวงรี ออกคล้ายๆลูกแพร์ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Eriobotrya japonica ซึ่งผลของมันจะมีรสชาติหวาน สามารถนำไปประกอบอาหารหลายประเภท ส่วนใบของมันนั้นสามารถล้างพิษแกก้มะเร็งได้ และ เมล็ดของมันนั้นมีสรรพคุณในการบำรุงตับ

-ทาร์ต ต่างกับ ครัวซอง ตรงที่ โดของทาร์ตนั้นจะไม่หมักยีสต์ แต่จะใช้ปริมาณเนยกับน้ำตาลมากกว่าครัวซอง

-โมนากะ รีแอ็คชั่นของคาวาจิ หลังจากที่กินผลบิวะเข้าไป คือ เวเฟอร์เค้กสอดไส้แยมถั่ว

-แป้งที่ใช้ในการประกอบอาหารต่างๆนั้น จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปตามปริมาณของโปรตีนในแป้ง เช่น แป้งโปรตีนสูง คือ แป้งทำขนมปัง,แป้งโปรตีนระดับกลาง คือ แป้งอเนกประสงค์ และ แป้งโปรตีนต่ำ คือ แป้งเค้ก

- ทาร์ตทาร์ทัน (Tarte Tatin - ทาร์ต ตาแต็ง) กำเนิดที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการนำแอ๊ปเปิ้ล หรือ ผลไม้ มาอบกับเนยน้ำตาลโดยไม่ได้รองแป้งโด แล้วนำแป้งโดมาปิดด้านบน แล้วพลิกกลับด้าน จนเกิดกลิ่นหอม ออกมา ซึ่งต้นกำเนิดนั้นก็เกิดขึ้นโดยบังเอิญมาจากสองพี่น้องสเตฟานี่ และ คาโรลีน ทาร์ทัน

-มิโซะ คือ เต้าเจี้ยวบด เป็นส่วนผสมพื้นฐานของอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด ซึ่งมิโซะนั้นก็มีหลายชนิด ตามกรรมวิธีของคนในท้องถิ่น

-ปอมปาดู คือ กรรมวิธีการนำขนมปังฝรั่งเศสที่ถูกทิ้งไว้นาน มาทำให้นุ่มขึ้นด้วยการเติมน้ำ ส่วนพาสติส นั้นคือ การเติมน้ำและไข่ 3 เท่าลงในขนมปัง เพื่อขึ้นฟูขึ้น
ราซึกะเซ คือ ถั่วลิสง ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของจ.อิบารากิ มีวิตามินE สูง มีประโยชน์ในการช่วยให้แป้งสาลีมีความนุ่มขึ้น

-กรรมวิธีการทำแป้งสาลี มีการบดข้าวสาลี จนทำให้ส่วนจมูกข้าว ซึ่งมีวิตามิน E สูง หลุดออกไป

-การผัด รมควัน หรือ แช่แป้งสาลีในน้ำร้อน ล้วนทำให้แป้งมีรสชาติหวานหอมขึ้น โดยความร้อนนั้น ทำให้แป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาล

-ดารุมะ คือ ตุ๊กตาล้มลุกสไตล์ญี่ปุ่น มีรูปร่างกลม สีแดง มีใบหน้าสีขาว มีต้นแบบมาจากพระพุทธรูป "พระอาจารย์ดารุมะ" ซึ่งมีชีวิตอยู่จริงๆ โดยเป็นชาวอินเดีย เป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ของเจ้าผู้ครองรัฐหนึ่งทางตอนใต้ของอินเดีย จากนั้นท่านก็ออกธุดงค์ศึกษาธรรม เป็นเวลา 9 ปี จนมือและเท้าเสีย และเป็นตุ๊กตาล้มลุกอย่างที่เห็นกัน

-ยีสต์ขนมปัง กับ ยีสต์ในเหล้าญี่ปุ่น คือ เห็ดราชนิดเดียวกัน ต่างกันตรงที่ ยีสต์ขนมปัง ทำให้เกิดปริมาณก๊าซคาร์บอนิคแอซิด มากกว่า


-เคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ "เจปัง" ที่มีความหนานุ่ม พอเอาไปอบหรือปิ้ง จะมีความกรอบแข็งกว่าขนมปังฝรั่งเศส ก็มาจาก งาบดที่อาสุมะใส่เข้าไป ซึ่งน้ำมันในงานั้นจะช่วยให้ขนมปังชุ่มชื้นและมีอุณหภูมิสูงกว่าส่วนที่อยู่รอบๆ

-มันเทศช่วยให้ขนมปังนุ่มขึ้น ส่วนไข่ขาวที่ตีขึ้นฟูช่วยให้โดขยายตัวได้มากขึ้น

-ในการอบขนมปัง จะมีการเผาใหม้ ทำให้เกิดก๊าซ CO2 (คาร์บอนไดออกไซด์) ไหลออกมา ซึ่งCO2 เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก ทำให้โลกร้อน

- การอบขนมปังให้อร่อยนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ จิตใจที่คำนึงถึงผู้กินมากที่สุด

- ถ้าหากเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ความฝันก็จะเป็นจริงได้ คือ ใจความสำคัญของการ์ตูนเรื่องนี้!!!!!!!!! (โดย คาวาจิ)



 
free hit counter javascript