ยังคงต่อเนื่องไปกับการสรุปเทรนด์ฮิต กับ ข่าวสารสำคัญที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูน-อนิเม ประจำปี 2024 ในส่วนของ Part ที่ 2 ที่มีข่าวคราวน่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งเกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ที่มีตั้งแต่ อนิเมกระแสแรงประจำปี , มังงะดาวเด่นประจำปี, หนังอนิเมญี่ปุ่นเดินหน้าคว้ารางวัลเวทีโลก, นิทรรศการ + Pop Up Store จากอนิเมดัง ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา รวมถึง เรื่องราวของนักพากย์ญี่ปุ่น และ ร่วมรำลึกถึงบุคคลในวงการมังงะ-อนิเม ผู้จากไป ในปีที่ผ่านมา
......เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันเลย!!!!!!!!!
เรียกว่า เป็นข่าวใหญ่ที่วงการการ์ตูนญี่ปุ่นได้ประสบพบเจอกัน ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ของปี 2024 เลย......จากการที่ญี่ปุ่นได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 แมกนิจูด ณ บริเวณคาบสมุทรโนโตะ จ.อิชิคาวะ ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น เมื่อ 1 ม.ค. 2024 โดยแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวดังกล่าว ได้สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต และ ทรัพย์สิน เป็นจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว ซึ่งก็รวมไปถึง Go Nagai Wonderland พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานของ อ.Go Nagai (Cuttie Honey , Devilman , Mazinger Z, Getter Robo ฯลฯ๗ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง วาจิมะ จ.อิชิคาวะ บ้านเกิดของ อ.Nagai ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเกิดเพลิงไหม้ อันเป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหวบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ตัวอาคารจะพังทลายลง แต่ สิ่งของจัดแสดงต่างๆ รวมไปถึง ผลงานภาพวาดของเขา ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ถึงกระนั้น อ.Nagai ยังคงแสดงความไม่ย่อท้อต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยถ้อยคำบนแถลงการณ์ ในทำนองที่ว่า ไม่ว่างานต้นฉบับจะสูญเสีย เขาก็จะวาดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ณ บริเวณดังกล่าว ยังได้ส่งผลกระทบต่อการออกอากาศอนิเมทางโทรทัศน์จำนวนหนึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย (อาทิ อนิเมซีซั่น 5 ของ Kingdom) ที่ต้องเลื่อนการออกอากาศออกไป เนื่องจากทางสถานีทีวี ได้เน้นโฟกัสไปที่การรายงานข่างแผ่นดินไหว นั่นเอง
ในช่วงเวลาดังกล่าว มีบุคคล และ กลุ่มองค์กร ในวงการมังงะ-อนิเม ได้ให้การช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ณ คาบสมุทรโนโตะ มากมาย ประกอบด้วย อ.Misaki Takamatsu ผู้แต่งมังงะ Skip and Loafer รวมถึง กองบก. นิตยสารมังงะ Afternoon รวมกันบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว , Kodansha ปล่อยนิตยสารมังงะแบรนด์ Magazine ให้ผู้ประสบภัยได้อ่านฟรีบนแอพ Magazine Pocket ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เป็นต้น
The Boy and The Heron เด็กชายกับนกกระสา ผลงานหนังอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของ Hayao Miyazaki แห่ง Studio Ghibli ยังคงติดลิสต์ข่าวประจำปีของเราอย่างต่อเนื่อง ไปอีกปีนึง จากการที่ตัวหนังชุดนี้ รับประกันความยอดเยี่ยมจนผู้ชมให้การซูฮกทั่วทั้งโลก นำไปสู่การเดินหน้ากวาดรางวัลจากเวทีสำคัญระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ในช่วงต้นปี 2024
เริ่มจากการคว้ารางวัลสาขาหนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม จากเวทีลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 81, หนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม BAFTA ครั้งที่ 77, สาขา Best Storyboarding - Feature และ Best Character Animation - Feature จากเวที Annie Awards ครั้งที่ 51 แล้วก็ สาขาหนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม เวที Oscar ครั้งที่ 96 ซึ่งถือเป็นการหวนกลับมาคว้ารางวัล Oscar เป็นครั้งแรก ในรอบ 21 ปี ต่อจาก Spirited Away เมื่อปี 2003 ของ ผกก.Miyazaki รวมถึง ยังเป็นหนังเรท PG-13 เรื่องแรกของสหรัฐ ที่สามารถคว้ารางวัลในสาขาดังกล่าว ของ Oscar อีกด้วย
ขณะเดียวกัน เวที Japan Academy Film Prizes ซึ่งเปรียบได้กับรางวัล Oscar ของญี่ปุ่น ในครั้งที่ 47 แม้ว่า Godzilla Minus One เป็นไฮไลต์สำคัญของเวทีรางวัลหนนี้ ด้วยการกวาดได้มากถึง 8 สาขารางวัล (แถมตัวหนัง ยังคว้า Oscar ครั้งที่ 96 ในสาขาวิชวลเอฟเฟ็คยอดเยี่ยม ด้วยเช่นกัน) ถึงกระนั้น The Boy and The Heron ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการคว้ารางวัล อนิเมชั่นแห่งปี ไปตามคาด
ไม่เพียงเท่านั้น จากผลงานหนังเรื่องดังกล่าว ทำให้ Miyazaki คว้ารางวัลเกียรติยศในประเภทบุคคลมาครองด้วยเช่นกัน กับ รางวัล Magsaysay ของประเทศฟิลิปปินส์, เช่นเดียวกับ Ghibli ที่ได้รับรางวัลปาล์มทองคำกิตติมศักดิ์ จากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมือง Cannes ครั้งที่ 77 ไปครองได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นกลุ่มบุคคล หรือ องค์กร กลุ่มแรก ที่สามารถคว้าปาล์มทองคำกิตติมศักดิ์จากงานดังกล่าวได้
จากที่ว่ามาข้างต้น แฟนๆผลงานของ Ghibli ต้องติดตามกันต่อ กับ อนาคตต่อจากนี้ของปู่ Miyazaki ว่า จะยังคงมีผลงานหนังเรื่องถัดไปหรือไม่? เชื่อว่า หากเขาทำหนังต่อ หลายคนก็พร้อมที่จะรอรับชม แต่ถึงกระนั้น ก็คงมีแฟนๆบางส่วน ที่แสดงความเป็นห่วงถึง ผกก.ท่านนี้ ในแง่ของสังขารปัจจุบันของเขา ซึ่ง Miyazaki มีอายุถึง 84 ปี แล้ว หลังผ่านวันเกิดของเขา เมื่อ 5 ม.ค. 2025
ในบรรดาอนิเมที่ออกสู่สายตาผู้ชม ในปี 2024 ที่ผ่านมา ก็คงจะปฏิเสธไปไม่ได้เลยว่า Dan Da Dan อนิเมจากผลงานมังงะของ อ.Yukinobu Tatsu กลายเป็นอนิเมที่ได้รับการกล่าวถึงมากมาย และขึ้นแท่นเป็นอนิเมที่มีกระแสการตอบรับมาแรงที่สุด ในช่วงปลายปี 2024 ไปโดยปริยาย!!
ก่อนที่ Dan Da Dan จะลงจอทีวีนั้น มังงะต้นฉบับเอง ได้รับการกล่าวขวัญจากนักอ่านมาระดับหนึ่ง นับตั้งแต่เผยแพร่ครั้งแรกบน Shonen Jump + เมื่อปี 2021 จากการที่เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวได้อย่างหลากหลาย ทั้งแอ็คชั่นสุดมันส์ ความฮาเบาสมองแบบเปลืองกาวไปหลายกระปุก, ความรักแบบวัยรุ่นแบบชวนให้ลุ้นสนุกอย่างเหลือเชื่อ ตลอดจน ความหน่วงสุดซึ้งไปกับเบื้องหลังของตัวละคร....นี่ยังรวมไปถึง งานภาพที่ทำออกมาเฉียบ จัดเต็มรายละเอียดภาพซะยิบ แทบทุกสัปดาห์ ชนิดที่นานๆจะหยุดพักที ซะจนนักอ่านหลายคนแอบเป็นห่วงสุขภาพของ อ.ผู้แต่ง (พอมังงะหยุดลงที คนอ่านส่วนหนึ่งกลับเฮ 555)....และทำให้ Science Saru สตูดิโอผู้สร้างอนิเมเรื่องนี้ ถูกแฟนๆพากันคาดหวังสูง ในแง่ของคุณภาพของฉบับอนิเม
อนิเม Dan Da Dan ออกสู่สายตาแฟนๆครั้งแรก กับ ภาพยนตร์ชุด DANDADAN: First Encounter ที่เป็นการนำเอาอนิเม 3 ตอนแรกมาฉายรวมกัน ซึ่งมีการฉายบนโรงในหลายประเทศในเอเชีย เมื่อ 31 ส.ค. 2024 ก่อนจะทยอยฉายยังทวีปอื่นๆ ในเดือน ก.ย. 2024
จนในที่สุด อนิเมต่อสู้พลังวิญญาณลับ กับ มนุษย์ต่างดาว ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการถกเถียงกันของ โอคารุน (ทาคาคุระ เคน) กับ อายาเสะ โมโมะ คู่พระนางของเรื่อง ในแง่การมีตัวตนจริง ระหว่าง ผี กับ มนุษย์ต่างดาว ได้ออกอากาศทางทีวีอย่างเป็นทางการ เมื่อ ต.ค. 2024 โดยตลอด 12 ตอนของอนิเมชุดนี้ ก็มีกระแสการตอบรับจากแฟนๆที่ดีเอามากๆ จนกลายเป็น Talk of the Town ในทุกสัปดาห์ ซึ่งมีตั้งแต่ประเด็นเนื้อเรื่องตอนล่าสุด, ที่มาของผี หรือ มนุษย์ต่างดาว ที่มีการอ้างอิงจากข้อมูลจริง, ภาพแฟนอาร์ตตัวละคร ที่แพร่สะพัดบนโลกโซเชียล, คุณยายเซโกะ ที่กลายเป็นตัวละครขวัญใจหนุ่มๆ, มนุษย์ต่างดาวเซอร์โป ที่มีความละม้าย คล้ายบุคคลคนนึงในวงการการเมืองบ้านเรา (เฮ้ย!!!!) , ตลอดจน ยายแก่เทอร์โบร่างแมว ที่แม้จะมีนิสัยกวนๆเหมือนเดิม แต่กลับกลายเป็นมาสค็อตสุดเลิฟในหมู่ผู้ชมอย่างสุดๆ ไม่แพ้ "หมูเด้ง" , "หมีเนย (Butter Bear)" , "เสือเอวา" เลยนะเนี่ย!!! (555+)
โดยเฉพาะกับ ตอนที่ 7 ของอนิเม ที่ได้นำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังของผีสาวกายกรรม สมัยเป็นมนุษย์ ที่ชวนทำเอาหลายคนน้ำตาไหลพรากไปตามๆ กัน ไม่แพ้กับ มังงะต้นฉบับ ส่งผลทำให้ตอนนี้ ถูกพูดถึงมากมาย ในหลายๆเพจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมังงะ-อนิเม ส่งผลทำให้ ตอนที่ 7 ของเรื่องนี้ ได้รับเรตติ้งบนเว็บ imdb สูงถึง 9.8 เลยทีเดียว!!!! ซึ่งเป็นสถิติอนิเมตอนที่เรตติ้งสูงที่สุดประจำปี 2024 ของเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย
จากฟีดแบ็คอันยอดเยี่ยม ทั้งมังงะ แล้วก็ อนิเม ตลอดจนการคว้ารางวัล อนิเมแห่งปี 2024 ของ Ameba ส่งท้ายปี 2024 จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ที่ โอคารุน , โมโมะ และ ชาวคณะ จะได้ไปต่อบนจอทีวี กับอนิเมซีซั่น 2 ในเดือน ก.ค. 2025...
หากจะพูดถึงมังงะซีรี่ย์ที่มีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด ของนิตยสาร Shonen Jump รายสัปดาห์ ในช่วงที่มีการผลัดเปลี่ยนซีรี่ย์ดังระดับ tier บนๆ กันอีกครั้ง.....Kagurabachi (คากุระบาจิ) ผลงานมังงะแนวแอ็คชั่นนักดาบอาคม ที่กวัดแกว่งดาบฟาดฟัน แบบไม่สนใครหน้าไหน ของ อ.Takeru Hokazono จัดเป็นมังงะซีรี่ย์อีกหนึ่งเรื่อง ที่ทางจัมป์พยายามจะผลักดันเรื่องนี้ให้กลายเป็นซีรี่ย์ระดับหัวแถวของนิตยสารหัวนี้ (เช่นเดียวกับ Sakamoto Days กับ Blue Box) เคียงคู่กับ One Piece ซึ่งถือเป็นเสาหลักเอกของจัมป์มานาน เพื่อทดแทนการจากไปของ My Hero Academia กับ Jujutsu Kaisen ที่อวสานลงในปี 2024
ซึ่งกว่าที่ Kagurabachi จะมาถึงจุดที่ขึ้นแท่นเป็นซีรี่ย์ระดับเสาหลักหน้าใหม่ของจัมป์รายสัปดาห์ เมื่อช่วงปลายปี 2024 นั้น ก็ต้องผ่านอะไรมาเยอะเช่นกัน....นับตั้งแต่ที่เรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร เมื่อ ก.ย. 2023 มังงะเรื่องนี้ได้กลายเป็นมีมล้อเลียนในหมู่แฟนๆชาวต่างประเทศ อย่างรวดเร็ว จากการที่เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวแอ็คชั่นทำนองพระเอกจับดาบอาคม ล้างแค้นให้คุณพ่อ ที่ถูกสังหารโดยพวกยากูซ่าจอมเวท และจากพล็อตข้างต้นที่แฟนการ์ตูนในตอนนั้น มองว่า ค่อนข้างจะเชย ประกอบกับ ลายเส้นมังงะที่ดูไม่น่าสนใจนัก ทำเอาแฟนๆในโซเชียลตอนนั้น พากันปั่นไปทั่ว (ยิ่งกว่า Tour de France) ว่า "นี่คือโค-ตรสุดยอดมังงะ" , "มังงะ สุดยอดของสุดยอด นี้ ได้รับการทำเป็นอนิเม / live-action บลาๆ, สุดยอดมังงะในรอบ 100 ปี" ฯลฯ
แม้มีมข้างต้น ฟังแล้วออกแนวแกมประชดกลายๆ แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องขอบคุณชาวโซเชียลผู้สร้างมีมดังกล่าว ที่ทำให้มังงะเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากนักอ่านไปทั่ว ซะจนทำให้เรื่องนี้ทำสถิติยอดวิวอันดับ 1 บนแอพ/เว็บไซต์ Mangaplus ตั้งแต่ตอนแรก
รวมถึง มีลิขสิทธิ์ฉบับรวมเล่มในอเมริกาเหนือ อย่างรวดเร็ว พอๆกับ Samurai 8 เช่นกัน
ถึงกระนั้น นานวันเข้า ก็พบว่า มังงะเรื่องนี้ มีพัฒนาการในการนำเสนอเรื่องราวให้น่าสนใจมากขึ้นในทุกตอน ไปพร้อมกับ การนำเสนอซีนแอ็คชั่นการต่อสู้ที่มันส์ไม่แพ้เรื่องไหนๆ เลย ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า อ.Hokazono มีของจริง!! สมกับเป็นนักเขียนระดับรางวัลชนะเลิศการประกวดTezuka Award ครั้งที่ 100 (ทั้งๆที่ อ.เอง เพิ่งจะมาเป็นนักเขียนมังงะอาชีพ ในช่วง Covid ระบาด) ซะจนทำให้เรื่องนี้ได้ยกระดับความนิยม กลายเป็นซีรี่ย์อันดับต้นๆของจัมป์ในขณะนี้ ตลอดจน ฉบับรวมเล่มของมังงะเรื่องนี้ ก็มียอดขายที่อีโวขึ้นในทุกเล่ม จนมียอดจำหน่ายรวมกว่า 1.3 ล้านเล่ม จากฉบับรวมเล่ม 5 เล่ม เมื่อ ธ.ค. 2024 ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องนี้้ ยังสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ สาขามังงะรูปเล่ม ของ Next Manga Award 2024 รวมไปถึง ได้เข้าชิงรางวัลมังงะยอดเยี่ยมของ Shogakukan Award ครั้งที่ 70 ในปี 2025 นอกจากนี้ ก็ยังมีข่าวลือว่า เรื่องนี้กำลังจะถูกสร้างเป็นอนิเม ณ สตูดิโอ Cygames Pictures จากการรายงานโดย Toyo Keizai Online อีกด้วย
จากข้างต้น ก็พอเป็นการพิสูจน์ได้ว่า มังงะเรื่องนี้ มี potential อย่างจริงไรจริง สามารถไต่เต้าอันดับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยตนเอง ชนิดที่ไม่เป็นเพียงแค่มีมล้อเลียนอีกต่อไป......สามารถติดตามอ่านฉบับแปลไทยของเรื่องนี้ได้ (ทั้งฉบับรวมเล่ม กับ รายตอนบน Mangaplus) โดยสนพ. SIC ซึ่งฉบับแปลไทยของเรื่องนี้ ก็มีกระแสการตอบรับอย่างร้อนแรงไม่แพ้กันกับนักอ่านญี่ปุ่น กับ ต่างประเทศ
....ถึงกระนั้น เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่แฟนๆ จำนวนหนึ่ง ในแง่ของความเหมาะสม และ คู่ควร กับการเป็นซีรี่ย์ระดับเสาหลักของจัมป์ .... เชื่อว่า อ.Hokazono คงจะมีทีเด็ด ที่จะนำพาให้เรื่องนี้ไปไกล ในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไป ในปี พ.ศ. ใหม่นี้......
เทรนด์การ์ตูนอนิเมที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ในรอบปี 2024 ที่ผ่านมานั้น นอกจาก เทรนด์ Art Toy จะมาแรง ซะจน ร้าน Pop Mart คนแห่เข้าร้านกันแน่นในทุกสาขาแล้ว....อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกว่า ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย นั่นก็คือ การที่คอการ์ตูนบ้านเรา ต่างได้สัมผัสกับงานนิทรรศการ รวมถึง ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก แบบ Pop Up Store อย่างถูกลิขสิทธิ์ จากการ์ตูน-อนิเม เรื่องดังจากฝั่งญี่ปุ่นกันตลอดทั้งปีเลย!!!!
สำหรับเทรนด์นี้ หากจะไล่กัน มันก็เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 ที่มีการจัดงาน The World of STUDIO GHIBLI งานจัดแสดงผลงานอนิเมชั่นของ Studio Ghibli ซึ่งมีกระแสการตอบรับจากแฟนการ์ตูนบ้านเราเป็นอย่างดี ซะจนมีงานนิทรรศการจากการ์ตูนอนิเมเรื่องดัง เข้ามาในบ้านเรา อย่างไม่ขาดสาย อาทิ งานนิทรรศการ One Piece ชุด ONE PIECE The Great Era of Piracy Exhibition Asia Tour, งานนิทรรศการ ดาบพิฆาตอสูร ชุด Demon Slayer : Kimetsu no Yaiba Total Concentration Exhibition In BANGKOK, งานนิทรรศการฉลองครบรอบ 30 ปีการตีพิมพ์ "ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน" รวมไปถึง Muse Anime Festival 2025 งานจัดแสดงผลงานอนิเมที่ Muse ได้รับสิทธิ์ในการเผยแพร่ทางช่องทางสตรีมมิ่ง ที่กำลังจะมีขึ้นช่วง ม.ค.-ก.พ. 2025 นี้ เป็นต้น
อีกทั้ง ในปีที่ผ่านมา ก็มีร้านจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์จากมังงะ-อนิเมดัง ที่จัดทำในรูปแบบ Pop Up Store ที่แม้จะเปิดแบบจำกัดเวลา แต่ก็มีการเสริมความน่าสนใจด้วยการจัดมุมถ่ายรูปต่างนานา เพิ่มความสนใจให้แก่แฟนๆการ์ตูน เข้ากับยุคสมัยโซเชียลเป็นอย่างดี ไปพร้อมกับร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ที่มีการวางจำหน่ายสินค้า ทั้งสินค้าลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น แล้วก็ สินค้าที่มีจำหน่ายเฉพาะในไทย เท่านั้น เช่น Spy x Family, Attack on Titan, ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน, อ.Junji Ito และ Jujutsu Kaisen เป็นต้น
เท่านั้นไม่พอ คอการ์ตูนบ้านเรา ยังได้สัมผัสกับ Jump Shop ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจากซีรี่ย์การ์ตูน-อนิเม ในเครือ Jump แบบถูกลิขสิทธิ์ ที่มาเปิดในร้าน Kino Kuniya ทุกสาขาในบ้านเรา รวมถึง Animate Bangkok - MBK ที่มีการปรับปรุงร้านใหม่ล่าสุด ในช่วงก่อนส่งท้ายปี 2024
นี่ยังไม่รวมถึง คาเฟ่ในธีมอนิเม ที่คอยหมุนเวียนธีมกัน โดย Animate Bangkok สาขา MBK แล้วก็ Fan Fan Cafe ร้านคาเฟ่อนิเมจากไต้หวัน ที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเรา ในปี 2024 เช่นกัน
นอกเหนือไปจากนี้ Spy x Family กลายเป็นการ์ตูน-อนิเม ที่แมสในบ้านเรา ใน พ.ศ. นี้ อย่างแท้จริง นอกจากจะมีการเปิด Pop Up Store ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ...เรื่องนี้ ยังมีการจัดทำแคมเปญกิจกรรมโปรโมชั่น ร่วมกับร้านอาหารแฟรนไชส์ดังในบ้านเรา หลายเจ้า ด้วยเช่นกัน!!!
.
.
.
จากการที่คออนิเมบ้านเรา ได้สัมผัสกับนิทรรศการ กับ ร้านค้า Pop Up จากอนิเมสิขสิทธิ์มากมายขนาดนี้....ส่วนหนึ่งนั้น ก็มาจากการที่คออนิเมในบ้านเรานั้น ได้สนับสนุนผลงานอนิเมลิขสิทธิ์กันมากขึ้นในทุกๆปี ซึ่งก็ส่งผลดีต่อแฟนๆในบ้านเรา ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับอีเว้นต์ หรือ ร้านค้าเหล่านี้ มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ...ฉะนั้น ก็ขอให้สนับสนุนผลงานอนิเม(หรือ มังงะ) ของพวกเขา ในช่องทางที่ถูกต้อง กันอย่างต่อเนื่อง......
มาถึงข่าวฉาวสุดช็อค ที่เกิดขึ้นในวงการอนิเมญี่ปุ่น ในปีที่ผ่านมา ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Tōru Furuya นักพากย์รุ่นใหญ่คนดังของญี่ปุ่น ผู้มีผลงานการพากย์เสียงอนิเมมากว่า 50 ปี เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นผู้พากย์เสียงตัวละคร Amuro Ray จากอนิเมซีรี่ย์ภาคแรกสุดของ Gundam รวมถึง Tuxedo Mask จาก Sailor Moon, Yamcha จาก Dragon Ball, Pegasus Seiya จาก Saint Seiya, Kyosuke Kasuga จาก Kimagure Orange Road, Ribbons Almark จาก Mobile Suit Gundam 00, Tōru Amuro/Rei Furuya จาก Detective Conan และ Sabo จาก One Piece ที่กลับกลายเป็นว่า ชีวิตของเขา มาดวงอับเอาสุดขีต ในปีที่ผ่านมา อันเป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำของเขา....
โดย Weekly Bunshun สื่อแท็บลอยด์ของญี่ปุ่น ได้รายงานข่าวว่า Furuya กำลังคบชู้อยู่กับแฟนคลับสาววัย 30 ปี ผู้หนึ่ง มาเป็นเวลา 4 ปีครึ่ง จนถึง ก.ย. 2023 ไม่เพียงเท่านั้น สื่อดังกล่าว ยังรายงานด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขา กับ แฟนคลับสาว ไม่สู้ดีนักในช่วงหลัง จนถึงขั้นตบตีกัน และยังทำฝ่ายหญิงนั้น ตั้งครรภ์ และ แท้ง ในเวลาต่อมา
แม้ว่า Furuya ได้ยอมรับสารภาพกับแถลงขออภัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ตาม ....แต่ถึงกระนั้น ข่าวอันสุดช็อคอันเนื่องมาจากการกระทำของเขา กลับกลายเป็นแรงกระแทกที่ส่งผลกระทบต่อการงานของเขาไปเต็มๆ นอกจากเขาจะถูกยกเลิกในการโชว์ตัวตามงานอีเว้นต์ต่างๆ แล้ว เขายังถูกถอดออกจากการเป็นหนึ่งในทีมพากย์ของอนิเม แล้วก็ เกมต่างๆ อาทิ เกมวีดีโอ เกม Metaphor: ReFantazio
รวมไปถึง บทบาท Tōru Amuro/Rei Furuya จาก Detective Conan ,Sabo จาก One Piece แล้วก็ Yamcha จาก Dragon Ball ที่เขาได้ตัดสินใจวางมือจากบทบาทดังกล่าว เพื่อรับผิดชอบต่อความผิดที่เขาได้กระทำขึ้น โดย Miyu Irino กับ Ryōta Suzuki มาเป็นผู้พากย์เสียง Sabo ใน One Piece กับ Yamcha ในอนิเม Dragon Ball Daima ตามลำดับ
ปี 2024 จัดว่าเป็นปีแห่งการสูญเสียครั้งใหญ่ในวงการมังงะ-อนิเมของญี่ปุ่น นอกจาก จะสูญเสีย อ.Akira Toriyama นักเขียนมังงะผู้ยิ่งใหญ่ ที่ผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับ ตามที่กล่าวมาในพาร์ทแรกแล้ว ... ในปีนี้ ก็ถือเป็นปีที่มีนักพากย์อนิเมระดับตำนานชาวญี่ปุ่น ผู้เคยสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมมาตลอดหลายปี ได้ทยอยจากโลกนี้ไป อยู่พอสมควร
ประกอบด้วย TARAKO นักพากย์เจ้าของเสียง Momoko Sakura / Maruko-chan จาก Chibi Maruko-chan, Emi Shinohara ผู้พากย์เสียง Makoto Kino หรือ Sailor Jupiter จาก Sailor Moon, Atsuko Tanaka เจ้าของเสียงพากย์ Motoko Kusanagi จากอนิเม Ghost in the Shell แล้วก็ Eiko Masuyama นักพากย์หญิง ผู้พากย์เสียง Fujiko Mine คนแรกสุด จาก Lupin III
(โดยเฉพาะ Masuyama นั้น การจากไปของเธอ เท่ากับว่า นักพากย์ต้นตำรับรุ่นแรกสุด ของอนิเม Lupin III ได้จากโลกนี้ไปหมดแล้ว)
ต่อจากนั้น ก็เป็นเซ็ตนักพากย์ตำนาน จากอนิเมดัดแปลงจากผลงานมังงะของ อ.Fujiko Fujio ที่ได้ละสังขาร ลาจากโลกนี้ เช่นกัน อาทิ Katsue Miwa นักพากย์เจ้าของเสียง Mitsuo หรือ Perman No. 1 จากอนิเม Perman / ปาร์แมน ในทุกเวอร์ชั่น, Noriko Ohara เจ้าของเสียงพากย์ Nobita จากอนิเม Doraemon ปี 1979, Nobuyo Ōyama ผู้พากย์เสียง Doraemon ฉบับปี 1979 (รวมถึง Monokuma จาก Danganronpa) และ Junko Hori เจ้าของเสียงพากย์ Hattori จาก นินจา Hattori กับ Chinpui จากอนิเม Chinpui
โดยในรายของ Ohara กับ Ōyama นั้น หลังการจากไปของนักพากย์ทั้ง 2 ท่านดังกล่าว ทำให้ Michiko Nomura ผู้พากย์เสียงเป็น Shizuka กลายเป็นนักพากย์หลักของ Doraemon ฉบับคลาสสิคปี 1979 เพียงคนเดียว ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ในตอนนี้...
.
.
.
.
.
นอกจาก นักพากย์ระดับตำนานข้างต้นแล้ว ก็ยังมีบุคคลในวงการนักพากย์คนอื่นๆ รวมไปถึง บุคคลในวงการใกล้เคียงกัน อย่าง มังงะ-อนิเม ฯลฯ ที่ได้จากโลกนี้ไปในปี 2024 ....ซึ่งก็ขอรวบรวมเอาไว้ เพื่อรำลึกถึงผลงานที่พวกเขาได้สร้างสรรค์เอาไว้ และสร้างความประทับใจได้มิรู้ลืม
(ขอไม่นับรวม อ.Akira Toriyama ผู้แต่ง Dragon Ball กับ อ.Hinako Ashihara ผู้แต่ง Sexy Tanaka-san ที่ได้นำมายกไว้เป็นประเด็นข่าวหลัก ในพาร์ทแรก)
Shigeyuki Chiba / Tarō Nami : นักเขียนมังงะ ผู้แต่งเรื่อง 4P Tanaka-kun,Kazehikaru, Dreams, และ Sora no Platanus ซึ่งเขาผู้นี้ เป็นน้องชายคนสุดท้องของ อ.Tetsuya Chiba ผู้แต่งมังงะโจสิงห์สังเวียน
Aki Yashiro : นักร้องแนว Enka ชาวญี่ปุ่น ผู้ขับร้องเพลงเปิด - ปิด ให้กับอนิเม Luckyman รวมไปถึง เพลงปิดให้กับอนิเม Gokusen
Haruo Takahashi : นักเขียนมังงะจากเรื่อง Iwayuru Hitotsu no Chō-san Shugi และ อนิเมเตอร์มือเก๋าของวงการ จากอนิเมทีวีชุดแรกของ Lupin the 3rd , ผู้ช่วยคีย์อนิเมเตอร์ หนังอนิเม Ringing Bell (Chirin no Suzu) แล้วก็ อนิเมเตอร์ให้กับอนิเมทีวี Himitsu no Akko-chan
Tomohiro Marukawa : ผู้แต่งมังงะ The World of Narue / นารุเอะ อลวนลุ้นรักสาวต่างดาว
Yū Asai : นักเขียนมังงะจาก Hoshi no Kazu dake Dakishimete, Kimagure Short Cut, Shō-kun Wake up!!, และ Lovin' Yo และเป็นภรรยาของ อ.Motoyuki Asai ซึ่งเป็นนักเขียนมังงะอาชีพเหมือนกัน
Mutsumi Inomata : ศิลปินนักวาด-คนออกแบบตัวละคร จากเกมวีดีโอซีรี่ย์ Tales of / Tales หลายภาค รวมถึง มีผลงาน ออกแบบตัวละครให้กับอนิเม ยุค 80-90 มากมาย อาทิ Makyo Densetsu Acrobunch , Plawres Sanshiro, Leda: The Fantastic Adventure of Yohko , Windaria และ Future GPX Cyber Formula
Hideyuki Umezu : นักพากย์รุ่นใหญ่ ผู้มีผลงานพากย์เป็นตัวละครสมทบ จากอนิเมหลายเรื่อง เช่น One Piece (Diamante), Mobile Suit Gundam 00 (Ian Vashti) , Mobile Suit SD Gundam Festival (GP02 )
Hiroyuki Omori : โปรดิวเซอร์อนิเม JoJo ล่าข้ามศตวรรษ
Nanaeko Sasaya : นักเขียนมังงะกลุ่ม Year Shōwa 24 กลุ่มรวมนักเขียนมังงะผู้บุกเบิกแนวโชโจ ผู้ซึ่งเกิดในปีโชวะที่ 24 (ค.ศ. 1949) เจ้าของผลงานเรื่อง Kamome—GULL— และ Okamehachimoku
Taiki Matsuno : นักพากย์หนุ่มใหญ่ เจ้าของเสียงพากย์ Kindaichi Hajime ตัวละครเอกจากอนิเม คินดะอิจิ กับ คดีฆาตกรรมปริศนา
Saki Aida : ผู้แต่งนิยายแนว BL ต้นฉบับของเรื่อง Deadlock กับ S
Toshiyuki Manabe : นักพากย์หนุ่ม ผู้นมีผลงานการพากย์ในบทตัวละครสมทบ จากอนิเม A Couple of Cuckoos, Date A Live IV, Hensuki, My Girlfriend is Shobitch, My Unique Skill Makes Me OP even at Level 1, และ Uzaki-chan Wants to Hang Out!
Sayuri : ศิลปินสาว และ นักแต่งเพลง เจ้าของเพลงประกอบจากอนิเม Lycoris Recoil , My Hero Academia Season 4, Boku dake ga Inai Machi (Erased) , Kuzu no Honkai (Scum's Wish)
Yukihiro Shibutani : ผกก.ศิลป์ ผู้อยู่เบื้องหลังอนิเม Natsume Yuujinchou (นัตซึเมะกับบันทึกพิศวง) และ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน
Noboru Kimura (Harry Kimura) : ผู้ขับร้องเพลงประกอบให้กับอนิเม รวมถึง ซีรี่ย์แปลงร่างยุคเก่า หลายเรื่อง เช่น Lupin III: Part II, Thunderbirds 2086, Ultraman, Barefoot Gen, Sugata Sanshiro, Mirai Keisatsu Urashiman ฯลฯ
Ryou Kouno : ผกก.ศิลป์คนเก่งจากอนิเม Mob Psycho 100, Devilman: Crybaby, Space Dandy ,Beck, Perfect Blue, Paranoia Agent ,Carole and Tuesday ฯลฯ
Kazuo Umezu : นักเขียนมังงะเขย่าขวัญระดับตำนาน เป็นที่รู้จักจากผลงานแนวเขย่าขวัญหลายเรื่อง ทั้ง Reptilia , Orochi แล้วก็ The Drifting Classroom ฝ่ามิตินรก (เคยวางขายบ้านเรา โดย สนพ. TKO)
Hiroki Ikeshita : ผกก.อนิเม และ อนิเมเตอร์ชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังอนิเม Fairy Tail , Major
Macoto Takahashi : นักเขียนมังงะรุ่นดึก ผู้มีสไตล์การวาดเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้บุกเบิกมังงะแนวโชโจ หรือ การ์ตูนตาหวาน สำหรับนักอ่านหญิง
Donald Sutherland : นักแสดงรุ่นใหญ่ผู้คร่ำหวอดในวงการฮอลลิวู้ด มากว่า 60 ปี เคยมีผลงานที่เกี่ยวข้องกับอนิเมชั่น ด้วยการพากย์เสียงเป็น Dr. Sid ในภาพยนตร์ CG ชุด Final Fantasy: The Spirits Within แล้วก็พากย์เสียงเป็น General Stone ในหนัง Astro Boy ฉบับปี 2009
Jon Landau : โปรดิวเซอร์หนังคนแสดง Alita: Battle Angel
Rachael Lillis : นักพากย์สาวคนดังจาก Pokémon ฉบับพากย์ภาษาอังกฤษ โดยพากย์เสียงให้กับตัวละคร Misty (Kasumi ในต้นฉบับญี่ปุ่น) และ Jessie (หรือ Musashi ในต้นฉบับญี่ปุ่น)
Leonard Riggio : ผู้ก่อตั้ง Barnes & Noble ร้านหนังสือที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในอเมริกา รวมไปถึง ร้านค้าปลีกเกมวีดีโอ GameStop
James Earl Jones : นักแสดง + นักพากย์ชาวอเมริกัน เจ้าของเสียงพากย์ Mufasa (Lion King) กับ Darth Vader (Star Wars) คนแรกสุด
Peter Renaday : ผู้พากย์เสียงเป็น Splinter จากอนิเมชั่นซีรี่ย์ Teenage Mutant Ninja Turtles / ขบวนการเต่านินจา คนแรกสุด
Jan Scott Frazier : อนิเมเตอร์สาวชาวอเมริกัน ผู้คร่ำหวอดในวงการอนิเมญี่ปุ่นมานานถึง 13 ปี และยังเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ได้ทำงานในฝ่ายโปรดักชั่นให้กับสตูดิโออนิเมญี่ปุ่น
Britt Allcroft : โปรดิวเซอร์ผู้สร้าง Thomas & Friends หรือ คุณรถไฟโทมัส ซีรี่ย์รายการเด็กชื่อดังของอังกฤษ
พรพล สำหรับสุข "น็อต-ขายหัวเราะ" : นักเขียนการ์ตูนจากหนังสือขายหัวเราะ และ มหาสนุก
จบลงไปแล้ว กับบทความรวมเทรนด์ฮิต ข่าวฮ็อต วงการการ์ตูน ประจำปี 2567 .... โดยบทความสรุปข่าวการ์ตูนประจำปีของเรา ยังคงเหลืออีก 1 ตอน กับ สรุปผลงาน กับ ลิขสิทธิ์ จากสนพ.มังงะในบ้านเรา ในรอบปีที่ผ่านมา
ซึ่งวงการการ์ตูนในปีงู ปี 2568 จะเดินหน้าไปในทิศทางไหนนั้น ต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไป ....
ขอให้ทุกคนจงมีแต่ความสุข ความโชคดี จะทำอะไรขอให้สมหวังตามที่ตั้งใจ แคล้วคลาดจากอุปสรรคต่างๆ ทั้งปวง ตลอดปี พ.ศ. ๒๕๖๘ แล้วก็....ขอให้เศรษฐกิจ กับ การเมือง ใจดีกับปชช.ในบ้านเรา ด้วยเถิด........
สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook(ปัจจุบัน)
หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ