ปี 2022 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป แม้บรรดาชาวโลกสามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับไวรัสโควิดที่ยังไม่หายไปไหนกันได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหน่วง สมเป็นปีเสือแสนดุร้ายมิปาน ตั้งแต่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อชาวโลกทุกด้าน , วิกฤต ไต้หวัน vs จีน ชวนเสียวไส้เล็กๆ, โศกนาฏกรรมฮาโลวีน ณ อีแทวอน , ช่วงเวลาขาลงของ Bit Coin - เงินคริปโต ที่ทำเอานักลงทุนเจ๊งเป็นแถบ ยันรวมถึง บ้านเรา ที่ต้องประสบพบเจอเหตุการณ์สุดสลดไม่แพ้กัน ทั้ง ผับไฟไหม้ , คดีกราดยิงที่หนองบัวลำภู รวมถึง เรือหลวงสุโขทัยล่ม ในช่วงปลายปี
นอกจากข้างต้นแล้ว บ้านเรายังคงวุ่นวายไปกับปัญหาสารพัด ทั้งข้าวของราคาแพง , สัมปทานรถไฟฟ้า , ปัญหายาเสพติด กับ อาวุธปืน ที่นับวันเข้าถึงได้ง่ายขึ้น, ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ - แก๊งพนัน กับ แก๊งแชร์ลูกโซ่ ที่อยู่ใกล้ตัวซะเหลือเกิน รวมไปถึง เรื่องความมักง่ายของบรรดาคนผู้คิดน้อย ใช้ชีวิตกันประมาท จนเป็นเหตุคร่าชีวิตผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว นี่ยังไม่รวมถึง บรรดาท่านผู้ทรงเกียรติแถวสภา ที่คิดเอาแต่แก่งแย่งชิงเก้าอี้ โยกย้ายพรรค รับเลือกตั้งหนหน้า แทนที่จะมาช่วยกันแก้ปัญหาที่ปชช.กำลังเดือนร้อนในขณะนี้....เฮ้อ!! พอดีกว่า
ในส่วนของข่าวคราวในวงการการ์ตูน รอบปี 2022 ก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยตอนแรกของบทความนี้ เป็นการทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นในวงการการ์ตูน รอบปี 2022 จำนวน 14 หัวข้อ มาสรุปกันให้ได้รับทราบพอสังเขป .........เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปทบทวนกันเลยครับ!!!
(อย่างที่บอกไว้ข้างต้น เนื่องจากสถานการณ์โควิดโลกในภาพรวม ค่อนข้างจะเบาลง จะไม่มีการสรุปข่าวสารในหัวข้อที่เกี่ยวกับโควิดใดๆ)
รอบปี 2022 ที่ผ่านมา มีหนังอนิเมญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง ที่ได้สร้างกระแสปัง ผลัดกันเป็นช่วงๆ เริ่มตั้งแต่ Jujutsu Kaisen 0 กับ Detective Conan: The Bride of Halloween เมื่อช่วงต้นปี , ยัน One Piece Film Red ในช่วงกลางปี ก่อนที่ Suzume no Tojimari กับ The First Slam Dunk ควงคู่กันสร้างความแรงในช่วงปลายปี.....
แต่ถ้าหากเลือกเอาหนังอนิเมญี่ปุ่น เรื่องที่เป็นกระแสให้ใครต่อใครพูดถึงกันมากที่สุดตลอดทั้งปี แถมยังเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่แฟรนไชส์ของตัวเอง รวมไปถึง สถิติด้านอื่นๆ ให้เป็นที่จดจำไม่แพ้กัน ก็คงจะหนีไม่พ้น หนังภาคใหม่ล่าสุดของ One Piece อย่าง Film Red นั่นเอง!!!
Film Red จัดเป็นหนังอนิเมของ One Piece ที่ทาง อ.Eiichiro Oda และ ทีมผู้สร้าง ซึ่งนำโดย ผกก. Goro Taniguchi (Code Geass) และ คนเขียนบท Tsutomu Kuroiwa ( One Piece Film Strong World) ได้ตั้งใจทำภาคนี้อย่างสุดๆ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวของ Shanks ผมแดง ชายผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ Luffy ออกเดินทางผจญภัยบนท้องทะเล พร้อมความฝันที่จะเป็น จ้าวแห่งโจรสลัด ไปพร้อมกับ Uta นักร้องสาวเสียงทอง ลูกสาวของ Shanks ที่กลายเป็นตัวละครหลักประจำหนังชุดนี้ และเป็นหนังภาคแรกของ One Piece ที่ให้ผู้หญิงเป็นตัวละครชูโรงประจำภาค
จากการที่ตัวหนังได้นำเสนอเรื่องราวของ Shanks และ พรรคพวก ในมุมมองที่แฟนๆ One Piece ไม่เคยรู้มาก่อน ประกอบกับการที่ตัวหนังนั้น ออกฉายเมื่อต้นเดือน ส.ค. 2022 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับ มังงะต้นฉบับของเรื่องนี้ ได้ประกาศเข้าสู่บทสุดท้ายอย่างเป็นทางการ หลังจบบทวาโนะคุนิ ที่กินเวลามาพอสมควร ทำให้ตัวหนังได้รับความสนใจจากแฟนๆ One Piece มากมาย ส่งผลทำให้ Film Red สามารถรั้งอันดับ 1 บน Box Office ญี่ปุ่น ได้ถึง 13 สัปดาห์ สร้างสถิติ เป็นหนังที่กวาดรายได้มากที่สุดของแฟรนไชส์ One Piece, เป็นหนัง One Piece ภาคแรกที่ทำรายได้แตะหลักหมื่นล้านเยน แล้วก็ ครองสถิติเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด ประจำปี 2022 ของญี่ปุ่น ด้วยรายได้กว่า 1.8 หมื่นล้านเยน
นอกจากตัวหนังจะปังไปทั่วเกาะญี่ปุ่นแล้ว กระแสของหนังที่ฉายนอกญี่ปุ่น ก็มีกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน ด้วยการเปิดตัวอย่างสวยงามบน Box Office หลายประเทศ รวมไปถึง บ้านเรา ที่ตัวหนังมีฟีดแบ็คการตอบรับดีในหลายๆด้าน จนทำสถิติเป็นหนังอนิเมญี่ปุ่น ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในไทย อีกทั้ง ตัวหนังฉบับพากย์ไทย ทาง JAM และ DEX ได้ทุ่มทุนด้วยการเชิญ influencer มากหน้าหลายตา รวมถึง นักพากย์อาชีพท่านอื่นๆ ที่อยู่นอกทีมพากย์ One Piece มาช่วยเสริมกำลังด้วย และด้วยกำลังนักพากย์ไทยกว่า 70 ชีวิตนี้ สามารถทำให้ตัวหนังมีฟีดแบ็คพากย์ไทยทให้เป็นไปทางบวกในภาพรวม และมีประเด็นดราม่าจากแฟนๆน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับหนัง 2 ภาคก่อนหน้าของ One Piece ที่เคยฉายในบ้านเรา (แม้ว่า จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถึง คุณแป้ง zbingz ผู้พากย์เสียงไทยของ Uta ในหนัง เกี่ยวกับความเหมาะสมในบทบาทดังกล่าว อยู่บ้างก็ตาม)
ความปังของ Film Red นี้ ยังส่งผลดีต่อ Uta ที่ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในตัวละครอนิเมหญิงสุดฮ็อตประจำปี 2022 เช่นกัน ซะจนทำให้เธอครองใจบรรดาชาวเน็ตประจำปีนี้ กับแชมป์ Internet Buzzword 2022 แล้วก็ได้ร่วมเดินสายทำกิจรรมต่างๆ ตามรายการทีวี ช่วงเดือน ธ.ค. 2022 ซึ่งหนึ่งในนั้น รวมไปถึง Kohaku Uta Gassen หรือ คอนเสิร์ตเพลงขาวแดง ทางช่อง NHK ในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค. 2022
เช่นเดียวกับ Ado นักร้องสาวผู้ซึ่งขับร้องเสียงเพลงของ Uta ในหนังชุดนี้ ได้รับกระแสปังจากหนังเรื่องนี้ไปเต็มๆ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาร์ต Oricon ด้วยการทำ Triple Crown หรือ การรั้งอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงของ Oricon ได้ถึง 3 ชาร์ต ประกอบไปด้วย ชาร์ตเพลงดิจิตอลประจำสัปดาห์ , ชาร์ตอัลบั้มเพลงดิจิตอลประจำสัปดาห์ และ ชาร์ตเพลงสตรีมมิ่งประจำสัปดาห์ (Ado สามารถทำ Triple Crown ได้มากถึง 3 สัปดาห์ติดกัน ) อีกทั้ง เธอยังเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ของชาร์ต Oricon ที่สามารถพาเพลงของเธอ เหมา 5 อันดับแรกของชาร์ตสตรีมมิ่ง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน เช่นกัน
นอกจาก Film Red แล้ว มังงะต้นฉบับของ One Piece ยังคงได้รับความสนใจไปกับเนื้อหาบทสุดท้ายของเรื่องนี้ ซึ่งมีประเด็นเนื้อเรื่องให้พูดถึงต่างๆนานา (ผสมโรงกับ ความหัวร้อนของแฟนๆส่วนหนึ่ง จากเว็บบอร์ดบางแห่ง ที่ไม่ค่อยพอใจกับทิศทางการเดินเรื่องในช่วงหลังๆ) อีกทั้ง ยังมากับเซอร์ไพรส์ใหญ่ นั่นคือบทสัมภาษณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่าง อ.Oda กับ อ. Gosho Aoyama ผู้แต่งมังงะ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ที่มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Shonen Jump และ Shonen Magazine เมื่อช่วง ก.ค. 2022 ซึ่งก็ทำให้แฟนๆต่างรับรู้ถึงมุมมองของ อ.ทั้งสองท่านนี้ มากยิ่งขึ้น
ซึ่งเรื่องราวการเดินทางของลูกเรือหมวกฟาง จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่นั้น ยังไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างแน่ชัด นอกจาก อ.Oda ที่ได้คิดตอนจบเอาไว้แล้ว ซึ่ง อ.Oda ได้ยืนยันว่า ผ่านข้อความที่มีการเปิดเผยในงาน Jump Fest 23 ว่า จะมีศึกต่อสู้ใหญ่เกิดขึ้นอีก และ มังงะเรื่องนี้ยังไม่รีบรวบรัดให้จบในเร็ววันๆ แฟนๆสบายใจกันได้ ... ฟังแล้ว ท่าทาง คงไม่น่าจะจบราว 4-5 ปี ตามที่ อ.เคยเน้นย้ำเอาไว้ ก่อนที่มังงะจะเข้าสู่บทสุดท้าย เสียอีก!!!!!
Hunter x Hunter มังงะซีรี่ย์ที่นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ ผจญภัย ไล่ล่า ของเหล่าฮันเตอร์พลังเน็น ซึ่งนำโดย Gon , Killua , Kurapika ยันจนถึง กลุ่มโจรเงามายา ก็ขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งในมังงะที่แฟนๆต่างติดตามรอคอยตอนใหม่กันอย่างอดทน จากการที่ อ.Yoshihiro Togashi ผู้แต่งเรื่องนี้ ประสบปัญหาสุขภาพเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาการปวดหลังอย่างรุนแรง ที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานมานาน จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของ อ. ไปพร้อมกับ งานเขียนมังงะเรื่องนี้ ทีทำได้ไม่สะดวกเหมือนเก่า เลยทำให้มังงะเรื่องนี้ต้องหยุดตีพิมพ์บ่อยครั้ง และ เริ่มหยุดหายไปยาวขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสถิติใหม่ในรอบล่าสุด นับตั้งแต่ตีพิมพ์ตอนล่าสุดลงในนิตยสาร Shonen Jump เมื่อ พ.ย. 2018 เป็นต้นมา ...ในช่วงระหว่าง 4 ปีหลังสุด ที่เรื่องนี้งดตีพิมพ์ ก็มีแคมเปญทายอินเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาเป็นระยะๆ แต่ไม่ยักมีตอนใหม่ล่าสุดออกมาใดๆ ซึ่งทำเอาแฟนๆบางส่วน พากันทวงตอนใหม่ของเรื่องนี้กัน บนโลกออนไลน์
อย่างไรก็ตาม เพื่อที่ไม่ให้แฟนๆ ต้องรอคอยการมาของตอนใหม่ไปนานกว่านี้ อ.Togashi จึงได้ตัดสินใจเปิดบัญชี Twitter อย่างเป็นทางการของตัวเอง เพื่อคอยอัพเดทความคืบหน้าของการจัดทำมังงะ 10 ตอนใหม่ล่าสุด กับ ตอนที่ 391 - 400 ไปพร้อมกับ คอยอัพเดทสุขภาพของตัวเอง (แล้วก็ โปรโมทงานนิทรรศการของตัวเอง) ซึ่งการเปิด Twitter ของเขา พร้อมกับการโพสต์ภาพวาดต้นฉบับของมังงะ HxH นั้น ได้สร้างความฮือฮา และ ยินดีปรีดา ในหมู่แฟนคลับของ HxH ผู้ซึ่งกำลังรอคอยตอนใหม่ของเรื่องนี้มานานถึง 4 ปี ต่างมีความหวังที่จะได้ติดตามมังงะเรื่องนี้ต่อไป รวมไปถึง ยังทำให้เขากลายเป็นนักเขียนมังงะผู้มียอดติดตามบน Twitter สูงสุดอีกคนหนึ่ง
และแล้ว วันเวลาได้ล่วงเลยไป จนในที่สุด แฟนๆ HxH ได้เฮลั่นสุดเสียง เมื่อการรอคอยได้สิ้นสุดลง จากการที่ Shonen Jump ได้แจ้งการกลับมาของเรื่องนี้อย่างเป็นทางการใน ในนิตยสาร Shonen Jump ฉบับที่ 47/2022 ที่ออกวางขายเมื่อ 24 ต.ค. 2022 ไปพร้อมกับ ฉบับรวมเล่มที่ 37 ของเรื่องนี้ (ประกอบไปด้วย ตอนที่ 381-390 ที่เคยตีพิมพ์ลงใน Jump เมื่อปี 2018) ที่วางขายในญี่ปุ่น เมื่อ 4 พ.ย. 2022 ซึ่งการวางขายเล่ม 37 ของ HxH ได้รับการตอบรับจากแฟนๆอย่างอบอุ่น จนสามารถติดอันดับมังงะขายดีประจำสัปดาห์ของ Oricon และเป็นหนึ่งในมังงะเล่มที่ขายดีที่สุด ประจำปี 2022 ของ Oricon ด้วย
การกลับมาของ HxH หนนี้ ก็ไม่สร้างความผิดหวังให้แก่แฟนๆ ในแง่ของเรื่องราวที่ยังคงมีเซอร์ไพรส์ คาดเดาอะไรยาก มาเรื่อยๆ รวมถึง เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลักของกลุ่มตัวละครสำคัญในเรื่อง ที่เพิ่งจะได้ฤกษ์เปิดเผยกัน ถึงแม้ว่า โดยภาพรวม เนื้อหาจะไม่ค่อยเดินไปไหนไกลเท่าไหรนัก ก็ตาม.......
ซึ่งเรื่องราวของ HxH หลังจากตอนที่ 400 เป็นต้นไปนั้น จะไม่ได้ตีพิมพ์แบบรายสัปดาห์อีกต่อไปแล้ว โดยจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเผยแพร่ให้เหมาะสม ตามสภาพร่างกายในปัจจุบันของ อ.Togashi จนยากที่จะบอกได้ว่า เราจะเห็นตอนจบของเรื่องนี้กันเมื่อไหร่ แต่จากการที่ อ.Togashi ได้เปิดช่องทางการสื่อสารของตัวเองให้นักอ่านได้รับรู้ถึงความเป็นไปเกี่ยวกับมังงะเรื่องนี้ ก็ทำให้แฟนๆเรื่องนี้ ต่างมีความหวัง
ที่จะได้ติดตามเรื่องนี้ต่อ จนได้เห็นฉากจบของเรื่องนี้ ในซักวันหนึ่ง...
ข่าวที่สร้างความใจฟูให้แก่บรรดาแฟนคลับของ Berserk ที่ต่างไม่คาดหวังว่าจะได้อ่านมังงะเรื่องนี้กันต่อ ภายหลังการเสียชีวิตของ อ.Kentaro Miura ผู้แต่งเรื่องนี้ เมื่อ พ.ค. 2021 จนส่งผลต่ออนาคตความเป็นไปของมังงะเรื่องนี้ ที่ยังคงเป็นปริศนา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาครบรอบ 1 ปี แห่งการจากไปของ อ.Miura บรรดาแฟนคลับของ Berserk ต่างก็เซอร์ไพรส์กันโดยมิได้นัดหมาย จากการที่ สนพ. Hakusensha และ นิตยสาร Young Animal ได้แจ้งว่า Berserk กำลังกลับมาตีพิมพ์ตามปกติ ในนิตยสารดังกล่าวฉบับที่ 13/2022 (วางจำหน่าย เมื่อ 24 มิ.ย. 2022 ) นี้ โดยจะดำเนินเรื่องราว บท Fantasia หรือ เกาะเอลฟ์ ให้จบใน 6 ตอน ก่อนจะเริ่มต้นเรื่องราวในบทใหม่ล่าสุดต่อไป
โดยการกลับมาดำเนินเรื่องราวต่อของ Berserk แบบไม่มีใครคาดคิดว่าจะไปต่อได้นั้น ส่วนหนึ่ง ต้องยกเครดิตให้กับ อ.Kouji Mori นักเขียนมังงะจากเรื่อง เกาะคนตาย ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในชีวิตจริงของ อ.Miura และเป็นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ได้รับทราบทิศทางเรื่องราวที่เหลืออยู่ของ Berserk จนกระทั่งจบเรื่อง จาก อ.Miura เอง มารับหน้าที่เป็นผู้ดูแลเรื่องราวต่อจากนี้ไปของ Berserk โดยเขาได้ประสานงานร่วมกับ Studio Gaga ซึ่งล้วนเป็นทีมงานลูกมือของ อ.Miura ที่คอยซัพพอร์ตงานของเขา มาโดยตลอด มารวมพลังกัน นำพาให้ Guts และ พรรคพวก ดำเนินเรื่องราวต่อไปจนถึงจุดหมายปลายทาง ..... โดยอ้างอิงจากโน้ตของ อ.Miura ที่ได้บันทึกไอเดีย และ แบบตัวละครต่างๆ ที่ยังหลงเหลือเอาไว้ จนนำไปสู่การสานต่อเรื่องราวของ Berserk อีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น ทางต้นสังกัด ยังได้ยกเครดิตให้แก่บรรดาแฟนคลับ Berserk ที่ไม่เพียงแต่จะคอยสนับสนุน มาโดยตลอด แล้ว พวกเขาเหล่านี้ ยังออกมาเรียกร้อง , ให้กำลังใจ ต่างๆนานา ผ่านทางงานนิทรรศการ , นิตยสาร Young Animal ฉบับรำลึก อ.Miura , ฉบับรวมเล่มที่ 41 ของ Berserk รวมถึง ข้อความต่างๆบน โซเชียลมีเดีย
และผลพวกจากการที่มังงะเรื่องนี้กลับมาเขียนอีกครั้ง ทำให้มีการเฉลิมฉลอง ด้วยการนำหนังอนิเมชุด Berserk: The Golden Age Arc มาฉายใหม่ทางโทรทัศน์ ในรูปแบบตัดต่อใหม่ เวอร์ชั่น Memorial Edition ให้แฟนๆได้ร่วมกันหวนคิดถึง และ ขอบคุณ อ.Miura ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเยี่ยมเอาไว้....
และจากการที่ ทีมงานของ อ.Miura และ อ.Mori มาช่วยกันสานต่อเรื่องราวของ Berserk ต่อไปนั้น เชื่อว่า ดวงวิญญาณของ อ.Miura ไม่มีอะไรต้องติดค้างตรงส่วนนี้ อีกต่อไป
รอบปีเสือ 2022 ที่ผ่านมานี้ ก็มีอนิเมเรื่องเยี่ยมผ่านตามาหลายเรื่อง ตั้งแต่อนิเมหน้าเก่า ชุด/ซีซั่นใหม่ ที่ยังคงสร้างผลงานตราตรึงแก่แฟนๆ อาทิ ดาบพิฆาตอสูร - ภาคสถานเริงรมย์ , ผ่าพิภพไททัน Final Season Part II , ขอต้อนรับสู่ห้องเรียน(เฉพาะ)ยอดคน ซีซั่น 2 , เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว ซีซั่น 2 , บลีช เทพมรณะ ภาคสงครามเลือดพันปี เป็นต้น รวมไปถึง อนิเมหน้าใหม่ ที่สร้างผลงานเด่นในแต่ละซีซั่น เช่น หนุ่มเย็บผ้า กับ สาวนักคอสเพลย์ , Spy×Family , ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว , Chainsaw Man , Blue Lock ฯลฯ
หากจะเขียนเจาะทุกเรื่องในสรุปข่าวการ์ตูนประจำปี คงยัดไม่ไหวแน่ๆ ก็เลยขอเลือกเขียนถึงเรื่องนี้ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า หลายคนคงจะเทใจให้เป็นสุดยอดอนิเมในดวงใจประจำปีกันอย่างแน่นอน สำหรับ Spy×Family อนิเมดัดแปลงจากผลงานมังงะเบาสมอง ของ อ.Tatsuya Endo ที่นำเสนอเรื่องราวของ Loid สปายหนุ่ม ฉายา "สนธยา" ผู้ได้รับสุดยอดภารกิจ ที่ทำให้เขานั้น จำเป็นต้องสร้างครอบครัวของตัวเอง ซึ่งได้ หนูน้อย Anya ผู้สามารถอ่านใจใครต่อใครได้ กับ สาวนักฆ่า Yor กับ มาเป็นสมาชิกครอบครัวของเขา ในฐานะ ลูกสาว กับ ภรรยา ตามลำดับ (ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ ต่างก็ไม่มีใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน ด้วย)
และด้วยความเป็นมังงะที่มีเนื้อหาเข้าถึงกลุ่มคนอ่านทุกเพศทุกวัย ที่มีการบอกต่อๆกันมา ประกอบกับ นำเสนออารมณ์ครบทุกรสชาติ นอกเสียจากความตลก ประกอบกับ คาแร็คเตอร์ตัวละครหลัก ตัวละครสมทบ ที่ออกแบบมาอย่างโดนใจ ซะจนก้าวไปสู่การคว้ารางวัลชนะเลิศ Next Manga Award ประเภทมังงะออนไลน์ เมื่อปี 2019 ทำให้ผลงานของ อ.Endo เรื่องนี้ ได้รับการสร้างเป็นอนิเมทีวีซีรี่ย์ จำนวน 2 พาร์ท ออกอากาศเมื่อ เม.ย. 2022 กับ ต.ค. 2022 ตามลำดับ
จากความยอดเยี่ยมของมังงะต้นฉบับ แน่นอนว่า ฉบับอนิเมของครอบครัวสปายชุดนี้ จัดเป็นอนิเมเรื่องหนึ่งที่แฟนๆตั้งความหวังเอาไว้สูงลิ่ว ซึ่งพออนิเมออกอากาศจริง ต้องบอกว่า Wit Studio กับ CloverWorks รวมถึง ทีมงานสต๊าฟ ไม่ทำให้แฟนๆได้ผิดหวัง ประกอบกับ นักพากย์ในทีมก็ทำงานได้เข้าขากันดี ส่งผลทำให้ อนิเมของเรื่องนี้ มีอรรถรสความสนุกที่ไม่ต่างไปจากมังงะต้นฉบับเลย และเป็นอนิเมที่ทำเรตติ้งผู้ชมได้สูงเป็นอันดับต้นๆ ในซีซั่น ฤดูใบไม้ผลิ 2022 และ ฤดูใบไม้ร่วง 2022 โดยเฉพาะกับอนิเมพาร์ทที่ 2 ของเรื่องนี้ ที่ออกอากาศไปเมื่อ 1 ต.ค. 2022 กลายเป็นรายการทีวีที่มีเรตติ้งสูงที่สุด ในบรรดารายการทีวีต่างๆ จากทุกสถานีทีวี ในช่วงไตรมาสเดือน ก.ค. 2022 จากการเปิดเผยโดยประธานสถานีโทรทัศน์ TV Tokyo (ไตรมาส ก.ค. 2022 สิ้นสุดลงเมื่อ 2 ต.ค. 2022) ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นอนิเมที่มียอดค้นหาสูงสุดประจำปี 2022 ของ Yahoo Japan อีกด้วย จากการตอบรับอันสุดแสนยอดเยี่ยมของครอบครัว Forger ทำให้พวกเขาได้ไปต่อกับ อนิเมทีวี ซีซั่น 2 และ หนังอนิเม ที่จะลงจอในปี 2023 นี้
ด้วยความปังที่เกิดขึ้นของอนิเมเรื่องนี้ ยังส่งผลดีต่อมังงะต้นฉบับที่ได้รับการบูสต์ยอดตีพิมพ์-ยอดขายเพิ่มมากขึ้น โดยมียอดจัดจำหน่ายถึง 21 ล้านเล่ม เมื่อ พ.ค. 2022 ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 8.5 ล้านเล่ม นับตั้งแต่อนิเมซีรี่ย์เรื่องนี้ ออกอากาศเมื่อ เม.ย. 2022 ก่อนที่ยอดจัดจำหน่ายฉบับรวมเล่มของเรื่องนี้ จะเพิ่มสูงขึ้น ถึง 29 ล้านเล่ม เมื่อ ธ.ค. 2022 ส่งผลทำให้เรื่องนี้ ครองอันดับ 3 มังงะซีรีย่์ขายดีที่ญี่ปุ่นประจำปี 2022 ของ Oricon อีกทั้ง มังงะรวมเล่มทั้ง 10 เล่ม ของเรื่องนี้ ต่างพาเหรดติด 25 อันดับแรก มังงะเล่มที่ขายดีที่สุดประจำปี 2022 ของ Oricon เช่นกัน
ที่น่าสนใจคือ ในช่วง เม.ย. - พ.ย. 2022 มังงะฉบับรวมเล่ม เล่ม 1-9 ของเรื่องนี้ (ที่วางจำหน่ายในขณะนั้น) ต่างจากติดอันดับขายดีที่ญี่ปุ่นของ Oricon ทุกเล่มเลย ไม่เพียงเท่านั้น มังงะเรื่องนี้ ถูกการันตีความยอดเยี่ยมจาก นิตยสาร Da Vinci กับ รางวัล Book of the Year 2022 ในช่วงปลายปี
ด้วยความแรงที่เกิดขึ้นกับมังงะ-อนิเมเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่จะพูดถึงไม่ได้เลย คงหนีไม่พ้น สมาชิกครอบครัว Forger ที่เป็นตัวละครหลักของเรื่อง ซึ่งแต่ละคน ต่างปฏิบัติภารกิจมอบความอบอุ่น และ เสียงหัวเราะ ทำให้แฟนๆเรื่องนี้ต่างก็หลงรักกันไปทั่ว ทั้ง ความหล่อสุขุม(แอบรั่ว) ของคุณพ่อ Loid , ความสวยโหดแต่ใสซื่อสุดๆ ของคุณแม่ Yor แล้วก็ ความไร้เดียงสาสไตล์เด็กแก่น พร้อมใบหน้ามีมนับร้อย ของลูกสาวสุดน่ารัก Anya ที่กลายเป็นมาสค็อตประจำเรื่องนี้ ที่ใครๆหลายคนต่างจดจำ และ พากันนิยมแต่งคอสเพลย์กันมากที่สุด ตามงานอีเว้นต์ต่างๆ (แม้กระทั่ง บอลโลก 2022..555) อย่างไรก็ตาม Anya ไม่ได้มีจุดเด่นแค่หน้ามีมที่ทำเอาแฟนๆพากันขำก๊ากกันตลอดทั้งเรื่องอย่างเดียว แต่ประโยคฮิตติดปากของน้องอย่าง "Anya peanuts ga suki" หรือ อาเนียชอบถั่ว กลายเป็นวลีฮิตติดปากอันดับ 1 ประจำปี 2022 ของ TikTok ญี่ปุ่น อีกด้วย
มังงะ-อนิเมดาวเด่นประจำปี 2022 ที่้เราจะเขียนถึงอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งลำพังเรื่องนี้ก็มีกระแสพูดถึงเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาถึงช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ประกอบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ทำผลงานในทัวร์นาเม้นต์นี้ได้อย่างประทับใจอีก เลยส่งผลทำให้ การ์ตูนเรื่องนี้ ได้รับความสนใจเพิ่มจากคนนอกมากขึ้น ด้วยเช่นกัน ... ซึ่งเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับฟุตบอลสมัยใหม่ ที่ฉีกแนวไปจากการ์ตูนฟุตบอลยุคเก่าที่หลายคนเคยสัมผัส แถมมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลกอยู่หน่อยๆ นั่นก็คือ Blue Lock ขังดวงแข้ง นี่เองงงง (ดัดเสียงคนพากย์ TV Champions)
Blue Lock เป็นผลงานการแต่งของ อ.Muneyuki Kaneshiro ผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานมังงะเรื่อง เกมเทวดา ซึ่งได้ อ.Yūsuke Nomura มาเป็นผู้วาดภาพประกอบ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังทีมชาติญี่ปุ่นประสบความล้มเหลวในศึกฟุตบอลโลก 2018 ทำให้มีการผุดโปรเจ็ค Blue Lock ที่เป็นการเฟ้นหาสุดยอดศูนย์หน้ามาประดับทีมชาติญี่ปุ่น โดยเป็นการรวบรวมนักเตะดาวรุ่งญี่ปุ่นนับ 300 คน มาเข้าแคมป์ฝึกฝนร่วมกัน อาศัยอยู่ร่วมกัน และ มีการทดสอบเป็นระยะๆ ซึ่งหากใครทำผลงานไม่ถึงเกณฑ์ ไม่เพียงแค่จะถูกขับออกจากแคมป์เท่านั้น เส้นทางการติดทีมชาติยังถูกปิดตายลงด้วยเช่นกัน และนั่นจึงทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือดของบรรดาคนที่เข้าร่วมโปรเจ็คดังกล่าว
แม้ภาพรวม Blue Lock จะนำเสนอเรื่องราวฟุตบอลที่เกินจริงไปบ้าง แต่จากการที่เรื่องนี้ได้นำเสนอพล็อตเรื่องในแบบเซอร์ไววัล , การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของบรรดาละคร ซึ่งเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของเรื่องนี้มากขึ้น ประกอบกับ การออกแบบตัวละครที่ค่อนข้างจะโดนใจนักอ่านสาวๆสมัยนี้ ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์มังงะสมัยปัจจุบัน จึงทำให้เรื่องนี้กลายเป็นมังงะฟุตบอลยุคใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้อ่าน จนได้รับรางวัลความยอดเยี่ยมมาการันตี นั่นคือ รางวัลชนะเลิศ สาขามังงะโชเน็นยอดเยี่ยมของ Kodansha Manga Awards ครั้งที่ 45 เมื่อปี 2021 ก่อนจะได้รับต่อยอด กับ บท Spin-Off ทั้งมังงะและนิยาย รวมถึง อนิเมทีวี ที่ได้ลงสนามบนจอ เมื่อ ต.ต. 2022
อนิเมทีวีเรื่องนี้ มีกระแสตอบรับจากแฟนๆเป็นอย่างดี ก่อนที่จะมาได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ทั้งมังงะ-อนิเม ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ได้เปิดฉากขึ้น ประกอบกับผลงานอันสุดประทับใจ ชนะใจแฟนๆ ของทีมชาติญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกหนนี้ ที่สามารถล้มทีมใหญ่ อย่าง เยอรมัน กับ สเปน ได้ ส่งผลทำให้ มังงะเรื่องนี้มียอดจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึง 15 ล้านเล่ม เมื่อ ธ.ค. 2022 (เพิ่มขึ้น 5 ล้านเล่ม หลังจากอนิเมทีวีออกอากาศ+ฟุตบอลโลก ) ...เชื่อเหลือเกินว่า คงมีคอการ์ตูนจำนวนหนึ่ง ต่างยกเครดิตเรื่องนี้ ที่มีส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับ ทีมชาติญี่ปุ่น กลายเป็นทีมสุดแกร่งทีมนึงของโลก แถมเรื่องนี้ เป็นมังงะอีกเรื่องที่ร่วมแคมเปญโปรโมทฟุตบอลโลก กับ ทาง adidas ผู้สนับสนุนชุดแข่งทีมชาติญี่ปุ่น เช่นเดียวกับมังงะ Giant Killing
(หากว่ากันตามความจริง ก็มาจากการวางรากฐานอย่างเป็นระบบของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น รวมถึง ความมีระเบียบวินัยที่คนญี่ปุ่นได้ยึดถือปฏิบัติเป็นประจำ มากกว่า)
จากผลงานของทีมชาติญี่ปุ่น ในศึกบอลโลก 2022 รวมถึง กระแสของ Blue Lock ที่เกิดขึ้นนี้ ก็คาดไม่ถึงว่า มันจะมีความเกี่ยวเนื่องกับวงการฟุตบอลไทยด้วย!!! จากการที่ คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ไอเดียจากการ์ตูนเรื่องดังกล่าว มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชนในบ้านเรา ภายใต้โปรเจ็ค 'Blue Lock บุรีรัมย์' เพื่อที่จะยกระดับให้ ทีมชาติชรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ของเรา สามารถเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกชุด U20 ภายในปี 2025
....อย่างที่หลายคนทราบ วงการฟุตบอลไทยยังคงประสบปัญหาหลายประการที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนยากจะบอกได้ว่า Blue Lock สไตล์ไทยแลนด์ จะสามารถตอบโจทย์ ช่วยให้ฟุตบอลไทย สามารถยกระดับไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือไม่...อนาคตจะเป็นผู้ให้คำตอบ
Satoshi กับ Pikachu สองตัวละครเอกคู่หูแห่งอนิเม Pokémon ที่อยู่คู่กับผู้ชมบนจอมาตลอด นับตั้งแต่อนิเมชุดแรกสุด ออกอากาศเมื่อปี 1997 ตลอดระยะเวลา 25 ปี ที่ผ่านมานี้ เหล่าแฟนๆของ Pokémon ต่างเห็นประจักษ์กับการเดินทางไขว้คว้าความฝัน สู่การเป็นสุดยอดเทรนเนอร์ Pokémon อันดับ 1 ของโลก ของพี่ชิ ทว่า กว่าที่พวกเขาจะไปถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องพบเจออุปสรรคมากมายหลายประการคอยขวางกั้น ซะจนทำให้เขามิอาจบรรลุเป้าหมายมาเป็นเวลาหลายสิบปี สวนทางกับฝั่งคนดูที่ต่างเติบโตไปไกลเกินกว่าเขาแล้ว
แม้จะมีอุปสรรคต่างๆคอยมาขวางกั้นความฝันของเขา แต่พี่ชิ กับ เจ้าหนูสายฟ้า Pikachu คู่หูคนสนิทของเขา ก็ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาตัวเอง ยังคงเดินหน้าไล่ตามความฝันของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่ง ความพยายามที่พวกเขาได้ไขว่คว้ามาตลอด ก็ประสบความสำเร็จ กับ แชมป์ลีกแห่งภูมิภาค Alola ในอนิเม Pokémon : Sun and Moon เมื่อปี 2019 ก่อนที่จะบรรลุเป้าหมายขั้นสูงสุดของตัวเองได้สำเร็จ ในอีก 3 ปีต่อมา กับ ตำแหน่งแชมป์โลก Pokémon World Coronation Series ซึ่งเกิดขึ้นในตอนที่ 42 ของอนิเมทีวีชุด Pokémon Ultimate Journeys (ตอนที่ 132 ของ อนิเม Pokémon Journeys: The Series รวมทุกซีซั่น ) ที่ออกอากาศไปเมื่อ 11 พ.ย. 2022
หลังจากที่ Satoshi กับ Pikachu ได้ใช้ความมุ่งมั่นและความเพียรพยายามของตน ในอนิเม Pokémon มานานถึง 25 ซีซั่น จนสามารถประสบความสำเร็จ ในฐานะ เทรนเนอร์ Pokémon อันดับ 1 ของโลก เล่นเอาบรรดาแฟนๆผู้ที่ติดตามทั้งคู่มาตลอด ต่างพากันน้ำตาคลอเบ้าไปตามๆกัน...ที่ในที่สุด พวกเขาได้เติบโตมาถึงตรงจุดนี้ สมกับความตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม จากการที่ทังคู่ได้เดินทางตามฝันจนบรรลุเป้าสำเร็จ ก็ถึงเวลาแล้วที่การเดินทางของ พี่ชิ กับ เจ้าจู ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน จากการที่ Pokémon กำลังจะมีอนิเมทีวีชุดใหม่ล่าสุด ที่จะมาแทน Ultimate Journeys ในปี 2023 นี้ ซึ่งอนิเมชุดใหม่นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของ อนิเม Pokémon ในรอบหลายปี จากการที่มีการเปลี่ยนตัวละครหลักคนใหม่ ไปเป็น Liko กับ Roy แล้วก็ Pokémon 3 ตัวใหม่ แทนที่ของ Satoshi กับ Pikachu ซึ่ง คู่หู ชิ-จู เตรียมจะทิ้งทวนแฟนๆบนหน้าจอ กับ Ultimate Journeys ในอีก 11 ตอนที่เหลือ ตั้งแต่ 13 ม.ค. 2023 เป็นต้นไป
การลาจอของ Satoshi กับ Pikachu คงจะทำเอาแฟนๆผู้ที่เติบโตมาพร้อมกับคู่นี้ อดที่จะรู้สึกใจหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว ...ถึงกระนั้น ก็ต้องขอขอบคุณคู่หูคู่นี้ ที่ได้เดินทางทำตามความฝันของตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครต่อใครในการต่อสู้ชีวิตเพื่อทำตามความฝันให้สำเร็จ เช่นกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหล่าตัวละครเอกเจนใหม่ที่จะมาสานต่อตำนาน Pokémon จะสร้างความประทับใจ และเอาชนะใจ แฟนๆเรื่องนี้ได้ เช่นเดียวกับ Satoshi กับ Pikachu คู่หูแห่งตำนานคู่นี้!!!!!!
ปี 2022 ที่กำลังจะผ่านไป มีผลงานมังงะหลายเรื่องที่อวสานลงไป นอกจากจะสร้างความใจหายให้แก่บรรดาแฟนๆมังงะเรื่องนั้นๆแล้ว ก็ยังสร้างความชี้ช้ำให้แก่สนพ. และ นิตยสารต้นสังกัด ที่จะต้องปลุกปั้นซีรี่ย์มังงะเรื่องใหม่ มาทดแทนเรื่องเก่าที่จบลงไป ซึ่งถือเป็นวัฏจักรปกติของนิตยสารมังงะญี่ปุ่น
เพียงแต่ ปีเสือนี้ กลายเป็นปีที่ นิตยสารมังงะ Shonen Magazine ของ สนพ. Kodansha ถึงคราวผลัดใบครั้งใหญ่ จากการที่มังงะซีรี่ย์เรื่องดาวเด่นเสาหลักของพวกเขา จบลงไปถึง 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ Fire Force (En En no Shouboutai ) หน่วยผจญคนไฟลุก , Ace of Diamond Act II และ Tokyo Revengers โดยเฉพาะกับเรื่องหลังสุดนั้น ถือเป็นเดอะแบกของนิตยสารหัวนี้ ในช่วง 1-2 ปีหลังเลยก็ว่าได้
แม้ว่า Magazine จะสูญเสียซีรี่ย์แนวโชเน็นเรื่องฮิตติดลมบนถึง 3 เรื่องข้างต้น แต่ภาพรวมนั้น อาจไม่ส่งผลกระทบต่อนิตยสารหัวนี้มากนัก จากการที่ Magazine กำลังมีจุดขายที่ชัดเจน ด้วยการอัดยัดมังงะซีรี่ย์แนวโรแมนติค-คอเมดี้ เข้ามากมายในหัวนี้ เกินกว่า 10 เรื่องด้วยกัน!!! (ซะจนถูกนักอ่านล้อว่า เป็น "Rom-Com Magazine" ) แถมมังงะรอมคอมจำนวนหนึ่งในเล่ม ต่างได้บัพจากฉบับอนิเมของแต่ละเรื่องด้วย
ขณะที่ มังงะแนวโชเน็นที่ยังอยู่ในนิตยสารหัวนี้ (ที่นับวันร่อยหรอลงทุกที) นอกจาก ซีรี่ย์บุญเก่าของผู้แต่งคนนั้นๆ อย่าง Edens Zero หรือ กาลวิบัติ 4 อัศวิน รวมไปถึง ก้าวแรกสู่สังเวียน มังงะตำนานประจำเล่มที่นักอ่านพากันขึ้นหิ้งไปแล้ว ซีรี่ย์รุ่นใหม่ที่พอฝากฝังไปได้ ประกอบด้วย Blue Lock ที่กำลังกระแสแรงในตอนนี้ , Gachiakuta ซีรี่ย์แอ็คชั้นน้องใหม่มาแรง ติดลิสต์ของ Next Manga Award 2022 ที่ต้องรอดูฟอร์มกันซักระยะ รวมถึง Shangri-La Frontier และ ขบวนการกำมะลอ ที่กำลังไปได้สวย จนได้รับการประกาศจัดทำเป็นอนิเมทีวี ที่จะได้รับชมกันในอนาคต
***** รวมซีรี่ย์มังงะอวสาน ปี 2022 *****
Kimi to Boku , Knight's & Magic , Sōnan desu ka? / ช่วยที She ติดเกาะ , Chihayafuru , Nobunaga Concerto* , Hakaishin Magu-chan / เทพมารตัวแสบ มักจัง , Dr.Stone , Dead Dead Demon's Dededededestruction , Break Blade , VIGILANTE -My Hero Academia Illegals- , Ayashimon , Shaman King Marcos , Shaman King Faust8 , Kaguya-sama wa Kokurasetai / สารภาพรักกับคุณคางุยะซะดีๆ - สงครามประสาทความรักของเหล่าอัจฉริยะ- , น้องสาวของผมคืออาจารย์เอโรมังกะ (ไลท์โนเวล) , Chi.: Chikyuu no Undou ni Tsuite / สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด , Mashiro no Oto / พิศุทธ์เสียงสำเนียงสวรรค์, Psycho-Pass 3: First Inspector, Tokyo Mew Mew Olé! , The EXEcutional มหาสงครามออนไลน์ถล่มจักรวาล , Let's! Haikyu!? , Black Tiger
หนึ่งในข่าวที่ฮือฮาที่สุดในวงการมังงะญี่ปุ่นในรอบปีที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น การตัดสินใจวางปากกาเขียนการ์ตูน และก้าวลงสู่สนามการเมืองอย่างแน่วแน่ของ อ.Ken Akamatsu นักเขียนมังงะ ผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานเรื่อง Love Hina บ้านพักอลเวง , คุณครูจอมเวท Negima และ UQ Holder! ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ ก็เป็นผลพวงมาจากการที่ตัวเขาสนใจในเรื่องการเมืองเป็นทุนเดิม และมักจะออกมาเคลื่อนไหวการเมือง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวงการการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเขาได้ประกาศแผนการที่จะลงเล่นการเมือง เมื่อช่วง ธ.ค. 2021
หลังจาก UQ Holder! ผลงานมังงะเรื่องล่าสุดของเขา ได้อวสานลง เมื่อ พ.ค. 2022.... อ.Akamatsu ก็เข้าสู่วงการการเมืองทันที ด้วยการลงสู้ศึกเลือกตั้ง สว. (หรือ ราชมนตรีสภา / สภาสูง) ของญี่ปุ่น ในนามผู้สมัครของพรรค LDP เมื่อช่วงฤดูร้อน 2022 และ จากผลการเลือกตั้งดังกล่าว ปรากฏว่า อ.Akamatsu สามารถเอาชนะการเลือกตั้ง สว. ญี่ปุ่น ได้สมใจ และ สร้างประวัติศาสตร์เป็น นักเขียนมังงะอาชีพคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาไดเอทของญี่ปุ่น ในฐานะของ สว.
แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่ อ.Akamatsu รวมถึง สมาชิกพรรค LDP ต่างเสียขวัญกำลังใจ จากการที่ Shinzo Abe อดีตนายกญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสมาชิกคนนึงของพรรค LDP ถึงแก่อสัญกรรม จากการถูกลอบยิงในขณะช่วยลูกพรรคหาเสียง ก่อนเลือกตั้งสว.ไม่กี่วัน แต่ อ.Akamatsu ได้ให้คำมั่นต่อประชาชน หลังชนะการเลือกตั้งว่า เขาจะตั้งใจทำงานอย่างหนัก เพื่อเติมเต็มสัญญาของตัวเอง และจะไม่ทรยศต่อคนที่มาลงคะแนน ผู้ซึ่งได้ฝากความหวังมาที่เขา และ เขาเอง จะไม่รู้สึกอาย ที่ได้เป็นตัวแทนของประชาชน พร้อมกับสานเป้าหมายหลัก ในการผลักดันนโยบายต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อวงการมังงะ-อนิเมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น การผลักดันด้านเสรีภาพการแสดงออกแก่บรรดาผู้สร้างมังงะและอนิเม , การนำเอาผลงานมังงะ-อนิเม เป็นทูตสันถวไมตรีกับนานาชาติ , สนับสนุนคนทำงานฟรีแลนซ์ เป็นต้น
เชื่อว่า หลายคนคงจะรู้ดีว่า วงการการเมืองนั้น เป็นเวย์ที่ออกจะเทาๆ ไม่ได้ใสสะอาด และ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เพียงแค่จะต้องพยายามผลักดันนโยบายของตัวเองตามที่เคยสัญญากับปชช.ตอนหาเสียงแล้ว ยังต้องออกมาเคลียร์ใจกับ ปชช.ส่วนหนึ่ง ที่กำลังขัดใจกับนโยบายบางอย่างของรัฐ (โดยเฉพาะประเด็น ระบบใบกำกับภาษีแบบใหม่ของญี่ปุ่น ที่บังคับให้ผู้เสียภาษีต้องระบุชื่อจริง แทนที่จะเป็นนามแฝง ซึ่งทำเอาบรรดา ผู้สร้างในหลายวงการ ที่มักใช้นามแฝงปกปิดตัวตนจริงๆ เดือดร้อนกันเป็นแถบ )
....แฟนๆผู้ชื่นชอบผลงานของ อ.Akamatsu ก็ต้องติดตามและให้กำลังใจเขากันต่อไป ในฐานะของ สว.ญี่ปุ่น
อ.Ken Akamatsu ขณะกำลังหาเสียงเลือกตั้งสว. ที่ Akihabara
ปี 2022 ที่ผ่านมา จัดเป็นปีที่สตูดิโอ Toei Animation เจอเรื่องหนักมาตั้งแต่ต้นปี จากการที่สตูดิโอของพวกเขา เจอ Hacker เข้ามาเจาะระบบเน็ตเวิร์คของสตูดิโอ เมื่อ มี.ค. 2022 ซึ่งส่งผลกระทบ ไม่เพียงแค่ เว็บไซต์หลัก และ ร้านค้าออนไลน์ของสตูดิโอ ต้องปิดให้บริการแล้วนั้น ก็ยังส่งผลกระทบต่อการผลิตอนิเมจำนวนหนึ่งของทางสตูดิโอ ประกอบด้วย One Piece , Digimon Ghost Game , Dragon Quest The Adventure of Dai และ Delicious Party Pretty Cure ต้องงดการออกอากาศตอนล่าสุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลต่อหนังอนิเม Dragon Ball Super: Super Hero ที่ต้องเลื่อนฉายบนโรงไปยาวๆ จาก เม.ย. 2022 ไปเป็น มิ.ย. 2022
สำหรับอนิเมซีรี่ย์ข้างต้น ได้เปลี่ยนไปฉายรีรันตอนเก่าแทน ในช่วงที่สตูดิโอกำลังแก้ไขระบบเน็ตเวิร์ค และ สืบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ก่อนจะกลับมาฉายตอนใหม่ตามปกติ ในอีก 1 เดือนต่อมา
โดยการแฮ็คข้อมูลที่เกิดขึ้นกับ Toei Animation ในครั้งนี้ เป็นการถูกโจมตีโดยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (ransomeware) ซึ่งสร้างผลกระทบต่อการผลิตอนิเมชั่นของสตูดิโอโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลต่อข้อมูลทางธุรกิจของสตูดิโอ ที่อาจหลุดรั่วสู่คนนอก ด้วยฝีมือของแฮ็คเกอร์ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแต่ Toei ที่เดียว ที่ถูกแฮ็คเกอร์เล่นงานเท่านั้น Bandai Namco Holdings เป็นบริษัทใหญ่ด้านอนิเมอีกแห่งหนึ่ง ที่ถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่ เล่นงานด้วย เช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาจะเจอแฮ็คเกอร์สร้างความปวดหัวให้พวกเขาเมื่อต้นปี รวมไปถึง ดราม่าเกี่ยวกับลระบบการทำงานภายในองค์กรของพวกเขา ที่ยังเห็นข้อบกพร่องอยู่ ....แต่หลังจากนั้น สถานการณ์ของพวกเขา ดูจะไปราบรื่นอย่างสุดๆ ตลอดทั้งปี 2022 นี้ ซึ่งมาจากความสำเร็จของหนังของพวกเขา ที่สามารถโกยรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ อาทิ One Piece Film Red , Dragon Ball Super: Super Hero และ The First Slam Dunk ประกอบกับ การขายลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายสินค้า,เกม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ของ One Piece และ Dragon Ball ต่างทำได้เกินความคาดหมาย เช่นกัน ส่งผลทำให้ พวกเขา ต้องปรับตัวเลขรายได้คาดการณ์ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2022 ให้สูงขึ้นกว่าเดิม
ปีเสือ 2022 ยังถือเป็นปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Sunrise สตูดิโออนิเมชื่อน้ำยาล้างจาน ผู้อยู่เบื้องหลังอนิเมมามากมายหลายเรื่อง ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปี อาทิ Gundam , Love Live! , Cowboy Bebop, Code Geass, Gintama ฯลฯ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงโครงสร้างภายในองค์กรของ Bandai Namco Holdings บริษัทแม่ของสตูดิโอแห่งนี้ มาตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา และไหนๆ Bandai Namco ได้ย้ายบริษัทในเครือมาอยู่ภายใต้หลังคาของสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ทั้งที เลยถือโอกาสปรับปรุงโครงสร้างของสตูดิโอแห่งนี้ไปพร้อมกัน ด้วยการจับเอาไปรวมกับ BANDAI NAMCO Rights Marketing กับ Bandai Namco Arts กลายเป็น Bandai Namco Filmworks ที่เน้นทำธุรกิจอนิเมชั่นโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับ ฝั่งธุรกิจดนตรีของพวกเขา ที่ Sunrise Music ถูกยุบรวมกับ BANDAI NAMCO Live Creative กลายเป็น Bandai Namco Music ซึ่งทั้ง 2 บริษัทใหม่นี้ มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อ 1 เม.ย. 2022
แม้ตัวบริษัท กับ สินทรัพย์ทั้งหมดของ Sunrise จะถูกโอนไปเป็นกรรมสิทธิ์ของ Bandai Namco Filmworks ไปแล้ว แต่แบรนด์ของ Sunrise ยังได้รับการต่อยอดกันต่อไป
จากการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ Sunrise พวกเขายังคงมุ่งเน้นในการทำกำไรจาก Gundam แฟรนไชส์เดอะแบกอันดับ 1 ของพวกเขา ที่สามารถทำรายได้มากกว่า 1 แสนล้านเยน ภายใน 1 ปีงบประมาณ เป็นครั้งแรก เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2021 (รายได้หลักๆมาจาก สินค้ากันพลา ที่ขายดิบขายดีมาก ในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด) จนนำมาสู่อนิเมซีรี่ย์ภาคใหม่ภาคแรกในรอบ 7 ปี ของพวกเขา กับ Mobile Suit Gundam: The Witch From Mercury ที่มาพร้อมกับประวัติศาสตร์ใหม่ของแฟรนไชส์ นั่นคือ เป็นอนิเมซีรี่ย์ Gundam ภาคแรก ที่เปิดโอกาสให้ตัวละครหญิง กฃายเป็นตัวละครเอกหลักของเรื่อง ไม่เพียงเท่านั้น Gundam ภาคดังกล่าว ยังมีการปรับปรุงเนื้อหาให้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่มากขึ้นเช่นกัน
นอกเหนือจากอนิเมชุดดังกล่าวแล้ว ในปี 2022 นี้ Sunrise / Bandai Namco Filmworks ยังได้ดำเนินโปรเจ็คต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Gundam เช่น ภาพยนตร์อนิเม Gundam: Cucuruz Doan's Island ที่ฉายบนโรงไปแล้ว , โปรเจ็ค Metaverse ของ Gundam รวมไปถึง โปรเจ็คคิดการใหญ่ของพวกเขาอย่าง Gundam Pavilion ที่มีแผนจะจัดแสดงในงาน World Expo Osaka 2025 อีกด้วย
Kadokawa บริษัทผู้ผลิต มังงะ-ไลท์โนเวล-อนิเม ระดับชั้นนำของญี่ปุ่น จัดเป็นบริษัทหนึ่งของญี่ปุ่น ที่มีแผนการธุรกิจในการทำให้แบรนด์ของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในระดับโลก และ มีความพยายามขยับขยายแบรนด์ของพวกเขา ให้เป็นที่รู้จักและครอบคลุมเข้าถึงผู้อ่านทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งพวกเขาได้ดำเนินแผนการนี้มาต่อเนื่องหลายปี และประสบความสำเร็จมาระดับนึง จากการผลักดันมังงะ-ไลท์โนเวลแนว Isekai หรือ ต่างโลก ให้กลายเป็นแนวอินเทรนด์ในหมู่ผู้อ่านมาอย่างยาวนาน และแนวดังกล่าว ได้รับการต่อยอดเพิ่มเติมด้วย เวอร์ชั่นอนิเม ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลก พากันติดหนึบจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งนอกจากพวกเขาจะมี Isekai มาเป็นอาวุธเด็ดแล้ว พวกเขายังมีไพ่เด็ด มาจากสื่อแนว BL (Boys Love) ที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆสมัยนี้ เช่นกัน
ในปี 2022 นี้ Kadokawa ยังคงดำเนินแผนการโปรโมท-ผลิตสื่อ เข้าถึงทั่วโลก อย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทต่างประเทศ , ผุดโปรเจ็คการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา ที่เน้นผลิตผลงานออริจินอล ร่วมกับ สนพ.ของมาเลเซีย แล้วก็ จัดทำสื่อผสมแนว BL ใน ไทย
(หนึ่งในนั้น เป็น ละครซีรี่ย์ไทย ดัดแปลงจากมังงะ Cherry Magic! 30 ซึ่งมี LC ในไทยโดย Phoenix สนพ.ลูกผสม ระหว่าง Kadokawa กับ บ.อมรินทร์ ของเรา )
รวมถึง ข่าวสุดฮือฮาของหมู่คอการ์ตูนทั่วโลก เมื่อพวกเขาทุ่มเงินในการครอบครองหุ้นส่วนใหญ่ ในกิจการสื่อของ Anime News Network เว็บไซต์ข่าวสารการ์ตูน-อนิเม ชั้นนำระดับโลก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในระดับโลก และ ขยับขยายการโปรโมทสื่อของพวกเขา ให้เข้าถึงตลาดภาษาอังกฤษ มากยิ่งขึ้น
แม้พวกเขาอุตส่าห์ผุดโปรเจ็คคิดการใหญ่ระดับนี้ แต่ถึงกระนั้น โปรเจ็คข้างต้นของพวกเขา ก็แทบจะถูกลืมไปทันที ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 จากการที่พวกเขาถูกพบว่า ได้เข้าไปพัวพันกับคดีติดสินบน เพื่อเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ซึ่งส่งผลทำให้ อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของ Kadokawa จำนวน 2 คน และ Tsuguhiko Kadokawa ประธานบอร์ดบริหารของ Kadokawa ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัย และจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลทำให้ Tsuguhiko Kadokawa และ Masaki Matsubara รองประธานบอร์ดของ Kadokawa ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว
จากคดีสินบนโอลิมปิกข้างต้นนี้ สื่อหลายแห่งของญี่ปุ่น ได้ขุดคุ้ยเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของคดีนี้ และพบว่า นอกเหนือจาก Kadokawa แล้ว ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอีกหลายแห่ง ต่างเข้ามาพัวพันกับคดีนี้ เพี่อหวังถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับมากมายในการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 ของญี่ปุ่น.....และนับเป็นหนึ่งในคดีสุดฉาว ที่ได้หลุดจากใต้พรม หลังจากผ่านพ้นมหกรรมการแข่งขันโอลิมปิก ไปแล้ว 1 ๆ....
เรื่องราวของภาพยนตร์ Live-Action ดัดแปลงจากการ์ตูน ในรอบปีที่ผ่านมานั้น เราได้ผ่านตาไปกับภาพยนตร์ หรือ ละครซีรี่ย์ ดัดแปลงจากการ์ตูน-อนิเม-เกม มากมาย ทั้งสัญญาติฝรั่ง , ญี่ปุ่น หรือ ชาติอื่นๆ ผ่านทางโรงภาพยนตร์ หรือ สตรีมมิ่งแพล็ตฟอร์มต่างๆมากมาย ทั้ง Netflix , Amazon Prime ,Disney+ ฯลฯ โดยเฉพาะกับ Live-Action จากฝั่งตะวันตกนั้น เรื่องที่ได้รับความสนใจจากผู้ชม ยังคงเป็นแนวซูเปอร์ฮีโร่ เหมือนเดิม อาทิ หนังภาคใหม่ของ Doctor Strange , Black Panther, Batman ,Thor แล้วก็ หนังจากซูเปอร์ฮีโร่ ที่ได้รับโอกาสในเวอร์ชั่นจอเงินครั้งแรก อย่าง Black Adam เป็นต้นรวมถึง หนังคนแสดงลูกผสมอนิเมชั่น อย่าง Sonic the Hedgehog ที่หนังภาคต่อของพวกเขา ยังคงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆเช่นเคย จนทำสถิติ หนังจากวีดีโอเกมรายได้สูงสุดในสหรัฐ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บรรดาสตูดิโอฮอลลิวู้ด ต่างก็พยายามที่จะนำเสนอ Live-Action จากการ์ตูนแนวอื่นๆ นอกเหนือจาก ซูเปอร์ฮีโร่ ที่ยึดครองตลาดหนังโลกมานาน ซึ่งมีอยู่หลายโปรเจ็คที่จะได้รับชมกันในอนาคต ทั้ง คนแสดงดัดแปลงจากมังงะ One Punch Man , My Hero Academia , One Piece , ละครซีรี่ย์ใหม่ (ไม่รู้จักเข็ด) ของ Death Note , หนังดัดแปลงจากหนังอนิเม Your Name เป็นต้น
เช่นเดียวกับฝั่ง Walt Disney ที่นอกจากจะโกยกำไรจากหนังฮีโร่ Marvel มานักต่อนักแล้ว พวกเขายังคงดำเนินการจัดทำโปรเจ็คหนังคนแสดง ดัดแปลงจากหนังอนิเมชั่นคลาสสิคของ Disney อย่างต่อเนื่อง ออกสู่สายตาผู้ชมบนจอใหญ่ และ Disney+ ซึ่งในปี 2022 นี้ เราได้รับชม Pinocchio แบบคนแสดง กันไปแล้ว และเรากำลังจะได้รับชม หนังคนแสดงของ The Little Mermaid ,Peter Pan & Wendy และ Snow White ตามมา ในปี 2023-2024
จากโปรเจ็คหนังคนแสดงข้างต้น (รวมถึงหนัง Marvel เรื่องหลังๆ) ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่คอหนังมากมาย จากการที่ผู้ชมต่างสัมผัสได้ว่า Disney พยายามที่จะเสริมเติมแต่ง เน้นความเท่าเทียมกัน เพื่อสนองต่อกลุ่มผู้ชม ที่มีความแตกต่างกัน ในด้านเพศสภาพ , เชื้อชาติ ,ศาสนา , สีผิว ฯลฯ มากขึ้น (ไม่สิ!! มากเกินไปด้วย ในสายตาของผู้ชมบางคน) ทั้งจากการที่เราได้เห็น นางฟ้าผิวสีนิล ใน Pinocchio เอย , เรากำลังจะได้เห็น นางเงือก Ariel มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ไว้ผมทรงเดธร็อค แล้วก็ จะได้เห็น Snow White กลายเป็นสาวผิวแทน แทนที่จะขาวราวกับหิมะ สมชื่อเรื่อง บลาๆๆ
เชื่อว่า คอหนังบางส่วน เข้าใจ Disney ในความตั้งใจที่จะ Woke เพื่อเน้นให้ความสำคัญถึงความเท่าเทียมกัน ผ่านทางหนังของพวกเขา เพียงแต่หารู้ไม่ว่า ผู้ชมหลายต่อกลายคนนั้น ต่างเคยได้รับชมเวอร์ชั่นอนิเมชั่นต้นตำรับมาก่อน ซึ่งก็ทำให้หลายคนต่างติดภาพลักษณ์และฝังใจกับตัวละครในแบบต้นฉบับกันมานาน และแน่นอนว่า การที่คอหนังได้เห็นตัวละครแบบคนแสดงที่คัดออกมาได้ผิดแผกไปจากรูปลักษณ์ที่พวกเขาเคยเห็น เคยคุ้นตา จากต้นฉบับเดิม ย่อมนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความไม่พอใจตามมา กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่ Disney พยายามมาทั้งหมดนี้ กลายเป็นเพียงการยัดเยียดความ Woke ให้แก่ผู้ชมอย่างไม่สมเหตุสมผล และถูกสับเละในแง่ของความไม่เคารพต้นฉบับด้วย เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นบทเรียบของคนทำหนังว่า จะเสริมเติมแต่งความ Woke นั่น ย่อมทำได้ แต่ควรจะนำเสนอให้ถูกบริบท มีชั้นเชิง ให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ (จะให้ดี เลี่ยงๆปัญหานี้ ด้วยการสร้างหนัง - สร้างตัวละครออริจินอล แยกไปต่างหากเลย)
ในเมื่อโปรเจ็คหนังข้างต้น มีการแคสนักแสดงไปแล้ว ซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ก็ได้แต่ติดตามกันต่อไปว่า นักแสดงที่มารับบทนำของหนังเหล่านี้ จะสามารถเอาชนะต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชม ผ่านการแสดงของเขาหรือเธอ หรือไม่ รวมไปถึง การจัดทำบทหนังที่มีการเปลี่ยนแปลงจากต้นฉบับเดิม (ในเมื่อ woke กันมาขนาดนี้แล้ว) จะนำเสนอออกมาได้น่าสนใจ อย่างไร?
นอกจาก Disney จะโดนแฟนๆโจมตีในประเด็นนี้แล้ว อนิเมชั่นซีรี่ย์แนวผู้ใหญ่เรื่อง Velma ที่จะฉายใน HBO Max ในปี 2023 ยังถูกแฟนๆโจมตีในแง่ยัดเยียดความ Woke เช่นกัน จากการที่อนิเมชั่น Spin-Off ของ Scooby Doo ชุดนี้ มีการดัดแปลงตัวละครดั้งเดิมจาก Scooby Doo เกือบยกเซ็ต ทั้ง Velma เป็นเลสเบี้ยน ผิวดำคล้ำเป็นสาวเอเชียใต้ , Shaggy กลายเป็นคนผิวสี , Daphne เป็นสาวเอเชียย้อมผม เป็นต้น ซึ่งหากใครได้ดูจากทีเซอร์ที่ปล่อยออกมาของเรื่องนี้ ก็สามารถมองได้ว่า อนิเมชั่นดังกล่าว ตั้งใจที่ทำออกมาขยี้ความ Woke แบบยัดเยียดที่ Disney ทำมาตลอดในช่วงหลังโดยเฉพาะ ก็เป็นได้ เช่นกัน
(ภาพประกอบ ตัวละคร Russia กับ Ukraine จากเรื่อง Hetalia Axis Power - พลังอักษะ เฮตาเลีย)
สงคราม รัสเซีย-ยูเครน จัดเป็นเหตุการณ์สำคัญของโลก ประจำปี 2022 ที่ได้ดำเนินมาอย่างยืดเยื้อจวนจะข้ามปี ชนิดที่ ผู้นำทั้งสองฝ่าย ยังไม่มีทีท่าที่จะยอมลดลาวาศอกกัน ไม่เพียงแต่จะทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องบาดเจ็บ-ล้มตาย และ อพยพหนีตาย เป็นจำนวนมาก แล้วนั้น ก็ยังส่งผลทำให้เกิดผลกระทบอีกหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจโลกพากันฝืดเคือง - ข้าวของราคาพุ่งสูงขึ้นไปทั่ว รวมไปถึง ปัญหาด้านพลังงานที่เกิดขึ้นในหลายประเทศในยุโรปที่ยังต้องพึ่งพาแก๊สจากรัสเซียเป็นหลัก เช่นกัน
สงครามที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ผู้คน หรือ องค์กร จากหลากหลายวงการ ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัสเซีย ในการนำกำลังทหารเข้ารุกรานอธิปไตย ยูเครน ต่างออกมาแสดงออก ด้วยการแบนรัสเซีย สารพัด ทั้งถูกแบนจากการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ , ระงับการทำธุรกิจ หรือ ให้บริการ ในรัสเซีย เป็นต้น เช่นเดียวกับวงการภาพยนตร์ตะวันตก บรรดาค่ายหนัง ทั้ง Disney, Universal Pictures, และ Sony ต่างประกาศระงับการเผยแพร่หนังของพวกเขา บนแผ่นดินรัสเซีย
ส่วนวงการมังงะญี่ปุ่น ได้มีการแสดงออกเกี่ยวกับสงครามระหว่าง 2 ชาตินี้ เริ่มจาก สมาคมนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบโดยเร็ว พร้อมกับ จัดทำกิจกรรมประมูลผลงานออนไลน์จากนักเขียนมังงะอาชีพ เพื่อนำเงินประมูลที่ได้ ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากสงครามครั้งนี้ ขณะเดียวกัน นิตยสาร Big Comic Original ของ สนพ. Shogakukan ได้แสดงจุดยืนในการสนับสนุนอยู่เคียงข้าง ยูเครน ด้วยการจัดทำโลโก้นิตยสาร ให้เป็นสีฟ้า-เหลือง ตามธงชาติของยูเครน ในฉบับที่ 7/2022 ที่วางจำหน่ายไปเมื่อ 19 มี.ค. 2022 ที่ผ่านมา
ขณะที่วงการเกม Square Enix กับ Bandai Namco Entertainment ต่างบริจาคเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน โดย Square Enix ได้บริจาคเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่องค์กรข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ขณะที่ Bandai Namco Entertainment บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านเยน ให้กับองค์กรการกุศล Save the Children ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงครามครั้งนี้
ปิดท้ายสรุปข่าวการ์ตูนประจำปี ด้วยการรำลึกถึงบุคคลในวงการการ์ตูน ผู้ซึ่งสูญเสียชีวิตในรอบปีที่ผ่านมา โดยในปี 2022 นี้ วงการการ์ตูนญี่ปุ่น ได้สูญเสียบุคคลเบอร์ใหญ่ระดับต้นๆ ไปพอสมควร เริ่มตั้งแต่ อ.Kazuki Takahashi ผู้แต่งYu-Gi-Oh! เกมกลคนอัจฉริยะ ผลงานมังงะที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้หลายคนได้รู้จักกับการ์ดเกมยูกิ ที่ขายดิบขายดีไปทั่วโลก ผู้ซึ่งจากโลกนี้ไป ด้วยอุบัติเหตุในขณะที่เขากำลังดำน้ำ ณ จ.โอกินาว่า ของญี่ปุ่น ก่อนที่ภายหลัง จะมีการเปิดเผยในจาก Stars and Stripes นสพ.ข่าวสารด้านกลาโหมของสหรัฐว่า อ.Takahashi เสียชีวิตในขณะกำลังพยายามช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจมน้ำ จากการติดกระแสน้ำวน ณ บริเวณ Mermaid's Grotto จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงของโอกินาวะ จากวีรกรรมการสละชีพของเขาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้รอดชีวิตในครั้งนั้น ทำให้เขาได้รับการยกย่อง และเป็นที่จดจำในหมู่แฟนๆ ในฐานะ ฮีโร่ ตลอดไป...
นอกจาก อ.Takahashi แล้ว ในปี 2022 นี้ วงการการ์ตูนญี่ปุ่น ได้สูญเสีย บุคคลผู้มีชื้อเสียงระดับต้นๆ อาทิ อ.Motoo Abiko หรือ Fujiko Fujio A นักเขียนมังงะระดับตำนาน ผู้ซึ่งมีผลงานมังงะขวัญใจนักอ่านทุกเพศทุกวัย จาก Ninja Hattori-kun (นินจาฮาโตริ) , Kaibutsu-kun (ผีน้อยไคบุตสึคุง) , Obake Q-taro (ผีน้อยคิวทาโร่) , Parasol Henbee (เฮนเบะกับร่มวิเศษ) , Warau Salesman / Black Humor ฯลฯ แล้วก็ Ichiro Mizuki นักร้องเพลงสายอนิซองรุ่นเก๋า เจ้าของสมญานาม "ราชาเพลงอนิเม" , "ลูกพี่ (Aniki)" ผู้มีผลงานการขับร้องเพลงประกอบอนิเม กับ โทคุซัตสุ มากมาย อาทิ Mazinger Z และ ซีรี่ย์ Kamen Rider เป็นต้น อีกทั้ง เขายังเป็นผู้ก่อตั้งวง JAM Project อีกด้วย
ข้ามฝั่งไปที่วงการการ์ตูนในไทย ได้สูญเสียบุคคลคนสำคัญ อย่าง คุณ วัฒนา เพ็ชรสุวรรณ หรือ อาวัฒน์/ตาโต นักเขียนการ์ตูนรุ่นเดอะ จากนิตยสารการ์ตูน ขายหัวเราะ และ เบบี้ แล้วก็ คุณ ไกวัล วัฒนไกร หรือ อา/น้า ไก นักพากย์สายอนิเมระดับตำนานของไทย ผู้มีผลงานการพากย์เสียงภาษาไทยให้กับการ์ตูนอนิเม มากว่า 40 ปี เจ้าของเสียงพากย์ไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ของ 'เบจิต้า' , 'โซโล' ฯลฯ
เราขอรำลึกถึงคุณงามความดี รวมไปถึง ผลงานของพวกเขาเหล่านี้ ที่เคยได้รังสรรค์ไว้ ในช่วงที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ เช่นเดียวกันกับ บุคคลวงการการ์ตูน-อนิเม ท่านอื่นๆ ผู้ซึ่งสูญเสียชีวิตในรอบปีที่ผ่านมา เราก็ได้รวบรวมลิสต์ไว้แล้ว ตามข้างล่างนี้ :
Shinji Mizushima - ผู้แต่งมังงะเบสบอล Dokaben
Manabu Ohashi - อนิเมเตอร์ประสบการณ์สูงของวงการอนิเมญี่ปุ่น จาก Space Cobra , OVA Robot Carnival
Mia Ikumi - ผู้วาดภาพให้มังงะ Tokyo Mew Mew หรือ โตเกียว เหมียว เหมียว
Tsunanori Sakaguchi - ศิลปินผู้รังสรรค์-คิดค้น แบบตัวอักษรมากมายถึง 400,000 ตัวอักษร ที่ใช้ประกอบสื่อต่างๆ ของญี่ปุ่น รวมไปถึง แบบตัวอักษรที่ปรากฏในอนิเม Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร
Akira Takarada - นักแสดงคู่บุญ แห่งหนัง Godzilla ญี่ปุ่น
Hiroyuki Watanabe - นักแสดงจากซีรี่ย์ Kamen Rider Den-o
Nobuyuki Idei - อดีตประธาน & CEO กลุ่มบริษัท Sony
Hidekazu Yukawa - อดีตกรรมการผู้จัดการ SEGA
Chumei Watanabe - นักแต่งเพลงอนิเม-โทคุซัตสุ ระดับตำนานของญี่ปุ่น จาก Mazinger Z, ซีรี่ย์ขบวนการนักสู้ห้าสี Super Sentai , ซีรี่ย์ Metal Hero รวมถึง อนิเมซีรี่ย์ PreCure จำนวนหลายภาค
Kiyoshi Kobayashi - นักพากย์อาวุโส ผู้พากย์เสียง Daisuke Jigen จากอนิเม Lupin III คนแรกสุด
Hiroshi Ohtake - นักพากย์อาวุโส ผู้มีผลงานการพากย์อนิเมยุคเก่ามากมาย จาก Obake no Q-Taro, Cyborg 009, Speed Racer, Perman, Mazinger Z, Dr. Slump ฯลฯ
Yoshifumi Ushima - นักแต่งเพลง จากอนิเม G-Gundam
Shichirou Kobayashi - ผกก.ศิลป์ ผู้อยู่เบื้องหลังอนิเม Lupin III: Cagliostro no Shiro (Lupin III: The Castle of Cagliostro), Shoujo Kakumei Utena (Revolutionary Girl Utena), Kenpuu Denki Berserk (Berserk), Nodame Cantabile, Kaichou wa Maid-sama! (Maid-sama!) , Tantei Opera Milky Holmes
Isami Ishii - ผู้แต่งมังงะเรื่อง Rider 750 (750 Rider) หรือ ที่นักอ่านบ้านเรา รู้จักกันในชื่อ 'ฮิการุ 750'
Sōta Kusada - ศิลปินนักวาด ผู้วาดตัวละครสาวน้อยเรือรบจากเกมซีรี่ย์ Kantai Collection
Rieko Kodama - ศิลปิน , ผู้กำกับ และ โปรดิวเซอร์หญิง คนเก่ง ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานเกมวีดีโอของ Sega มานาน
Kiyoyuki Yanada - ผู้พากย์เสียงต้นตำรับของ Takenori Akagi จาก Slam Dunk (Kenta Miyake เป็นผู้พากย์เสียง Akagi ในหนัง The First Slam Dunk ซึ่งมีการเปลี่ยนเสียงพากย์ตัวละครเอกจากฉบับอนิเมทีวียกชุด)
Hilnama - นักเขียนมังงะจากเรื่อง Mikkigan demo Genki desu (I'm a Terminal Cancer Patient, but I'm Fine) ที่มีเนื้อหาเล่าประสบการณ์การต่อสู้กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้ายของเธอ นอกจากผลงานมังงะดังกล่าวแล้ว เธอเป็นผู้เขียนมังงะแนว BL เรื่อง Kage no Ma ni Hana (A Flower that Blooms in Shadow) อีกด้วย
Yuki Hijiri - ผู้แต่งมังงะ Locke the Superman และเป็นคนออกแบบ mecha หุ่นจักรกล ให้กับอนิเมหลายๆเรื่อง
DUBU - ผู้วาด มันฮวา Solo Leveling
Jason David Frank - นักแสดงผู้รับบท Tommy Oliver หรือ Green Ranger จาก Mighty Morphin Power Rangers
สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook
หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ